เป่ยฟางหรงไม่ทันสังเกตท่าทางที่ผิดปกติของหลี่จิ้ง นางจึงเริ่มต้นอวดภูตของตนเองอย่างภาคภูมิใจ
“อาจารย์ท่านมาแล้วหรือเจ้าคะ เรื่องลมปราณที่ติดขัดของข้าเพราะธาตุไฟเข้าแทรกหยีจวนลงมือช่วยเหลือแล้วเจ้าค่ะ”
หลี่จิ้งมองเป่ยฟางหรงที่แช่ตัวอยู่ในถังน้ำอุ่นถึงใหญ่ มีไอน้ำลอยขึ้นมาเป็นสายอีกทั้งยังมีกลิ่นหอมจากน้ำสกัดจากกลีบดอกไม้ที่สาวใช้ผสมลงในถัง ในขณะที่ด้านข้างของนางคือหยีจวนที่ถือจานขนมและคอยป้อนนางคำต่อคำอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
หยีจวนสบตาของหลี่จิ้ง ทั้งยังค้อมกายประสานมือแสดงความเคารพ
เขาไม่คิดว่าตนเองทำผิดประการใด ตอนฝ่าบาทน้อยอยู่บนสวรรค์เขาก็ปรนนิบัตินางเช่นนี้ตั้งแต่เยาว์วัย ห่างกายเขาลงมาจุติเพียงไม่กี่ปีสำหรับเซียนที่อยู่บนสวรรค์ย่อมเป็นเวลาที่ผ่านไปรวดเร็วยิ่ง
แล้วเหตุใดท่าทางของหลี่จิ้งจึงไม่พอใจเขาเช่นนี้ ทั้งที่หยีจวนรู้มาว่าหลี่จิ้งไม่ได้ดื่มน้ำแกงยายเมิ่งเรื่องราวบนสวรรค์เขาสามารถจดจำได้ทุกสิ่ง เช่นนั้นหลี่จิ้งก็ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าเขาคือผู้ใด
หลี่จิ้งกำมือแน่น ใบหน้ากลายเป็นสีแดงยิ่งกว่าอาภรณ์ที่ตนเองสวม หากเขามีหนวดคงได้กระดิกไปหลายเส้นแล้ว
“เจ้าให้เขามาได้อย่างไร อีกทั้ง เจ้ายัง เจ้ายัง…”
“อาจารย์เขาเป็นภูตของข้านะเจ้าคะ ไม่ให้เขาดูแลแล้วจะเป็นผู้ใด”
“เป่ยฟางหรง!!! นี่เจ้าหาได้รู้กาลเทศะอันใดเลยหรือ”
หลี่จิ้งมองร่างครึ่งล่างของเป่ยฟางหรงที่แช่อยู่ในน้ำ กลีบดอกไม้ลอยวนอยู่ด้านบนจึงทำให้ไม่เห็นร่างกายช่วงนั้น มีเพียงใบหน้าและมือขาว ๆ ของเป่ยฟางหรงที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเท่านั้น
หยีจวนมองหลี่จิ้งอย่างหวาดกลัว หัวของเขาหดลงเหมือนเต่า แต่เมื่อเป่ยฟางหรงอ้าปากเขาก็ยังหยิบขนมเต้าหู้เย็น ที่เขาคิดค้นวิธีการทำออกมาอย่างสุดกำลังจนลงตัวและหอมหวานในที่สุดป้อนให้นาง
หลี่จิ้งเห็นสิ่งที่พวกเขาทำ ดวงตาแทบถลนออกมา รู้สึกเหมือนตนเองกำลังจับชู้ได้คาหนังคาเขาในเรือนนอน
“อาจารย์ท่านโกรธหรือเจ้าคะ ข้าเข้าใจว่าถงถงวัน ๆ เอาแต่เกเรไม่ยอมปรนนิบัติท่าน ไม่เหมือนหยีจวนของข้าที่เอาใจเก่งเช่นนี้ ดูสิเขายังทำขนมให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ ท่านจะลองสักคำหรือไม่แต่เพียงแค่คำเดียวนะเจ้าคะ หนนี้หยีจวนทำมาน้อยหากไม่ใช่ท่านข้าไม่มีทางแบ่งเด็ดขาด”
เป่ยฟางหรงยังสามารถพูดได้จนน้ำไหลไฟดับ หาได้ดูว่าภูตของตนที่อยู่ด้านข้างตอนนี้แทบจะหายใจไม่ออกด้วยถูกพลังลึกลับที่น่ากลัวกำลังบีบลำคอของเขาอยู่
หยีจวนในตอนนี้มีตบะของภูตสวรรค์หลายพันปีหากเปรียบเทียบกับตบะมนุษย์ธรรมดาเช่นหลี่จิ้งก็นับว่าเขาได้เปรียบ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดหยีจวนไม่สามารถหลบมือของหลี่จิ้งไปได้ และอยู่ต่อหน้าเป่ยฟางหรงเขาก็ไม่อาจลงมือทำร้ายหลี่จิ้งได้
“ไสหัวไป”
หลี่จิ้งส่งเสียงโดยตรงไล่หยีจวนออกไป ดวงตาของเขาคล้ายกับมีเพลิงโลกันตร์ที่หยีจวนหวาดกลัวนักหนาอยู่ เมื่อถูกหลี่จิ้งปล่อย จึงไอหน้าเขียวหน้าแดงออกมา
“เจ้าไม่สบายหรือ”
เป่ยฟางหรงมองภูตของตนเอง หยีจวนหลบตาของนางแล้วเอ่ยว่า
“ฝ่าบาทน้อยขอรับ เอาไว้วันหน้าข้าจะทำขนมมาให้ท่านใหม่ตอนนี้เห็นต้องไปแล้วขอรับ”
“เจ้าอย่าลืมนะ ขนมของเจ้าอร่อยยิ่ง พรุ่งนี้เลยดีหรือไม่”