หลี่จิ้งเห็นนางเช็ดน้ำหูน้ำตาทั้งน้ำมูกกับอาภรณ์ของตนก็แทบจะลมจับ มือที่จับต้นขาเรียวของนางอยู่ถึงกับบีบแน่น กระทั่งได้ยินเสียงร้องเจ็บของนางจึงคลายออก
เขาโมโหจนปราณทิพย์แทบจะระเบิดร่างของเขาแล้ว
กระทั่งเสียงอู้อี้แหบเครือของนางเอ่ยขึ้น
“อาจารย์ข้าหิวน้ำเจ้าค่ะ”
ดวงตากลมโตมีน้ำเต็มหน่วยอีกทั้งยังคงไหลออกมาเงยหน้ามองเขา หลี่จิ้งหัวร้อนแทบอยากจะฟาดก้นนางตรงนี้ แต่สิ่งที่ทำได้คือ
“มีน้ำอยู่ในถุงเฉียนคุน ห้อยอยู่ตรงเอวของอาจารย์เจ้าหยิบเอง”
เป่ยฟางหรงดีใจยิ่งไม่รับรู้ว่าน้ำเสียงอาจารย์นั้นดูย่ำแย่เพียงใด เขายังกัดฟันพูดอีกด้วยขาดอีกนิดเดียวเขาคงพ่นไฟออกมาประดุจมังกรพิโรธแล้ว
“มีขนมด้วยหรือเปล่าเจ้าคะ”
“เป่ยฟางหรง!!!”
นางแค่ถามเหตุใดอาจารย์จึงต้องทำเหมือนโกรธด้วย เป่ยฟางหรงคลำมือไปที่เอวของเขาคว้าถุงเฉียนคุนสีแดงขึ้นมา ล้วงเข้าไปแล้วเอ่ยขึ้น
“น้ำ”
เพียงนางพูดสิ่งของบางอย่างก็อยู่ในมือนางเป่ยฟางหรงจึงดึงออกมาเป็นน้ำเต้าที่บรรจุน้ำอยู่จนเต็ม เปิดออกดื่มจนชื่นใจยังมีน้ำใจถามอาจารย์
“หิวน้ำหรือไม่เจ้าคะ ข้าป้อนท่าน”
หลี่จิ้งมองน้ำเต้าที่นางดื่มด้วยสายตาเฉยชา เขาไม่คิดจะดื่มต่ออยู่แล้ว การดื่มน้ำต่อจากผู้อื่นเช่นนั้นช่าง…น่ารังเกียจยิ่ง
“ทำเรื่องของเจ้าไป”
เป่ยฟางหรงจึงเก็บน้ำเต้านั้นลงในถุงเฉียนคุน ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ แล้วนางจึงเอ่ยขึ้นมาอีก
“ขนม” ในมือของนางว่างเปล่าไม่มีของสิ่งใดติดมา นางไม่แน่ใจขอลองอีกครั้งอาจารย์จะไม่มีขนมจริง ๆ หรือ?
“ขนม” ลองอีก
“ของกินได้” อีกครั้ง
“ขนม” ยังไม่มีอะไร ขออีกครั้ง
“ของกินได้” เอ๊ะ หรือเสียงนางไม่ดังพอ เพิ่มเสียงขึ้นมาอีกสักนิด
“ขนม”
“เป่ยฟางหรง!!!”
เป่ยฟางหรงสะดุ้งด้วยความตกใจเพราะเสียงดุของอาจารย์ นางดึงมือออกน้ำตาเหือดแห้งไปหมดแล้วเหลือเพียงความสงสัยว่าเหตุใดไม่มีของกินในนั้นเลย เสียใจเล็กน้อยที่คว้าน้ำเหลว หากรู้ว่าจะหิวอีกนางคงเอาขนมมาจากศิษย์พี่มากกว่านี้
ด้วยวรยุทธ์ที่สูงส่งของหลี่จิ้งเขาอุ้มนางกระโดดไม่กี่ทีก็ถึงหน้าสุสานกระบี่แล้ว เขาปล่อยเป่ยฟางหรงลงสีหน้าของนางดีขึ้นมาเล็กน้อย หลี่จิ้งดึงถุงเฉียนคุนมากมือของนางล้วงเข้าไปหาของบางสิ่งออกมา
“อ้าปาก”
“ขนมหรือเจ้าคะ”
“อืม”