เบื้องหน้าเป็นเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง จิ้งหูและศิษย์น้องหลิงเสียนของหลี่จิ้งได้นำศิษย์สร้างข่ายอาคมไว้รอบทิศ
ฮวาเปียวพาหลี่จิ้งและเป่ยฟางหรงร่อนลงบนพื้นอย่างนุ่มนิ่ม
“เด็กดี”
เป่ยฟางหรงเอ่ยชม ฮวาเปียวหมุนเฟี้ยวฟ้าวอวดศักดาของตนเองอีกสองสามทีแล้วกลับเข้าฝักที่ห้องอยู่บนเอวของหลี่จิ้ง เป่ยฟางหรงยังโบกมือร่ำลาฮวาเปียว
“ไว้พบกันใหม่”
หลี่จิ้งอดที่จะตำหนินางไม่ได้
“เจ้ากล่าวไร้สาระอันใดอีก อยู่ที่นี่ก็หุบปากของเจ้าเสียเข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจเจ้าค่ะ”
ข้าย่อมรู้สิ่งใดควร ไม่ควรอยู่แล้ว นางคิดอย่างเข้าข้างตนเอง
หลี่จิ้งแบมือออก “ถุงเฉียนคุนคืนให้ข้า”
เป่ยฟางหรงส่งคืนเขาแล้วบอกว่า
“อาจารย์ท่านอย่าห่างกายข้านะเจ้าคะ”
“กลัวหรือ?”
หลี่จิ้งมองไปรอบ ๆ พบยันต์ที่ศิษย์ของเขาติดไว้รายรอบ เขายังได้กลิ่นปีศาจจาง ๆ ประมาณจากปราณปีศาจแล้วเห็นว่าเป็นเพียงพวกหางแถวเท่านั้น ที่นี่นับว่าห่างไกลจากที่เป่ยฟางหรงเคยออกล่าปีศาจอยู่มาก คงเป็นเพราะแปลกที่จึงไม่คุ้นเคยนางอาจจะรู้สึกกลัว
“เจ้าไม่ได้กลิ่นหรือ พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า จะกลัวไปไย”
“หาใช่เจ้าค่ะ แต่ถุงเฉียนคุนอยู่ที่ท่านหากไม่เห็นท่านแล้วหิวขึ้นมาจะทำเช่นไร”
“เป่ยฟางหรง!!!!” หลี่จิ้งกลอกตา นี่เขารู้สึกสงสารความห่วงใยที่เขามีให้นางจับใจ
“แหะ แหะ”
ดวงตากลมคู่นั้นมองเขาคล้ายจะมีความละอายเล็กน้อย
ถึงจะตำหนินางก็อดที่จะห่วงไม่ได้ ถึงพลังเวทย์นางจะแข็งกล้าแต่เพลงยุทธ์ยังด้อยหากเจอกับปีศาจที่คล่องแคล่วพลังกายกล้าแข็งเกรงว่าเป่ยฟางหรงจะเพลี่ยงพล้ำ
“ตามอาจารย์มา ระวังตัวให้มากอาจารย์อาและศิษย์พี่ของเจ้ารอเราอยู่ในเมืองแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
เขาหมุนกายเดินนำหน้าเป่ยฟางหรงเข้าไปในเมือง สองขาก้าวอย่างมั่นคง ดวงตาระแวดระวังเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความเคยชินเป่ยฟางหรงยังจับชายแขนเสื้อของเขาและตามมาติด ๆ
ในเวลานี้ถึงจะเป็นเวลากลางวันแต่ภายในเมืองแห่งนี้กลับมีหมอกหนาขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งหลี่จิ้งและเป่ยฟางหรงมองไม่เห็นสิ่งใดอีกเลย
หลี่จิ้งเสกลูกไฟมาสองดวงให้ส่องแสงนำทาง เขาลองใช้วิชาโสตหมื่นลี้ติดต่อกับศิษย์น้อง แต่เหมือนถูกบางสิ่งขวางกั้นเอาไว้ไม่อาจส่งพลังออกไปได้ ทั้งที่เมื่อสักครู่ที่อยู่นอกเมืองยังติดต่อหลิงเสียนได้ หรือว่า…
เป่ยฟางหรงพยายามเสกลูกไฟบ้าง แต่อาคมของนางในตอนนี้เหมือนถูกปิดผนึกเอาไว้ชั่วคราว ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไร้ผล
“อาจารย์ข้าใช้อาคมไม่ได้เจ้าค่ะ”
หลี่จิ้งขยับตัวอยู่ด้านหน้า หมอกลงจนนางมองไม่เห็นเขากระทั่งชายเสื้อที่จับอยู่และมือตัวเองนางก็มองไม่เห็น
“ระวังปีศาจ”
หลี่จิ้งพูดจบก็เรียกฮวาเปียวออกมาถึงมองเห็นเป่ยฟางหรงที่จับชายเสื้อเขาอย่างแน่นหนารางๆ แต่เขาก็มั่นใจว่าเป็นนางเนื่องด้วยกลิ่นกายเฉพาะที่หอมกรุ่นยังลอยอวลอยู่ตรงปลายจมูก
“มากับอาจารย์”
เขาพานางขี่กระบี่ขึ้นไปด้านบน แต่ไม่ว่าจะบินขึ้นอย่างไรก็ยังสูงไม่พอที่จะหลุดพ้นจากหมอกหนานี้ เมื่อเห็นว่าอยู่บนกระบี่ไม่มีประโยชน์เขาจึงพานางกลับลงมาบนพื้นอีกครั้ง
หมอกหนายิ่งกระทั่งใช้ลูกไฟก็ยังมองไม่เห็น
“หรงหรง เอาไป๋ฮวาของเจ้าออกมา”