หลี่จิ้งคิดว่าบางทีการใช้กระบี่คู่อาจจะสามารถเบิกทางได้ เพียงเขาเอ่ยปากชั่วพริบตาก็มีบางสิ่งพุ่งเข้ามา เขามองไม่เห็นจึงได้แต่ใช้หูในการจับทิศทาง ตวัดฮวาเปียวว่องไวคล้ายจะฟันฉับไปที่เจ้าสิ่งนั้น
“อาจารย์เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ”
เป่ยฟางหรงถูกเขาสลัดหลุดในระหว่างที่ต่อสู้กับปีศาจอย่างไม่ตั้งใจ หลี่จิ้งจึงมองไม่เห็นว่านางอยู่ที่ใด แต่ฟังจากเสียงก็เห็นว่านางกำลังต่อสู้กับปีศาจที่มองไม่เห็นอีกตนอยู่ และคล้ายกับนางค่อย ๆ ขยับห่างออกไป
“ปีศาจระวังตัว”
“อาจารย์ข้ารู้สึกว่าสังหารมันไปหลายตัวแล้ว แต่มันยังพุ่งมาไม่หยุด”
หลี่จิ้งเป็นห่วงนางยิ่ง ด้วยหมอกที่หนาเพียงนี้ย่อมไม่เห็นศัตรูเป่ยฟางหรงใช้เพลงยุทธ์ไม่คล่อง ย่อมต้องตกเป็นรอง มือของเขาขยับสังหารปีศาจไม่หยุด รู้ตัวอีกครั้งก็ไม่สามารถสัมผัสถึงเป่ยฟางหรงได้แล้ว
“หรงหรงเจ้าอยู่ที่ใด”
“หรงหรง”
ยิ่งเขาเรียกนางปีศาจจากทุกทิศยิ่งกรูเข้ามา ถึงหลี่จิ้งจะเหมือนคนตาบอดแต่พลังยุทธ์อันไร้เทียมทานของเขาทำให้รับมือได้โดยไม่ลำบาก
“หรงหรง”
หลี่จิ้งตะโกนสุดเสียง แต่ไร้การตอบรับจากนาง จิตใจของหลี่จิ้งสั่นรุนแรง คล้ายจะรู้แล้วว่าแท้จริงตนเองห่วงใยนางเพียงนี้
เขาเพ่งสมาธิเงี่ยหูฟัง ได้ยินเสียงเป่ยฟางหรงคำรามจากทิศเหนือ เขาจึงกระโดดไปโดยไม่ลังเล
“อาจารย์ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ”
เสียงของนางดังจากด้านซ้าย หลี่จิ้งตวัดฮวาเปียวแล้วควงคล้ายพัด เพลิงโลกันตร์พลันหมุนเป็นคลื่นวงกลม ฟันปีศาจที่เหมือนจะกรูเข้ามาหาเขาจนร่วงลงไปนับไม่ถ้วน
ปีศาจพวกนี้ไม่ได้เก่งกาจ แต่มีจำนวนเยอะจนนับไม่ถ้วนจึงยากจะจัดการให้หมดไป
“อาจารย์ข้าต้านไม่ไหวแล้ว อาจารย์”
เป่ยฟางหรงมองไม่เห็นหลี่จิ้ง เพราะหมอกที่หนาเช่นนี้ ภายในจึงรู้สึกหวาดกลัวอยู่หลายส่วน หากว่านางไม่ได้กินยาเพิ่มพลังของยุทธ์ของอาจารย์เม็ดนั้นคงได้ถูกปีศาจที่มองไม่เห็นฉีกร่างจนแหลกสลายเป็นแน่
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าอดสู จะตายทั้งทียังทำขายหน้า ไม่รู้กระทั่งว่าถูกปีศาจตนใดฆ่าตาย
“หรงหรง หรงหรง”
เสียงของอาจารย์ดังเข้ามาใกล้ เป่ยฟางหรงคล้ายเห็นแสงสว่างของลูกไฟอาคมของอาจารย์ นางประหลาดใจที่ตนเองพยายามใช้อาคมแต่ไม่อาจใช้ได้
อาจารย์ของนางช่างเก่งกาจยิ่ง เขายังสามารถเสกลูกไฟนั้นได้
เป่ยฟางหรงกระโดดเข้าไปตามเสียง เหมือนร่างของนางจะปะทะกับปีศาจตนหนึ่ง นางหมุนกายหลบว่องไว รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งฟาดอากาศลงมาห่างจากร่างของนางเพียงชุ่นเดียว นางคิดถึงอาจารย์น้ำตาแทบร่วง
ไอ้หยา ช่างน่าหวาดเสียวยิ่ง
กระทั่งมีมือหนึ่งจับแขนของนางเอาไว้ เป่ยฟางหรงคิดจะดึงไป๋ฮวาออกมา แต่เพราะนางเลินเล่อคิดว่าตนเองคงไม่ได้ใช้กระบี่ จึงเก็บไว้ในถุงเฉียนคุนของอาจารย์
ข้าแย่แล้ว
และแล้วมือแข็งแรงนั้นก็ดึงนางไปกอด ร่างกายของเขาสูงใหญ่ กลิ่นกายคุ้นเคย เป่ยฟางหรงรู้สึกใจเต้นระรัว กลิ่นนี้แม้จะคุ้นเคยยิ่งที่ผ่านมากลับไม่เคยทำให้นางใจเต้นได้เพียงนี้