นางกำลังทำให้เขาลืมฐานะของตนเองไปจนสิ้น เขาซุกใบหน้าซบลงที่ลำคอของนาง แลบลิ้นออกมาดูดเลียเบา ๆ เป่ยฟางหรงขนลุกชัน ร่างกายของนางกำลังสั่นสะท้าน นางแหงนศีรษะขึ้นปล่อยให้เขาล่วงเกิน ปล่อยให้เขาลากลิ้นเลียใบหน้างาม และไว้ปลายลิ้นไปที่ใบหู หลี่จิ้งทั้งดูดทั้งเลียติ่งเนื้อนั่นอย่างกระหายจนนางรู้สึกจั๊กจี้เล็ก ๆ
เป่ยฟางหรงครางแผ่ว กระทั่งเอ่ยคำหนึ่งออกมา
“อาจารย์ ท่านหาได้โกหกข้า ท่านกินได้จริง ๆ ลิ้นของท่านอร่อยกว่าขนมอีก แต่ตัวข้ากินไม่ได้นะเจ้าคะ”
หลี่จิ้งหยุดชะงัก เป่ยฟางหรงแน่นิ่ง นางหวาดกลัวจริง ๆ ว่าเขาจะกัดนางจนตายเหมือนปีศาจพวกนั้นที่ชอบกินคน นางจึงยอมเป็นศิษย์อกตัญญู เพราะกลัวตายนางต้องยับยั้งเขาเอาไว้ก่อน
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นอยู่ข้างหูของนาง เป่ยฟางหรงงงงัน
“อาจารย์ยังโกรธข้ามากหรือเจ้าคะ ถึงจะกินข้าเช่นนี้”
ได้ยินเขาถอนหายใจออกมาแรง ๆ เป่ยฟางหรงเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ นางเป็นเพียงเซียนที่รักตัวกลัวตาย อาจารย์จะดุด่านางหรือไม่ที่ไม่ยินยอมสละตนเองเพื่อผู้มีพระคุณ
ดวงตาของหลี่จิ้งเป็นประกาย ในขณะที่เขาขยับกายออกห่างแล้วมองนางเนิ่นนาน เป่ยฟางหรงเม้มปากดวงตายังจับจ้องอยู่ที่ปากของเขา นางเห็นขนมชิ้นเล็ก ๆ ที่ยังติดอยู่พยายามหักห้ามใจที่จะไม่แลบลิ้นออกไปเลีย จนกระทั่งนางรู้สึกว่า
อะ อด ใจไม่ไหวแล้ว
เป่ยฟางหรงจึงแลบลิ้นหมายจะเลียริมฝีปากของเขาอีกครั้ง แต่ครานี้กลับถูกหลี่จิ้งใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากดันใบหน้าของนางเอาไว้ อย่างไรก็ไม่ยอมให้สมหวัง
หลี่จิ้งขยับกายเบา ๆ น้ำจึงกระเด็นโดนปากของเขาแล้วและเศษขนมได้หลุดหายไป เป่ยฟางหรงจึงยอมแพ้ ยิ่งมองเห็นสีหน้าเคร่งเครียดดุดันแบบไม่ผ่อนผันเลยแม้แต่น้อยยิ่งทำให้คอตก
“รู้ความผิดของเจ้าหรือไม่”
“รู้เจ้าค่ะ”
“ความผิดข้อใด”
นางก้มหน้า นิ้วชี้ทั้งสองข้างตีกันไปมา “รับปากอาจารย์แล้วไม่ทำตามทั้งยังบอกว่าจะแบ่งขนมให้อาจารย์แต่ตัวเองก็กินเสียหมด”
หลี่จิ้ง “…”
นางไม่ใช่คิดว่า สิ่งที่เขาทำเมื่อสักครู่เป็นเพราะต้องการแย่งขนมหรอกนะ คิดจะอธิบายแต่เขาก็ยังหาคำอธิบายให้ตนเองไม่ได้เช่นกัน ว่าที่จุมพิตนางอย่างเร่าร้อนเมื่อสักครู่ด้วยเหตุอันใด ทำโทษหรือ เหตุใดไม่ทำโทษด้วยวิธีอื่นเล่า
ในเมื่อนางเข้าใจว่าเขาแย่งขนมแล้วหลี่จิ้งจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย เขากระแอมแล้วยังทำหน้าจริงจังพร้อมเอ่ยว่า
“ยังมีอีก เมื่อสักครู่ผู้ใดใช้ให้เจ้าสอดลิ้นเข้ามาในปากของอาจารย์ ความผิดนี้ไม่อาจอภัย กลับสำนักให้คัดคัมภีร์ชำระใจสิบจบ”
เป่ยฟางหรงตาโต “อาจารย์ไม่ใช่ว่าท่านเคยบอกข้าว่าท่านกินได้หรอกหรือยังจะให้ข้าลองชิมด้วย”
หลี่จิ้งรู้สึกคอแห้งเป็นผง
“ข้าพูดเช่นนั้นจริงแต่วันนี้ข้าอนุญาตเจ้าหรือไม่”
“ไม่อนุญาตเจ้าค่ะ”
ในที่สุดเป่ยฟางหรงก็ยอมแพ้ หลี่จิ้งขยับออกห่างนางมากขึ้นในถังน้ำนี้ทำให้พวกเขาแนบชิดกันเกินไป เขารู้ดีว่าในตอนนี้ร่างกายส่วนนั้นแข็งยิ่งกว่าหิน และยังต้องบังคับตนเองให้ข่มความต้องการที่กำลังปะทุเดือดภายในร่างกาย
ร่างกายของหลี่จิ้งร้อนเกินไปแล้ว เขาจึงถอยห่างและผลักนางออก เดิมทีตั้งใจจะมากรุยลมปราณให้นาง แต่เมื่อสักครู่ที่เขาสัมผัสนางอย่างใกล้ชิดก็รับรู้ได้แล้วว่าภายในของนางเดินโล่งเป็นปกติเช่นเดิม
เจ้าภูตวอนตายนั่นมีพละกำลังไม่น้อย หากเป็นเขาคงใช้เวลาทั้งคืนเป็นแน่
เป็นเพราะหลี่จิ้งใช้พลังของตนไปมากเพื่อละลายดวงตาของภูตน้ำแข็ง ด้วยระดับพลังทิพย์ที่แตกต่างกันเช่นนั้นทำให้เขาสูญเสียพละกำลังไปมาก เมื่อตั้งใจลุกขึ้นจากถังน้ำน้ำจึงเซเล็กน้อย
เป่ยฟางหรงตกใจรีบลุกขึ้นช้อนร่างอาจารย์เอาไว้ในอ้อมแขน หลี่จิ้งมองสำรวจร่างของนางอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะตำหนิที่นางไร้อาภรณ์แบบนี้ยังจะลุกขึ้นมาอย่างหน้าไม่อาย
แต่แล้วเขาก็เห็นว่านางยังใส่ชุดตัวในอยู่ เพียงแต่พับแขนเสื้อขึ้นเท่านั้น หลี่จิ้งหน้าแดงด้วยรู้ว่าที่แท้ตนเองเข้าใจผิดคิดว่านางเปลือยกายต่อหน้าบุรุษอื่น แต่กระนั้นก็คิดเข้าข้างตนเองอย่างไรเสียเขาก็ไม่ผิด
สมควรแล้วที่เขาเผาดวงตาภูตน้ำแข็งตนนั้น ใครใช้ให้แตะต้องร่างกายของนางกันเล่า