“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
เป่ยฟางหรงจึงตอบรับอย่างเสียไม่ได้ ยังเก๊กหน้างอเช่นเดิมนางไม่ได้หายโกรธง่าย ๆ นะ เพียงแต่มือไวยิ่งกว่าความคิดปากก็อ้ากว้างยัดผลไม้อบแห้งพวกนั้นเข้าปากทันใด
หลี่จิ้งใช้พัดเคาะหัวนางเบา ๆ
“ยัดเข้าไปยังไงหมด ระวังติดคอ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเชิงจะตำหนิมากกว่า แต่การกระทำนั้นทำให้หลิงเสียนที่ทุ่มเทแรงกายไปมากมายกับการตากผลไม้ทิพย์พวกนี้เพื่อหลี่จิ้งถึงกับดวงตาแทบถลนออกมาด้วยความโกรธแค้น
หลิงเสียนโมโหจนลิ้นจุกปากไม่สามารถพูดอะไรออกได้อีก ถึงหลี่จิ้งจะชอบทำท่าทางเย็นชาและรำคาญเป่ยฟางหรงบ่อยครั้ง แต่เป่ยฟางหรงก็เป็นศิษย์เพียงคนเดียวที่เขายอมเอ่ยปากตำหนิ โดยไม่เคยลงโทษนางจริงจังแม้แต่ครั้งเดียว
อีกทั้งเพียงเห็นนางกระฟัดกระเฟียดเล็กน้อยก็หาทางเอาใจนางจนได้ ถึงเขาไม่พูดแต่การกระทำของหลี่จิ้งล้วนเป็นหลิงเสียนผู้เฝ้ามองมาเนิ่นนานรู้ดีแก่ใจ
คราที่แล้วนางสร้างเรื่องมากมายเพียงใด เขาเพียงแต่ลงโทษนางโดยการกักบริเวณ แม้กระทั่งจะโบยสักไม้ยังไม่กล้าลงมือ
เช่นนี้ไม่เรียกลำเอียงแล้วจะเรียกว่าอย่างไรเล่า
หลิงเสียนยิ่งเจ็บใจที่ของที่นางตั้งใจทำมาแม้แต่ตนเองยังไม่ได้กินสักคำ แต่เป่ยฟางหรงผู้นี้กลับยัดเข้าปาก น้ำลายยืดน้ำลายย้อยกินโดยไม่รู้จักคำว่าเกรงอกเกรงใจผู้อาวุโสเลยแม้แต่น้อย
กิริยามารยาทแบบศิษย์เซียนสำนักใหญ่อันดับหนึ่งก็หามีไม่ ศิษย์ที่ไร้ความอ่อนหวานเช่นนี้เหตุใดหลี่จิ้งจึงได้โปรดปรานนัก
“ศิษย์น้องเมื่อถึงหมู่บ้านข้างหน้าข้าจำต้องพาเป่ยฟางหรงไปคัดเลือกกระบี่ที่หุบเขากระบี่ก่อน เจ้าพาศิษย์ล่วงหน้าไปก่อนเลย หากมีสิ่งใดเร่งด่วนก็ให้รีบใช้วิชาโสตทิพย์ส่งข่าวให้ข้ารู้”
หลิงเสียนจิกเล็บแหลมเข้าที่ฝ่ามือตนเอง แม้กระทั่งกระบี่วิเศษหลี่จิ้งยังต้องพาเป่ยฟางหรงไปเลือกด้วยตนเอง
“เหตุใดศิษย์พี่ต้องไปด้วยตนเองด้วยเจ้าคะ ศิษย์ผู้อื่นล้วนเป็นผู้ดูแลเรื่องศาสตราประจำหุบเขาพาไปนี่เจ้าคะ”
“ข้าไม่วางใจนางอาจก่อเรื่อง อีกทั้งนางไม่คุ้นชินกับอาวุธ วิชาที่นางถนัดก็เป็นเพียงวิชาเวทย์ หากการเลือกศาสตราพลาดพลั้งเกรงว่านางอาจได้รับบาดเจ็บจนขายหน้าเจ้าหุบเขากระบี่ได้ เช่นนั้นชื่อเสียงสำนักเซียนอันดับหนึ่งคงด่างพร้อยแล้ว”
“อาจารย์ข้าอยากได้ยอดกระบี่เจ้าค่ะ”
ทั้งที่มีของอยู่เต็มปากนางก็ยังพูดออกมา แก้มตุ่ย ๆ ของนางยืดออกเป็นลูกซาลาเปา เหมือนเด็กน้อยตะกละผู้หนึ่ง หลี่จิ้งถึงกับส่ายหน้าที่เห็นนางไม่โตเสียที ในขณะที่หลิงเสียนมองนางอย่างดูแคลน
หลิงเสียนคิดว่าถึงเป่ยฟางหรงจะเก่งกาจด้านพลังเวทย์ซึ่งหากประลองกันจริง ๆ หลิงเสียนอาจจะพ่ายแพ้ก็เป็นได้ แต่เพลงยุทธ์ของเป่ยฟางหรงอ่อนด้อยยิ่ง
การเลือกกระบี่นั้นมากน้อยก็ต้องใช้วรยุทธ์ในการฝ่าด่าน ยิ่งด่านสูงเท่าใดก็สามารถเข้าไปเลือกกระบี่ที่อานุภาพร้ายแรงได้ แต่หากวรยุทธ์ด้อยแล้วกระบี่อาจไม่ยอมรับกระทั่งต้องกลับมามือเปล่า
ซึ่งตอนนั้นคงได้เสียหน้าของสำนักแล้วที่กล้าเอาศิษย์ด้อยฝีมือมาคัดเลือกศาสตราวุธประจำกาย ชื่อเสียงเรื่องดีคนพูดถึงค่อนข้างช้า แต่หากเป็นเรื่องเลวทรามหรือเรื่องที่ทำให้ขายหน้ายิ่งเป็นเรื่องของสำนักใหญ่ยิ่งเป็นที่สนุกปากของคนในยุทธภพ
เช่นนี้จะถูกต้องหรือ?
