หลี่จิ้งรับรองเท้าคืน แต่ถังเหลียนยังคงยืนอยู่ตรงนั้นดวงตาของเขาไม่อาจละไปจากใบหน้างดงามและปากเล็ก ๆ ของเป่ยฟางหรงไปได้
หลี่จิ้งกระแอม รองเท้าก็คืนแล้วคนผู้นี้สมควรไปได้แล้วกระมัง เขาขยับร่างกายที่สูงกว่าถังเหลียนบังสายตาของถังเหลียนเอาไว้ ถังเหลียนชะเง้อคอมองอีกด้านหลี่จิ้งก็ขยับกายบังอีก สุดท้ายแล้วถังเหลียนจึงถอนหายใจยอมประสานมือแล้วจากไปแต่โดยดี
รอยยิ้มเยือกเย็นพาดผ่านใบหน้าของหลี่จิ้ง เขาเดินกลับมานั่งดังเดิมเห็นกับข้าวหายไปหลายอย่างจึงคล้ายจะยิ้มบาง ๆ ออกมา หลี่จิ้งจึงดื่มสุรารอนางและกินอาหารอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลังรับน้ำใจดื่มกินมื้อเย็นกับสำนักหุบเขากระบี่เรียบร้อย เขาจึงบอกลาเจ้าสำนักหุบเขากระบี่ทั้งยังสนทนากันอีกเล็กน้อย เป่ยฟางหรงจึงออกมารอด้านนอกด้วยมารยาที่ดี
ในขณะที่ยืนรออาจารย์อย่างเซ็ง ๆ คนผู้หนึ่งก็เดินมาหานาง
“แม่นางข้าคือถังเหลียนไม่ทราบนางของแม่นางคือ?”
เป่ยฟางหรงเห็นว่าเป็นผู้ที่ช่วยนางเก็บรองเท้าจึงเอ่ยว่า
“ข้าเป่ยฟางหรง ขอบคุณท่านมากที่นำรองเท้ามาคืนข้า”
“แม่นางเป่ยท่านจะไปที่ใดต่อหรือ”
ถังเหลียนชวนพูดคุย เป่ยฟางหรงจึงตอบว่า
“ไปปราบปีศาจกับอาจารย์ ศิษย์พี่น้องของข้าล่วงหน้าไปก่อนแล้วอาจารย์พาข้ามาเอากระบี่ก่อน”
“แม่นางไป๋ข้าจะเรียกท่านว่าอาหรงได้หรือไม่ ในเมื่อเรามีวาสนารู้จักกันแล้วท่านจะยอมรับข้าเป็นเพื่อนได้หรือไม่”
“ไม่ได้”
น้ำเสียงเฉียบขาดดังขึ้นจากทางด้านหลังได้ตอบแทนเป่ยฟางหรงเรียบร้อย เป่ยฟางกำลังจะอ้าปากจึงหุบปากทันใด คำพูดต่อมาของนางที่ตั้งใจจะตอบรับถังเหลียนจึงเปลี่ยนเป็น
“ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด ข้าขอบคุณท่านมากที่มีน้ำใจข้าขอลาก่อน”
จากนั้นก็เดินไปหยุดยืนข้างอาจารย์ของตนเอง ถังเหลียนคอตกรู้สึกว่าตนเองบุ่มบ่ามไปจริง ๆ เพิ่งคุยกันไม่กี่คำก็ขอเรียกนางอย่างสนิทสนมเสียแล้ว จะถูกตำหนิก็สมควร
เขายกมือประสานแล้วเอ่ยว่า “ข้าคงใจร้อนไป แม่นางเป่ยลาก่อน หากมีวาสนาเราคงได้พบกันอีกครั้ง”
“ลาก่อน”
เป่ยฟางหรงโบกมือให้เขา นางยังส่งยิ้มให้เขาอย่างมีไมตรี ถังเหลียนมองนางด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ไม่น่าเชื่อว่าเพียงพบกันแค่ชั่วครู่สตรีผู้นี้จะทำให้จิตใจของเขาสั่นระรัวบ้าคลั่งได้เพียงนี้
เจ้าสำนักหุบเขากระบี่เปิดข่ายอาคมให้เขาแล้ว หลี่จิ้งจึงร่ายอาคมถึงเป่ยฟางหรงขึ้นฮวาเปียวขี่ออกไปแล้วหายวับไปกับตา
“ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้มาก่อน”
ท่านปู่ของถังเหลียนเอ่ยขึ้น ถังเหลียนคุกเข่าลง
“ท่านปู่ข้าอยากฝึกอาคมแล้วลงไปกำจัดปีศาจเพื่อเพิ่มประสบการณ์ขอรับ”
เจ้าสำนักถังอู่ถึงกับตกตะลึง
“อาเหลียนแม่นางเป่ยฟางหรงผู้นั้นเป็นคู่ซินเซียวของเจ้าสำนักหลี่เจ้าอย่าลำบากเลย”