หลี่จิ้งพาเป่ยฟางหรงขี่กระบี่มาทางทิศตะวันตก ตามที่เข็มทิศจับปีศาจชี้มา เป่ยฟางหรงอยู่เบื้องหลังเขายังคงแนบร่างของตนกับแผ่นหลังของอาจารย์ประดุจแผ่นกาวแปะสุนัขที่แกะยังไงก็แปะไม่หลุด ผมเปียของนางปลิวสยายไปตามลมกระทั่งดอกไม้ที่แซมประดับอยู่ปลิวหล่นหาย
หลี่จิ้งใช้วิชาโสตหมื่นลี้สอบทางเส้นทางกับจิ้งหู จนได้สถานที่อันเป็นที่ปักหลักจับปีศาจแล้วก็เร่งรุดไม่รอช้า ในครานี้เป่ยฟางหรงไม่งอแงเหมือนขาไปเอากระบี่เป็นเพราะนางได้รับยาวิเศษช่วยเพิ่มพลังจากสวรรค์นั่นเอง
ถึงจะขี่กระบี่และยืนมาหลายชั่วยาม เป่ยฟางหรงยังไม่มีอาการอิดโรยและบ่นถึงความลำบากให้เขาระคายหู อีกทั้งยังสามารถเล่าเรื่องต่าง ๆ มาได้ตลอดทาง ทุกเรื่องที่นางพูดถึงแน่นอนย่อมหาสาระอันใดไม่ได้
นางยังยึดถุงเฉียนคุนของเขาเอาไว้ แล้วยัดของกินเล่นที่ฮูหยินเจ้าสำนักหุบเขากระบี่มอบให้มากมายมาจนเต็ม ปากก็พูดไปมือก็ควานหาพุทราเชื่อม ไม่ก็เม็ดแตงมาแทะไปตลอดทาง
แน่นอนว่าหลี่จิ้งโกรธจนพูดไม่ออกเช่นกัน ถุงเฉียนคุนเป็นของวิเศษมีไว้เก็บสิ่งของล้ำค่า ไม่ใช่ว่าเซียนทั่วไปจะมีได้ เป็นสมบัติติดกายของเซียนที่อยู่ในขั้นจินตัน แต่เป่ยฟางหรงกลับแอบขโมยไปใส่ของไร้สาระเช่นนี้
“อาจารย์ท่านอย่าโกรธเลยเจ้าค่ะ ฮูหยินหุบเขากระบี่มีน้ำใจเช่นนี้ท่านปฏิเสธได้หรือ ข้ายังขอส้มมาให้ท่านด้วย ผลไม้ตากแห้งไว้กินเล่นก็มีนะเจ้าคะ”
ใบหน้าของหลี่จิ้งมุ่งตรงไปข้างหน้า ได้ยินเสียงของนางทุกคำ นึกถึงใบหน้ายินดีประดุจลูกสุนัขของเป่ยฟางหรงออกทันใด
“อาจารย์ฮูหยินผู้นั้นยังชื่นชมท่านมาก มองถุงเฉียนคุนของอาจารย์ไม่วางตาเลย บอกข้าโชคดีที่ได้คู่ซินเซียวเช่นอาจารย์ ขนาดของส่วนตัวเช่นนี้ยังให้ใช้ประดุจของตนเอง”
หลี่จิ้งอยากจะกลับไปแก้ต่างกับฮูหยินชราผู้นั้นนัก นางขโมยไปตอนที่ข้าเผลอต่างหาก หาใช่ข้าเต็มใจให้นางใช้
“อาจารย์ท่านกินนี่เสียหน่อยเจ้าค่ะ”
นางค้นหาบางสิ่งในถุงเฉียนคุน แล้วนางก็พูดคำหนึ่งอย่างไม่อาย
“อ้าปากเจ้าค่ะ อ้ามมมมม”
หลี่จิ้งหน้าแดงก่ำ โกรธจนใบหน้าสั่น เป่ยฟางหรงเห็นเขาเป็นอาจารย์อยู่หรือไม่ หลี่จิ้งปิดปากเสียสนิทใจหนึ่งก็คิดชั่ว อยากจะผลักศิษย์ที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงคนนี้ลงไปเบื้องล่างนัก
เมื่อคะยั้นคะยออย่างไรเขาก็ไม่อ้าปาก เป่ยฟางหรงจึงยัดสิ่งนั้นเข้าปากตนเองแทน
“หวานยิ่ง ท่านนี้ไม่รู้จักกินของดีเลยข้าไม่เกรงใจแล้วนะเจ้าคะ”
หลี่จิ้งแค่นคำพูดคำหนึ่งออกมาก
“เจ้ากินเยอะเช่นนั้นไม่กลัวท้องแตกตายหรืออย่างไร”
“อาจารย์ถ้าข้าอิ่มข้าก็หยุดกินเจ้าค่ะ ไม่ฝืนบังคับเด็ดขาด” เป่ยฟางหรงมองเขาอย่างซาบซึ้ง
“อาจารย์ห่วงข้าเยี่ยงนี้ศิษย์ดีใจยิ่งเจ้าค่ะ”
หลี่จิ้งถอนหายใจ อยากจะอธิบายว่าข้าพูดทั้งหมดนั้นล้วนเป็นคำพูดประชด หาได้ห่วงใยเจ้าอย่างที่คิด แต่คิดไปคิดมาเขาก็หยุดปากเอาไว้ เหตุใดเขาต้องมาอธิบายคำพูดเรื่องพวกนี้กับนางด้วย ช่างเสียเวลายิ่งนัก
หลังจากสงบจิตใจของตนเองแล้ว หลี่จิ้งก็ไม่คิดโต้ตอบกับนางเกินหนึ่งประโยค คำพูดของเขาจึงอยู่ที่คำว่า
“อืม”
ใช่ มีเพียงคำนี้คำเดียวเท่านั้น เดินทางมาได้ราวสองชั่วยามในที่สุดหลี่จิ้งก็พบประโยชน์อันเกิดจากวาจาที่หลุดออกมาไม่หยุดของเป่ยฟางหรง
เพราะเสียงของนางจึงทำให้เขาไม่รู้สึกว่าง่วงเลยแม้แต่น้อย ทั้ง ๆ ที่ในระหว่างรอเป่ยฟางหรง หลี่จิ้งได้ใช้พลังไปมากในการค้นหาเบาะแสของปีศาจร้าย กระทั่งส่งปราณทิพย์ไปเพื่อช่วยจิ้งหูในระยะเกือบพันลี้เพื่อจัดการปีศาจตนหนึ่ง