หากบอกว่านอกจากนางจะทำเสื้อเขาเปียกแล้วยังมีเศษขนมติดอยู่ตรงนั้น อาจารย์อาจจะยิ่งโกรธ กระทั่งคิดหาวิธีออกจึงแกล้งสะดุดขาตนเองล้มโครมไปตรงนั้น
หลี่จิ้งกลับว่องไวขยับกายหนีนางทันใดในขณะที่คว้าช่วงเอวของนางไว้เพื่อไม่ให้นางล้มลงไปอีก เป่ยฟางหรงพลาดเป้าไม่ได้โผเข้าซบอกเขาแต่กลับเสียหลักคิดว่าหลี่จิ้งจะปล่อยตัวเองให้หน้าคะมำจึงคว้าชายเสื้อเขาเอาไว้ด้วยความตกใจ
แคว่กกกกกกกกกกกกกก
เสียงเนื้อผ้าขาดลากยาวมาตามมือของนาง แน่นอนว่าย่อมเป็นชายเสื้อสีแดงของหลี่จิ้ง
ตะ ตาย แน่งานนี้
นอกจากจะทำเสื้อคลุมประจำตำแหน่งเจ้าสำนักตัวโปรดของเขาเลอะทั้งด้านหน้าด้านหลังแล้ว นางยังทำมันขาดอีก เป่ยฟางหรงกำผ้าสีแดงในมือแน่น ปากสั่นระริกจะหาข้อแก้ตัวเช่นไรดี
“อาจารย์ศิษย์ไม่ได้ตั้งใจ พื้นมันลื่นเจ้าค่ะ”
ไหล่ของหลี่จิ้งไหวเล็กน้อย ใบหน้ามืดคลึ้มถอนหายใจยาวออกมาด้วยความอดกลั้น เขาตัดใจถอดเสื้อคลุมประจำตำแหน่งออก แล้วโยนให้เป่ยฟางหรง หญิงสาวรับมาแล้วกอดเอาไว้กับอกอย่างหวงแหน
“ทิ้งเสีย”
“อะ อาจารย์ข้าซ่อมมันได้นะเจ้าคะ ท่านอย่าทิ้งเลยนี่ไออุ่นจากกายท่านยังติดอยู่ กลิ่นกำยานนี่ก็หอมยั่วใจดียิ่ง ศิษย์จะซ่อมเองเจ้าค่ะ อาจารย์วางใจได้”
เป่ยฟางหรงสูดกลิ่นกายของหลี่จิ้งจากเสื้อที่ตนเองกอดแน่น เหตุใดอาจารย์จะทิ้งของดีเช่นนั้น แต่ว่าคำพูดของนางคิดว่าอาจารย์คงไม่ใส่ใจกระมัง ที่กล่าวไปว่าจะซ่อมนั้นนางก็แค่พูดเพื่อแสดงความจริงใจเช่นนั้นเอง เมื่อกลับสำนักนางจะรีบวิ่งไปที่เรือนปักเย็บให้พี่สาวมากฝีมือพวกนั้นซ่อมเป็นอันดับแรก
นางมีหรือจะซ่อมอาภรณ์เป็นเข็มกับด้ายหน้าตาเป็นเช่นไรนางยังแยกมันไม่ออก อีกอย่าง นี่เป็นอาภรณ์ที่สาวทอให้มาผ้าเชียวนะ มนุษย์ธรรมดาจะปะชุนได้อย่างไร ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
คิดไปคิดมาเป่ยฟางหรงรู้สึกว่านั่นไม่ถูกต้อง ผ้านี้มาจากแดนสวรรค์แท้ ๆ เหตุใดขาดง่ายดายเช่นนี้
หรือว่า… นางตาโตขึ้นทันใด
“อาจารย์ท่านถูกหลอกแล้ว นี่ของปลอมชัด ๆ อาภรณ์ที่สาวทอผ้าตัดเย็บจะขาดง่ายดายได้อย่างไร”
“เจ้ากล่าวเพ้อเจ้ออะไรอีก ผู้ใดจะกล้าหลอกข้า”
หลี่จิ้งไม่อยากอธิบายให้มากความ หากเป็นผู้อื่นฉีกคงไม่มีทางขาด แต่เป่ยฟางหรงเป็นจอมมารน้อยที่เกรียงไกรผู้หนึ่งด้วยความตกใจเมื่อสักครู่นางจึงสามารถดึงพลังมหาศาลที่เขาสะกดเอาไว้ออกมาใช้กระทั่งดึงเสื้อของเขาอย่างไรเล่า