ในขณะที่สองอาจารย์มองนางไปคนละมุม คนหนึ่งนึกเอ็นดูจนอยากจะยกมือลูบศีรษะและจดจ้องกับการกินของนาง อีกคนหนึ่งกับกำลังดูแคลนในฝีมือของนางและยังห่วงชื่อเสียงของสำนัก
บางทีนางอาจจะขอให้หลี่จิ้งคิดทบทวนการเลือกศาสตราของเป่ยฟางหรง ให้นางพร้อมกว่านี้เสียก่อนดีกว่าจะไปทำให้เสียชื่อเสียง
ในขณะที่เป่ยฟางหรงอารมณ์ดีแล้ว ที่อารมณ์ดีเพราะว่ารสชาติของผลไม้แห้งในปากที่หลิงเสียนทำนั้นช่างพอดิบพอดีหอมหวนชวนกินเป็นอย่างมาก รู้สึกว่ากินเท่าใดก็ไม่พอสตรีอารมณ์ร้ายผู้นี้แท้ที่จริงซ่อนเร้นฝีมือในการตากผลไม้เอาไว้
เป่ยฟางหรงจึงไม่รีรอที่จะทำดีกับนาง ก็ไม่บอกแต่แรกนี่นาว่ามีฝีมือด้านนี้ ไม่เช่นนั้นเป่ยฟางหรงก็ย่อมไม่เป็นศัตรูให้เสียเวลา ต่อไปจะได้หลอกล่อนางให้ทำของมาให้อาจารย์เยอะ ๆ เป่ยฟางหรงจะได้ถือโอกาสนี้กินด้วย
เป่ยฟางหรงมองหลิงเสียน เห็นว่าท่าทางของหลิงเสียนไม่พอใจเสียแล้วที่อาจารย์จะไปกับนางจึงพูดลอย ๆ ว่า
“อาจารย์ความจริงข้าไปกับศิษย์พี่ผู้ดูแลศาสตราของหุบเขาก็ได้นะเจ้าคะ ท่านไปกับอาจารย์อาเถิด”
นางโกรธง่ายลืมง่ายอยู่แล้ว เพียงมีอาหารที่ถูกใจมาหลอกล่อ หลิงเสียนชักมึนงงเหตุใดจู่ ๆ เป่ยฟางหรงจึงมาเห็นดีเห็นงามกับตน ครั้นเห็นแววตาเด็กสาวผู้นี้มองตนอย่างเลื่อมใสและยังมองกล่องไม้ของว่างที่หลิงเสียนนำมาอีกกล่องด้วยดวงตาวาววับก็เริ่มเข้าใจทันที
ที่แท้เป่ยฟางหรงก็เห็นแก่กินนี่เองถึงคิดจะประจบนาง หลิงเสียนถึงกับอมยิ้มใจดวงตามีแววเยาะหยันในความไม่ประสาของเป่ยฟางหรงเล็กน้อย นางแกล้งแง้มฝากล่องไม้ออกเผยให้เห็นขนมหน้าตาน่ากินอีกหลายอย่างในนั้น
เป่ยฟางหรงกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ หลิงเสียนแย้มยิ้มในที่สุดนางก็หาจุดอ่อนของเป่ยฟางหรงพบแล้ว
“เหลวไหล หากข้าไม่อนุญาตเจ้ามีสิทธิ์พูดสอดหรือ” หลี่จิ้งเอ่ยอย่างรำคาญ คำพูดของเขาถือเป็นประกาศิต
เป่ยฟางหรงไม่เถียงแล้ว ยัดผลไม้เข้าปากต่อกลัวว่าอาจารย์จะร่ายคาถาปิดปากนางอีกถึงตอนนั้นก็คงอดกินกันพอดี ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่กล่องขนมอีกกล่องของหลิงเสียน