หลี่จิ้งพาเป่ยฟางหรงขี่กระบี่แยกจากศิษย์ผู้อื่นมายังทิศทางตรงข้ามกันเพื่อไปยังหุบเขากระบี่อันเลื่องชื่อ หุบเขานี้เป็นเหมือนคลังอาวุธนอกจากกระบี่แล้วยังมีอาวุธชนิดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ดาบ ธนู หอก ทวน หรือกระทั่งพัดอย่างครบถ้วน
เป่ยฟางหรงเดิมทีก็มีนิสัยขี้เกียจตัวเป็นขนอยู่แล้ว ทั้งที่ตนเองกำลังเกาะอาจารย์อย่างน่าหวาดเสียวอยู่บนกระบี่ ในปากของเป่ยฟางหรงยังแอบเคี้ยวอาหารตุ้ย ๆ การเดินทางใช้เวลาหลายชั่วยามเมื่อท้องอิ่มหนังตาก็เริ่มตึง
เป่ยฟางหรงสัปหงกอยู่ด้านหลังของอาจารย์มือที่รัดเอวของเขาแน่นเริ่มคลาย กระทั่งเกือบร่วงลงไปด้านล่าง ดีที่ปฏิกิริยาของหลี่จิ้งว่องไวเป็นอย่างยิ่งเขาจึงคว้าร่างของนางเอาไว้ได้ทัน หาไม่นางคงร่วงลงไปด้านล่างจนเละตุ้มเป๊ะเป็นแน่
“หรงหรง หรงหรงตื่น เจ้าศิษย์คนนี้นี่ หรงหรง”
หลี่จิ้งปลุกนางหลายครั้งแต่ร่างกายนี้กลับอ่อนยวบยาบแนบลู่ไปกับร่างของเขา นุ่มนิ่มคล้ายก้อนแป้งก้อนหนึ่ง
“อาจารย์หยุดบินแล้วพักนอนสักตื่นได้หรือไม่ แบบนี้อันตรายท่านไม่รู้หรือ ข้าง่วงจะตายแล้วลืมตาไม่ขึ้น”
นางตำหนิเขาเสร็จก็ออดอ้อนด้วยเสียงงัวเงียขี่กระบี่ไกล ๆ นี่ไม่สนุกเอาเสียเลย สายลมเอื่อย ๆ ที่ดังหวีดหวิวอยู่ด้านข้างประดุจเสียงของท่านแม่ผู้กำลังกล่อมเด็กตัวน้อยให้นอนหลับก็ไม่ปาน
“เหลวไหล!!! เรื่องปราบปีศาจจวนตัวเช่นนี้ยังจะมาพักผ่อนอะไรข้าไม่ได้พาเจ้าออกมาเที่ยวเล่น หากไม่ลืมตาขึ้นมาข้าสาบานว่าถ้าเจ้าร่วงลงไปจะไม่สนใจแม้แต่น้อย”
หลี่จิ้งต่อว่านางเสียงดัง แม้ว่าเสียงลมจะหวีดหวิวจนหูอื้อนางยังได้ยินน้ำเสียงของเขาอย่างชัดเจน
“ได้ ๆ ข้าตื่นแล้ว ข้าตื่นแล้ว”
นางพยายามยกหนังตาที่หนักราวกับหินพังชั่งของตนเองขึ้นมาได้ครึ่งหนึ่ง มือข้างหนึ่งกอดเอวของอาจารย์แนบแน่นในขณะที่อีกข้างล้วงเอาขนมในอกเสื้อแกะห่อกระดาษออกอย่างคล่องแคล่วยัดเข้าปากเคี้ยวยั่บ ๆ ประดุจวัวตัวหนึ่งที่กำลังเคี้ยวใบหญ้า
ใบหน้านวลยิ้มน้อย ๆ อย่างพอใจในรสชาติของมัน คิดว่าหากปากนางไม่ว่างคงจะพอประคองสติไม่ให้ดับวูบไหว
ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามกลายเป็นว่านางในตอนนี้กำลังหลับตาพริ้มน้ำลายย้อยโดยมีเศษขนมอยู่ในปากพิงหลังของหลี่จิ้งอยู่ เสื้อด้านหลังของเขาถึงกับเปียกไปด้วยน้ำลายของนาง
หลี่จิ้งรู้สึกเหนื่อยใจ เด็กคนนี้เมื่ออยู่กับเขาเพียงลำพังก็เอาแต่ใจเป็นอย่างยิ่ง ความเกรงกลัวแทบจะไม่รู้จัก ดีที่ต่อหน้าคนอื่นนางยังแสร้งเชื่อฟังอยู่บ้าง เขาทุ่มเทสั่งสอนนางไปไม่ใช่น้อย แต่ผลที่ได้กลับเป็นเช่นนี้ หลี่จิ้งคิดไม่ตกว่าตนเองผิดพลาดไปช่วงเวลาไหน
เมื่อครั้งที่เขาและนางยังไม่ได้ลงมาจุติ นางดื้อรั้นนั่นก็ช่างเถิดเขาสามารถโทษบิดามารดาที่ตามใจนางจนเป็นสตรีไร้สมองได้ แต่ตอนนี้เขาฟูมฟักนางมาเองกับมือ นิสัยของเป่ยฟางหรงก็ยังคงเป็นเช่นเดิมมิหนำซ้ำยังร้ายแรงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
นิสัยนี้เมื่ออยู่ในร่างมนุษย์ก็ยังพอทนได้ แต่หากนางกลายเป็นมารจริง ๆ ด้วยความเอาแต่ใจไร้ซึ่งเหตุผลเช่นนี้คงสร้างความวิบัติให้เกิดแก่สามภพมากกว่ามารผู้ใดเป็นแน่