“หรงหรงเหตุใดเอ่ยวาจาเช่นนี้ คุกเข่าขอโทษอาจารย์ของเจ้าเสียอย่าอยากให้พ่ออกแตกตายหรืออย่างไร”
“ท่านพ่อข้าทำสิ่งใดผิด เหตุใดเขาจึงงกเช่นนี้แค่เสื้อผ้าเอง” นางบ่นอุบอิบยังไม่เข้าใจว่าตนเองผิดตรงที่ใด
“หรงหรงพ่อบอกให้เจ้าคุกเข่า ขืนเจ้ายังดื้อรั้นเช่นนี้พ่อคงได้แต่สลายวิญญาณของตัวเองชดใช้ความผิดแทนเจ้าแล้ว”
“โอ๊ะ แค่ขอเสื้อผ้าคนผู้หนึ่งถึงต้องสลายวิญญาณเชียวหรือ ท่านพ่อจะไม่มากไปหรือ”
“หรงหรง” ราชาแทนเหมันต์ทำท่าจะสลายวิญญาณตนเองจริง ๆ โดยมีเทพอัคคีทำหน้าตายยืนอยู่ตรงนั้นไม่ยอมห้ามปราม
ถึงจะดื้อรั้นเพียงใดเป่ยฟางหรงก็ไม่อยากให้บิดาของตนเองเป็นอะไรไป นางก้มหน้ากัดฟันอย่างไม่พอใจคุกเข่าลงกระนั้นมือน้อยยังกำชายเสื้อของเทพอัคคีแน่น
“ก็ได้ ๆ ข้าคุกเข่าแล้ว”
“ขอโทษอาจารย์ของเจ้าด้วย” น้ำเสียงของราชาเหมันต์ยังเต็มไปด้วยโทสะ
“ก็ได้ อาจารย์ศิษย์ขอโทษศิษย์ผิดไปแล้ว”
“หาได้จริงใจไม่” เป็นถงถงที่พูดออกมา เทพอัคคีจึงต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่สักเล็กน้อย
“ช่างเถิด ช่างเถิด”
เทพอัคคีหมุนกายหนึ่งรอบอาภรณ์ที่เขาใส่เมื่อสักครู่ก็อยู่ในมือตนเขาเปลี่ยนเป็นอาภรณ์สีแดงเพลิงอีกชุด ไออุ่นของเขายังเต็มเปี่ยมอยู่ที่อาภรณ์ชุดเดิม เป่ยฟางหรงถึงกับดีใจกระโดดกอดอาภรณ์ชุดนั้นเอาไว้ไม่สนใจเทพอัคคีอีกต่อไป
เมื่อดึงความสนใจตัวป่วนออกไปได้ เทพอัคคีจึงพูดธุระของตนเองเพื่อที่จะได้รีบกลับทันใด
“ข้ามาวันนี้เพื่อที่จะส่งข่าวอีกห้าสิบปีต่อจากนี้ข้าจะมารับเป่ยฟางหรงลงไปยังแดนมนุษย์เพื่อบำเพ็ญเพียรจนกว่านางจะบรรลุธรรมขับจิตมารออกจากกายไม่สร้างความลำบากให้สามโลกต่อไป”
“ทะท่านว่าอะไรนะ ข้าต้องลงไปบำเพ็ญตบะที่แดนมนุษย์หรือ”
เป่ยฟางหรงเพิ่งรู้เรื่อง ที่ผ่านมานางรู้ว่าเทพอัคคีคืออาจารย์ของนางเมื่อถึงเวลาเขาจะมาเป็นอาจารย์ฝึกจิตใจให้ เป่ยฟางหรงย่อมไม่มีปัญหาตราบใดที่นางยังอยู่แดนเหมันต์จะมีอาจารย์อีกสักร้อยคนก็เชิญเถิด
แต่นี่ด้วยเรื่องอันใดที่นางต้องลงไปยังแดนมนุษย์ให้มัวหมอง ว่ากันว่าแดนมนุษย์เต็มไปด้วยเรื่องลำบากและอันตรายอีกทั้งเทพที่ลงไปที่นั่นไม่อาจใช้พลังวิเศษได้ หาไม่พลังนั้นจะย้อนกลับทำร้ายตัวเองเหตุใดนางต้องลำบากเพียงนั้น
“เป็นลิขิตสวรรค์เจ้าไม่อาจขัดได้ ธุระข้ามีเพียงเท่านี้องค์ราชาข้าขอลาก่อน”
กล่าวจบเทพอัคคีก็ไม่รอช้าย้ายร่างของตนเองไปในทันใด การอยู่กับนางเพิ่งแม้เพียงเสี้ยวเวลายิ่งทำให้เขารู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า ในเมื่อเขายังมีเวลาที่จะสำราญใจอีกห้าสิบปีเขาจะไม่เสียเวลาแม้แต่น้อย
กระทั่งร่างของคนผู้นั้นหายไปแล้วเป่ยฟางหรงยังไม่หยุดโวยวาย นางคาดคั้นได้ความว่าทั้งหมดเป็นคำสั่งของเง็กเซียนฮ่องเต้
“เขาเป็นผู้ใดกันถึงใช้อำนาจบาตรใหญ่มาสั่งข้าซึ่งเป็นองค์หญิงแห่งแดนเหมันต์ ดินแดนของเราหาได้ขึ้นตรงต่อเผ่าสวรรค์ ท่านพ่อข้าไม่ยินยอมเด็ดขาด”
องค์ราชาไม่อาจบอกความจริงกับนางได้ ว่าเพราะอาเพศที่เกิดขึ้นตั้งแต่นางลืมตาทำให้เขาเกิดความสงสัยในปฐมวิญญาณของบุตรสาว กระทั่งไปขอความช่วยเหลือจากองค์เง็กเซียนสอบถามความจริงว่าเกิดสิ่งใดขึ้น พบว่าในร่างกายขององค์หญิงน้อยคือปฐมวิญญาณของดาวมารที่หลุดรอดออกมาหากไม่รีบหาทางป้องกันในอนาคตนางคงต้องกลายเป็นมารร้ายทำลายสามภพเป็นแน่
หากเป็นเช่นนั้นชะตาของบุตรสาวคือต้องถูกสวรรค์และพิภพล้อมปราบและปลิดชีพเป็นแน่
เขาจะทำเช่นไรได้เมื่อองค์เง็กเซียนเสนอสิ่งใดมาเขาก็น้อมรับเพื่อช่วยเหลือบุตรสาวให้หลุดพ้นจากหายนะ เมื่อคิดไปคิดมาร่างน้อยของเป่ยฟางหรงก็หายไปแล้ว
“แย่แล้วเพคะ ฝ่าบาทน้อยแหวกเขตอาคมตรงไปยังแดนสวรรค์แล้วเพคะ”