สูญเสียพลังไปมากเช่นนั้น เขาย่อมเหน็ดเหนื่อยเป็นธรรมดา
ในตอนแรกหลี่จิ้งยังให้นางเกาะอยู่ด้านหลังตนเองกระทั่งเห็นว่านางยังมีประโยชน์อยู่บ้าง หากให้นางมายืนเบื้องหน้าคงได้ยินเสียงของนางชัดขึ้น
เขาสลับเท้าว่องไว เป่ยฟางหรงก็ถูกเขาโอบเอาไว้เบื้องหน้าแล้ว
“อาจารย์ท่านห่วงกลัวข้าตกลงไปหรือเจ้าคะ”
“อืม”
แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ แต่สตรีผู้นี้ก็มองเขาอย่างซาบซึ้งใจอีกแล้ว
โอบรอบเอวของนางไว้ ตลอดทางที่ขี่กระบี่ผ่านหลี่จิ้งเพียงส่งเสียง อืมออกมาเบา ๆ เป็นการบอกให้ผู้พูดรู้ว่าเขายังฟังนางอยู่
เมื่อเห็นความดีอันน้อยนิดนี้ หลี่จิ้งจึงเริ่มโต้ตอบกับนางมากยิ่งขึ้น หากเขามากับผู้อื่นอย่างเช่นศิษย์น้อง พวกเขามักพูดคุยถึงปีศาจแต่ละตัว วิเคราะห์หาจุดอ่อนของพวกมันและพูดถึงกระบวนท่าในการตั้งรับและโจมตี
พูดไปพูดมาหลี่จิ้งก็คิดว่าน่าเบื่อยิ่ง
แต่เป่ยฟางหรงผู้นี้กลับไม่อาจหาสาระอันใดได้ สิ่งที่นางเอ่ยมานอกจากเรื่องกินแล้วก็เป็นเรื่องจิปาถะ และยังนินทาศิษย์ร่วมสำนักบางคน ให้กับเขาผู้เป็นอาจารย์ฟัง มิหนำซ้ำคำถามแต่ละคำที่นางถามออกมาก็ช่างกวนประสาทเป็นอย่างยิ่ง
“อาจารย์ท่านว่าอาหารมื้อใดสำคัญที่สุดเจ้าคะ”
หลี่จิ้งตอบโดยไม่ต้องคิดมาก “มื้อเช้า”
เป่ยฟางหรง “ผิดเจ้าค่ะ”
หลี่จิ้ง “มื้อใด”
เป่ยฟางหรง “มื้อที่หิวเจ้าค่ะ”
หลี่จิ้ง “…”
เป่ยฟางหรง “อาจารย์ท่านว่าปลาหมึกเป็นเพศใดหรือเจ้าคะ สตรีหรือบุรุษ”
หลี่จิ้ง “สตรี” ตอบมั่วด้วยน้ำเสียงรำคาญยิ่ง
เป่ยฟางหรง “ผิด บุรุษ”
หลี่จิ้ง “เพราะเหตุใด”
เป่ยฟางหรง “เพราะมีหนวด หนวดยุ่บยั่บเสียด้วยเจ้าค่ะ” ใบหน้าจริงจัง
หลี่จิ้ง “..”
เป่ยฟางหรง “อาจารย์ท่านว่าปลาอะไรอยู่ไกลที่สุดเจ้าคะ”
หลี่จิ้ง “ปลาในทะเลตงไห่”
เป่ยฟางหรง “ผิด” ส่ายหน้าเบา ๆ
หลี่จิ้ง “ปลาอะไร”
เป่ยฟางหรง “ปาไปโน้นนนนนนนนนนนนนนน ปาไปไกล ๆ เลยเจ้าค่ะ”
หลี่จิ้ง “…”
หลี่จิ้งเมื่อรู้ตัวอีกครั้งเขาก็แพ้นางไปแทบจะทุกคำถามแล้ว และคิดว่าตนเองกำลังทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้ได้อย่างไร หากผู้ใดรู้เข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด
“อาจารย์ท่านตอบผิดเช่นนี้ ข้าซึ่งเป็นผู้ชนะควรได้รางวัลนะเจ้าคะ”
หลี่จิ้งขมวดคิ้ว ทั้งกัดฟันเพราะโกรธตนเองไม่หายที่พลาดไปพูดจาตอบคำถามเลื่อนเปื้อนของนาง
เอาล่ะ เขาคิดว่าเขาจะไม่สนทนาเรื่องนี้กับนางอีก