“ปล่อยกระบี่ของข้า”
เขากล่าวเสียงเขียวถ้าในตอนนี้นางมองเห็นหน้าเขาเป่ยฟางหรงคงแทบจะวิ่งหนีให้ไกลไปสิบลี้
“เจ้าค่ะ” นางตอบรับว่องไว ด้วยน้ำเสียงเช่นนั้นของอาจารย์คงเพราะมีโทสะเป็นแน่ แต่นางก็ไม่รู้ว่าเขาโกรธนางด้วยเรื่องอันใด เป่ยฟางหรงปล่อยเขาแล้วจับชายเสื้อแทน
หลี่จิ้งโคจรพลังทิพย์อย่างรวดเร็ว ความเจ็บที่ตรงนั้นพลันหายไปหลายส่วน เขายืดกายตวัดฮวาเปียวฟันปีศาจว่องไว ในขณะที่เป่ยฟางหรงขยับเท้าเตะรัวออกไปด้านข้าง
“อาจารย์เรากำลังถูกรุมเจ้าค่ะ”
“อย่าได้ส่งเสียงดัง”
ครานี้นางจึงหุบปากสนิท หลี่จิ้งโอบร่างของนางพากระโดดมายังทิศหนึ่ง เป่ยฟางหรงในตอนนี้กระทั่งลมหายใจยังผ่อนออกมาช้า ๆ เกรงว่าจะทำเสียงดัง เมื่อนางนิ่งเงียบและพวกเขาไม่เคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าปีศาจพวกนั้นจะจับทิศทางที่พวกเขายืนไม่เจอ
หลี่จิ้งจึงมีเวลาที่จะหากระบี่ให้เป่ยฟางหรง เขาดึงถุงเฉียนคุนออกมาเอ่ยปากเบา ๆ
“ไป๋ฮวา”
เพียงเขาส่งเสียงไป๋ฮวาในถุงเฉียนคุณก็ลอยเข้ามาในมือ จากนั้นปีศาจก็พุ่งโจมตีอย่างรวดเร็ว เป่ยฟางหรงถูกหลี่จิ้งยัดไป๋ฮวาไว้ในมือของนางทันใด
“กระบี่ของข้า หาพบแล้วหรือเจ้าคะ”
นางส่งเสียงดังอย่างลืมตัว
หลี่จิ้งขมวดคิ้ว แน่นอนนั่นย่อมเป็นของเจ้าหาใช้ที่ห้อยอยู่กับข้าไม่
เวลาไม่มีแล้วเมื่อสัมผัสได้ถึงกองทัพปีศาจที่พุ่งตรงมาทางนี้
เป่ยฟางหรงตั้งรับ นางปล่อยแขนของหลี่จิ้ง ชักไป๋ฮวาออกมา ดูเหมือนว่าจะสามารถใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว หลังจากที่ได้ทำพิธีส่งกระบี่จากสำนักหุบเขากระบี่แล้ว
เป่ยฟางหรงตวัดฉวัดเฉวียนฟันร่างปีศาจว่องไว กระทั่งหลี่จิ้งเอ่ยเสียงดัง
“หรงหรงใช้วิชาเคลื่อนย้ายสุริยันต์”
วิชานี้นางได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์โดยตรง ฝึกฝนอย่างยากลำบากจนคล่องแคล่ว แต่ก่อนใช้กระบี่ธรรมดาของสำนักแม้จะเป็นกระบี่เซียนแต่พลังทิพย์ก็น้อยนิดมีไว้สำหรับฝึกในสำนักเท่านั้นผลที่ได้คืออานุภาพไม่รุนแรง
นางตั้งสมาธิวาดกระบี่ไปด้านหน้าโคจรพลังทิพย์ไปที่ตัวกระบี่ในขณะที่หลี่จิ้งตวัดกระบี่มาจรดที่ปลายกระบี่ของนาง โคจรพลังเช่นกัน
พวกเขากวัดไกวกระบี่เพลิง ขยับว่องไวสังหารเหล่าปีศาจที่กรูกันเข้ามา เป่ยฟางหรงรู้สึกว่าครานี้ปีศาจเหล่านี้ตายง่ายมาก คงเพราะด้วยเพลิงโลกันตร์ของกระบี่คู่ อานุภาพร้ายกาจกว่ากระบี่ฝึกที่สำนักคนละชั้น นางจึงตื่นเต้นนัก
กระบี่โลกันตร์อันเลื่องชื่อเมื่อมาอยู่ในมือของพวกเขาทั้งสองคนต่างคนต่างส่งเสริมพลังซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดไฟอัคคีลูกใหญ่พัดกระพืออย่างแรง เผาไหม้ทำลายปีศาจร้ายด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
เพียงชั่วอึดใจเดียวหมอกหนาก็ค่อย ๆ เลือนหายไป กระทั่งพบซากศพของปีศาจกองเป็นภูเขาอยู่เบื้องหน้า หลี่จิ้งสามารถใช้พลังเวทย์ได้แล้ว ทันทีที่ข่ายอาคมถูกทำลายหลี่จิ้งก็สามารถใช้พลังเวทย์ได้แล้ว
จิ้งหู : ศิษย์ก็กำลังต่อสู้กับปีศาจอยู่อีกด้านขอรับไม่คิดว่าพวกมันจะตั้งข่ายอาคมที่หน้าประตูเมือง ด้านนี้จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ
หลี่จิ้ง : อาจารย์คิดว่าไม่ใช่แค่ปีศาจกระจอกเสียแล้ว เจ้าพักอยู่ที่ใดพวกเราไปหารือกันที่นั่น
จิ้งหู : จวนของท่านเจ้าเมืองขอรับ อาจารย์จะเห็นว่าเป็นจวนใหญ่ที่สุด
หลี่จิ้ง : ได้
เมื่อหลี่จิ้งลืมตาเขาก็พบว่าเป่ยฟางหรงกำลังกระอักเลือด เป็นเพราะพลังกายของนางไม่เพียงพอที่จะรับพลังมหาศาลของกระบี่ในมือได้จึงเกิดธาตุไฟเข้าแทรก
หลี่จิ้งตกใจเขาคว้าเอวแล้วประคองนางไว้ เป่ยฟางหรงรู้สึกเจ็บไปทั่วอกอาการแสบร้อนภายในไหลเวียนไปทั่วร่างกาย นางยังกระอักเลือดไม่หยุด