เป่ยฟางหรงยังคงเข้าใจว่าอาจารย์ถูกเทพหลอกเอาของปลอมมาให้เสียแล้ว จึงได้แต่รู้สึกว่าเวทนาอาจารย์อยู่ในใจ อาจารย์ควรจะมีรางวัลให้นางเสียด้วยซ้ำ ที่เปิดโปงสาวทอผ้าตัวปลอมผู้นั้น
หน็อยแน่คิดเร่มาขายของแพงให้อาจารย์แลกกับของวิเศษของสำนักเซียนใช่หรือไม่ ดีนะที่นางรู้ทัน ต่อไปคนหลอกลวงผู้นั้นไม่มีทางได้เหยียบที่สำนักของนางอีกเป็นแน่ หานางเห็นหน้านางจะตีให้ขาหักเลยคอยดู
“อาจารย์ข้าทำดีหรือไม่”
ในขณะที่เป่ยฟางหรงชื่นชมตนเอง หลี่จิ้งไม่พูดกับนางแล้ว ยิ่งพูดก็เหมือนเขาเป็นคนโง่ที่ถูกผู้อื่นหลอกได้ง่ายดาย ไว้ให้ถงถงไปขอผ้าของสาวทอผ้ามาใหม่อีกสักผืนก็แล้วกัน ที่ขาดไปแล้วก็ช่างมันเถิด
ถึงจะมีไออุ่นของอาจารย์และกลิ่นของเขาอบอวลอยู่ในอาภรณ์ตัวนี้ เป่ยฟางหรงก็คิดว่ามันคือของปลอมนางจึงโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี หลี่จิ้งถลึงตาเมื่อสักครู่นางยังกอดรัดด้วยความหวงแหนอยู่เลย เพียงชั่วพริบตานางกับโยนทิ้งไปเสียแล้ว
หลี่จิ้งถึงกับกัดฟันกรอด ฉับพลันเกิดเพลิงลุกขึ้นที่อาภรณ์ของเขาเผาไหม้ยอดหญ้าที่อยู่รอบเสื้อตัวนั้นจนดำเมี่ยม
“สมควรแล้วของปลอมย่อมต้องเผาทิ้ง”
เป่ยฟางหรงยังไม่หยุด หลี่จิ้งจึงหันหลังให้นางก่อนที่เขาจะเกิดโทสะขึ้นมาอีก กระทั่งเขาได้ยินเสียงของเจ้าสำนักนักผู้ดูแลหุบเขากระบี่ เอ่ยขึ้นมาตามสายลม
เชิญเจ้าสำนักหลี่เถิด ข้าเปิดค่ายกลทั้งหมดแล้ว ท่านสามารถนำศิษย์เดินขึ้นมาตามเส้นทางเพื่อคัดเลือกกระบี่ได้
เมื่อได้ยินเสียงอนุญาต หลี่จิ้งจึงเอ่ยขึ้น
“ตามอาจารย์มา ค่ายกลเปิดแล้ว”
ครั้นเห็นอาจารย์ของนางก้าวขาผ่านประตูไปโดยไม่ลังเลก็มึนงงเป็นอย่างยิ่ง พิธีรีตองไม่ต้องมีหรอกหรือรอมาเนิ่นนานไม่มีผู้ใดมาต้อนรับอาจารย์ของนางสักคน แถมยังต้องเดินขึ้นไปอีก ขี่กระบี่ไม่ได้หรือ
คำถามยังมีมากมาย อาจารย์ออกเดินนำหน้าแล้ว เป่ยฟางหรงจึงกระโดดโลดเต้นตามเขาไปทันใด
และแล้วเหมือนมีบางสิ่งกางกั้นที่มองไม่เห็นนางจึงกระแทกใบหน้าเข้ากับสิ่งนั้นอย่างแรง เป่ยฟางหรงล้มก้นจ้ำเบ้าอีกครั้ง พร้อมกับร้องเสียงดัง นางไม่สามารถเข้าไปยังหุบเขากระบี่ได้
หลังจากนั้นพลันมีบางสิ่งพุ่งเข้าใส่ เป่ยฟางหรงหวีดร้อง หลี่จิ้งหันหน้ามาอย่างรวดเร็วเพียงชั่วพริบตาเป่ยฟางหรงก็หายไปต่อหน้าต่อตาเขาแล้ว