จะว่าไปความงามของเป่ยฟางหรงนี้หลี่จิ้งเพิ่งได้สัมผัสจึงทำให้เขาค่อนข้างที่จะนิ่งค้าง และที่ยิ่งพูดไม่ออกคือแม้เขาจะว่านางน่ารำคาญศิษย์บื้อผู้นี้ก็ยังดีอกดีใจเพียงนี้ เขาจึงไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาอีก
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นสายตาของศิษย์ที่อยู่ในเรือนนี้แทบจะทั้งสำนักกลับจ้องมองนางอย่างตกตะลึง จู่ ๆ หลี่จิ้งพลันมีโทสะ สติที่เคยมีอยู่และเยือกเย็นมาตลอดกลับหายไป เกิดไฟลุกไหม้ที่อาภรณ์ของคนพวกนั้นโดยไม่ละเว้นแม้แต่คนเดียว
ศิษย์ของสำนักกระบี่ทุกคนล้วนได้สติดับไฟที่ไหม้ชายเสื้อของตนเองอย่างตื่นตระหนก ลูกไฟไม่ได้ใหญ่มากเพียงแต่เป็นไฟไหม้เล็ก ๆ เพียงตี ๆ ตบ ๆ ไฟนั้นก็ดับแล้ว พวกเขาไม่ได้แตกตื่น บรรยากาศยังสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่งคนของหุบเขากระบี่ไม่เก่งอาคมแต่เพลงยุทธ์ยอดเยี่ยม การเตือนเล็ก ๆ นี้ย่อมมาจากท่านเจ้าสำนักหลี่เป็นแน่
ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาไม่กล้าเงยหน้ามองเป่ยฟางหรงอีกเลย ฮูหยินชราที่นั่งอยู่ในตำแหน่งข้างประธานถึงกับขบขัน หลี่จิ้งผู้นี้ดุเผิน ๆ อาจจะเย็นชาอยู่มากคิดไม่ถึงว่าอารมณ์รักใคร่จะร้อนแรงเพียงนี้
หัวหน้าหุบเขากระบี่สามีของนางเมื่อครั้งยังหนุ่มก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน
เป่ยฟางหรงย่อมไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นต้นเหตุของสงครามเล็ก ๆ ของหลี่จิ้ง นางมองเพียงอาหารตรงหน้าเห็นมีมากมายนักก็น้ำลายยืด
หลี่จิ้งเห็นดังนั้นก็ก้มใช้นิ้วหัวแม่มือของตนเองเช็ดน้ำลายให้นาง
“อย่าปล่อยให้น้ำลายยืดลงอาหารแล้วทำข้าขายหน้า”
นิ้วเขายังไล้อยู่ที่ริมฝีปาก เป่ยฟางหรงหิวจนไส้กิ่วมองเห็นนิ้วนั้นเป็นไส้กรอกเนื้อวัวไปแล้ว นางจึงอมนิ้มของเขาเอาไว้ทั้งกัดทั้งดูดเบา ๆ อีกทั้งยังจับเอาไว้มั่นเมื่อเขาจะดึงออก
“เหลวไหล”
หลี่จิ้งใช้พัดเคาะศีรษะนางไม่หนักไม่เบา คราวนี้น้ำเสียงของเขาไม่ดุดันเท่าใดใบหูยังแดงอีกด้วย เป่ยฟางหรงได้สตินางแอบดูดนิ้วของเขาก่อนที่จะปล่อย ถึงจะสำนึกผิดที่เห็นนิ้วของอาจารย์เป็นไส้กรอกเนื้อแต่ก็คิดว่ารสชาติไม่เลว
สงสัยอาจารย์จะอร่อยเหมือนที่เคยบอกนางจริง ๆ คราวหน้าต้องหาโอกาสทวงสัญญานี้เสียแล้ว
เจ้าสำนักถังอู่จัดการเรื่องกระบี่ของเป่ยฟางหรงเรียบร้อย ก็นำมาให้นางบัดนี้กระบี่ของนางกลายเป็นกระบี่ใหม่เอี่ยมสนิมที่เกาะจนเขรอะหลุดหายไปแล้ว ไพลินสีน้ำเงินแวววาว เป่ยฟางหรงดีใจจนน้ำตาไหล
“ดีใจถึงขนาดนั้นเลยหรือ” หลี่จิ้งเอ่ยถาม
“ใช่เจ้าค่ะ ท่านดูข้ารอมานานเพียงใดกว่าขั้นตอนวุ่นวายพวกนี้จะเสร็จสิ้น”
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรอคอยกระบี่ถึงเพียงนี้” หลี่จิ้งรู้สึกดีใจที่เป่ยฟางหรงรู้สึกรักกระบี่ของตนเองขึ้นมาแล้ว
“ใช่เจ้าค่ะ กระบวนการพวกนี้ยาวนานมากในที่สุดข้าก็จะได้กินข้าวเสียที ฟ้ามืดแล้วมื้อเย็นก็ล่วงเลยมานานข้าทนไม่ไหวแล้ว”
พูดจบนางก็วางกระบี่ลงข้างตัวอย่างไม่สนใจไยดีก้มหน้าก้มตัวกินข้าวอย่างเอาเป็นเอาตาย หลี่จิ้งส่งสายตามองกระบี่ไป๋ฮวาอย่างนึกสงสาร