เมื่อเข้ามาด้านในสำนักกระบี่กลิ่นกำยานที่หอมสดชื่นลอยปะทะจมูกเป่ยฟางหรงรู้สึกดีขึ้นเป็นอย่างมาก นางนั่งลงดื่มชาที่สาวใช้นำมาให้ฟังอาจารย์ทั้งสองพูดคุยกันอยู่หลายประโยค
สตรีสูงอายุท่าทางดีผู้หนึ่งก็เดินนำสาวใช้ออกมา ปราณทิพย์ของนางค่อนข้างแข็งแกร่งจนเป่ยฟางหรงสัมผัสได้
ท่าทางจะเป็นผู้อาวุโสของที่นี่
“หลี่จิ้งคารวะฮูหยินเจ้าสำนัก”
เมื่อได้ยินว่าเป็นผู้ใด เป่ยฟางหรงก็ประสานมือทันใด ฮูหยินเจ้าสำนักมองเป่ยฟางหรงอย่างเอ็นดู เด็กสาวหน้าตางดงามน่ารัก ดูซุกซนไม่ใช่น้อย
“คารวะเจ้าสำนักหลี่ ไม่ได้พบกันเสียนานท่านดูองอาจและหล่อเหลาขึ้นมาก”
ฮูหยินเจ้าสำนักเป็นคนสดใสร่าเริง ชอบออกมาต้อนรับคนที่เดินทางมายังหุบเขากระบี่ด้วยตนเอง ยิ่งเป็นคนมีชื่อเสียงอย่างอีกทั้งหน้าตาดีอย่างหลี่จิ้งนางย่อมไม่พลาด
ปีนี้นางอายุหกสิบแล้วแต่ใบหน้ายังคงอ่อนเยาว์อยู่มาก
หลี่จิ้งกระแอมเมื่อได้รับคำชมจากผู้ชราซึ่ง ๆ หน้า เขานั่งลงเมื่อฮูหยินหยุดเท้าที่ด้านหน้าเป่ยฟางหรง
“ศิษย์ของท่านผู้นี้งดงามยิ่งหลายปีมานี้ข้าพบสตรีมามากมายเรียกได้ว่านางงดงามที่สุดเลยก็ว่าได้ นางมีคู่ซินเซียวฝึกวิชาเซียนแล้วหรือไม่”
คำถามตรง ๆ ทำให้หลี่จิ้งพูดไม่ออก ผู้ใดจะไม่รู้ว่าฮูหยินเจ้าสำนักผู้นี้กำลังคัดเลือกว่าที่หลานสะใภ้กันเล่า เห็นสายตาของฮูหยินผู้นี้ก็รู้แล้วว่าต้องตาต้องใจเป่ยฟางหรงเพียงใด ยิ่งเห็นกระบี่ในมือนางยิ่งชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะที่หลี่จิ้งกำลังอึกอักหาทางออกให้เป่ยฟางหรงโดยที่ไม่โกหกและไม่ต้องกระทบความสัมพันธ์ของทั้งสองสำนักอยู่นั้น เป่ยฟางหรงกลับเอ่ยว่า
“คู่ซินเซียวหรือเจ้าคะ ก็อาจารย์ข้าอย่างไรเล่า เขาเป็นคู่ของข้า”
หลี่จิ้งแทบสำลักน้ำลาย ในขณะที่ฮูหยินเจ้าสำนักเอ่ยอย่างเสียดาย
“มิน่าเล่าดูท่านเจ้าสำนักหลี่ห่วงใยนางเป็นพิเศษ วาสนาของข้าคงน้อยไปจริง ๆ”
“เหตุใดกล่าวเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ เกี่ยวอันใดกับวาสนากัน”
“อย่าเสียมารยาท”
หลี่จิ้งดุนางแล้ว เป่ยฟางหรงย่นจมูกนางแค่ถามในสิ่งที่สงสัยสิ่งนี้เหตุใดเรียกว่าเสียมารยาทกัน อันที่จริงเป่ยฟางหรงไม่รู้จักคำว่าคู่ซินเซียวเลยสักนิด เพียงแต่เข้าใจว่าสตรีผู้นี้หมายถึงคนที่จะต้องฝึกวิชาด้วยนางจึงบอกว่าเป็นเขา ทั้ง ๆ ที่คู่ซินเซียวหมายถึงคู่หมายที่ต้องแต่งงานในสำนักเซียน
ในเมื่อนางเอ่ยอย่างซื่อตรงและเขาก็ไม่ได้โกหกออกไป หลี่จิ้งจึงยอมปล่อยความเข้าใจผิดนี้ไป
“ท่านเจ้าสำนักอย่าเข้มงวดกับนางนักเลย ข้าชรามาถึงเพียงนี้ไม่เคยพบผู้ใดที่มีดวงตาสดใสเช่นนี้มาก่อนเห็นแล้วก็อดนึกชื่นชมไม่ได้จริง ๆ จริงสินำกระบี่ของเจ้าให้ข้าเถิดข้าจะนำไปลงบันทึกเตรียมความพร้อมให้ท่านเจ้าสำนักทำพิธีปลดปล่อยกระบี่ออกจากหุบเขา”
หลังจากมอบกระบี่ให้ฮูหยินเจ้าสำนักไปครึ่งชั่วยามต่อมาเป่ยฟางหรงก็ได้รับการทำพิธีปลดปล่อยกระบี่โดยพิธีนี้ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง
หลี่จิ้งนั่งจิบชารอนางอยู่ด้านนอกโดยมีฮูหยินเจ้าสำนักคอยพูดคุยเป็นเพื่อน
“วาสนาของพวกท่านคงมีต่อกันไม่น้อย เป่ยฟางหรงของท่านจึงได้ถูกเลือกให้ครองกระบี่ไป๋ฮวาซึ่งเป็นคู่ของกระบี่ฮวาเปียวของท่าน กิ่งทองใบหยกโดยแท้”
หลี่จิ้งก็สงสัยอยู่เช่นกันว่าเหตุใดกระบี่ไป๋ฮวาจึงเลือกเป่ยฟางหรง เขาลงมาจุติกับนางเพื่อบำเพ็ญเพียรแต่พวกเขาหาได้ผูกด้ายแดงเข้าด้วยกัน กระบี่นี้เป็นกระบี่คู่หากไม่มีวาสนาแล้วกระบี่ไป๋ฮวาย่อมไม่เลือกเป่ยฟางหรง
หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นข้อบกพร่องของเทพดวงชะตากันแน่