เป่ยฟางหรงแทบจะลมจับเพราะยิ่งเดินก็ยิ่งเหนื่อย ยิ่งเหนื่อยอากาศก็ยิ่งร้อน นางไม่ถูกกับอากาศร้อนสภาพในตอนนี้จึงคล้ายเต้าหู้เละ ๆ ก้อนหนึ่งที่ถูกวางทิ้งอยู่ข้างกองขยะ แม้แต่ขาก็ก้าวไม่ออก
“อาจารย์ท่านดู ท่านพาข้าเดินขึ้นเขาที่ชันเช่นนี้มาได้อย่างไร ข้าเดินมาครึ่งค่อนวันแล้วยังไม่เห็นว่าจะถึงสุสานกระบี่เดินต่อไปไม่ไหวแล้ว”
นางกอดต้นไม้แน่น ตัดสินใจว่าในเวลานี้นางจะไม่ก้าวขาอีกเป็นอันขาด ต่อให้อาจารย์ตีให้ตายก็เถอะ หุบเขาทั้งสูงทั้งชัน กระบี่คู่กายบ้าบออะไรนางไม่อยากได้แล้ว
เป่ยฟางหรงน้ำตาไหล นางไม่ได้เสแสร้งเหมือนเช่นทุกครั้ง โบกไม้โบกมืออย่างยอมแพ้
“อาจารย์เหนื่อยใจจะขาดแล้วเจ้าค่ะ ฮือ ฮือ”
“เหลวไหล เจ้าเป็นเด็กสามขวบหรืออย่างไรความลำบากแค่เพียงปลายนิ้วเจ้ายังทนไม่ได้”
“อาจารย์ ฮือ ฮือ ปล่อยข้าไปเถอะนะเจ้าคะ ข้าไม่เอาแล้ว ข้าไม่เอาของวิเศษแล้ว”
หลี่จิ้งทั้งโมโหทั้งขายหน้า ถึงเจ้าสำนักของหุบเขากระบี่จะไม่อยู่ตรงนี้ แต่การกระทำของพวกเขาย่อมถูกเจ้าสำนักผู้นั้นจับจ้อง นางคงเป็นเซียนคนเดียวกระมังที่ร่ำร้องอยากจะกลับบ้านมือเปล่าทั้งที่เดินยังไม่ถึงสุสานกระบี่ด้วยซ้ำ
ไม่ได้จะขายหน้าไม่ได้ หลี่จิ้งไม่ยินยอม
“หรงหรงถ้าเจ้ายังไม่ก้าวขาอีกเจ้ารู้หรือไม่ว่าบทลงโทษศิษย์เช่นเจ้าคือสิ่งใด”
“ข้าไม่ไหวแล้วท่านยังจะใจร้ายอีกหรือเจ้าคะ ฮือ ฮือ ฮือ”
“หากเจ้ายังไม่ลุกขึ้นเดิน ข้าจะขับเจ้าออกจากสำนัก มีศิษย์ไร้ฝีมือเช่นเจ้าสู้ไม่มีเสียดีกว่า”
วาจาของอาจารย์ยิ่งทำให้ใจที่บอบบางประดุจแก้วร้าวของนางแตกยับ เป่ยฟางหรงไม่โต้ตอบนางยกมือปิดหน้าปล่อยน้ำตาไหลยิ่งกว่าธารน้ำ ส่งเสียงร้องโฮจนนกกระพือปีกบินหนี ฝูงการ้องร่ำ กระต่ายและฝูงกวางขี้ตกใจแตกฮือวิ่งหนี
พลังกายต่ำต้อยแต่เสียงร้องดังยิ่ง ดังจนน่ากลัว
หลี่จิ้งปกติก็หน้าบางอยู่แล้ว ทำสิ่งใดล้วนตามแบบแผนอันดีงามทั้งแข็งแกร่งและน่าเกรงขาม ศิษย์ในสำนักผู้อื่นล้วนสร้างชื่อเสียง หากเอ่ยชื่อสำนักซินเซวียนมีผู้ใดบ้างไม่นับถือ แล้วเหตุการณ์นี้คือสิ่งใด
เป่ยฟางหรง!!!
หากนางร้องดังกว่านี้อีกสักหน่อย คาดว่าคนของสำนักหุบเขากระบี่คงต้องสงสัยแล้ว ไม่รู้ด้วยว่ากลัวจะขายหน้าหรืออย่างไร หลี่จิ้งจึงไม่พูดจาอุ้มนางตัวลอย พานางเดินจากจุดนั้นอย่างว่องไว
เป่ยฟางหรงยังสะอื้น แต่เห็นอาจารย์อุ้มตนเองขึ้นมาก็รู้แล้วว่าเขาคงไม่กล้าขับไล่นางไปแน่ เสียงร้องจึงหยุดทันที เพียงแต่มีน้ำหูน้ำตาอยู่มาก
ผ้าเช็ดหน้าก็ไม่มี เช่นนั้น…
นางจึงก้มหน้าลงกับอกของเขา เช็ดหน้ากับเสื้อสีแดงเข้มนั่น ผ้านุ่มนิ่มและร่างของอาจารย์ประดุจยาทิพย์ช่วยให้นางผ่อนคลายหายปวดขาได้เป็นอย่างมาก
ก็แน่ล่ะนางไม่ต้องเดินแล้วแสนสบายเสียจริง รู้เช่นนี้นางน่าจะนั่งลงร้องไห้ตั้งแต่ตีนเขา จะได้ไม่ต้องลำบาก