“อย่ารนหาที่ตาย ถึงร่างกายเจ้าจะทนต่อสายฟ้าได้แต่ถ้าโดนเข้าบ่อย ๆ สมองอาจจะพิการกลายเป็นกิเลนบื้อใบ้ ในตอนนั้นแม้แต่ตัวข้าก็จะละทิ้งตัวไร้ประโยชน์เช่นเจ้า”
หลี่จิ้งเอ่ยเตือน กระทั่งได้ยินเสียงแหบโหยและเสียงไอของถงถง
“ขอรับนายท่าน ข้าน้อยจะไม่แส่หาเรื่องอีกแล้ว”
หลี่จิ้งเห็นว่าสติของถงถงยังแจ่มชัดตอบคำถามของเขาได้จึงไม่ได้สนใจเขาแล้ว หลี่จิ้งวาดมือเป็นวงกลม ฮวาเปียวพลิ้วออกจากฝักหมุนเป็นวงกลมตามสัญญาณมือที่เขาทำ แล้วพุ่งเข้าไปที่ภูเขาหินเบื้องหน้า เพียงครั้งเดียวเท่านั้นเขตอาคมปีศาจก็ถูกทำลาย
“พวกเจ้าระวังตัวและจับมันให้ได้ ด้านในนี้เป็นรังปีศาจที่แท้จริง”
“ขอรับอาจารย์”
ศิษย์ของสำนักต่างกระโดดขึ้นขี่กระบี่ จัดแถวค่ายกลเรียงตัวกันเป็นแนวสวยงามแล้วพุ่งไปด้านหน้าเพื่อกำจัดปีศาจทันใด
ฮวาเปียวลอยฉิวกลับมา หลี่จิ้งกระโดดเพียงครั้งเดียวก็ขึ้นเหยียบกระบี่เทพของตนเอง ฮวาเปียวพาเขาล่องลอยเข้าไปในถ้ำตามศิษย์เหล่านั้นไป
ฝ่ายเซียนกับปีศาจพลันปะทะกันอย่างรุนแรง หลี่จิ้งดึงกระจกส่องมารออกมาดูรู้ได้ทันทีว่าศิษย์น้องของตนและมารตัวใหญ่กำลังต่อสู้กันอยู่ด้านในที่ลึกที่สุดของถ้ำนี้
เมื่อหลี่จิ้งไปถึงก็พบว่าด้านบนของถ้ำเป็นช่องโหว่แล้ว เขาจึงติดตามไปอย่างไม่ลดละ กระทั่งหลี่จิ้งเห็นศิษย์น้องของตนเองกำลังต่อสู้กับมารสองตนอยู่ในป่าลึก
หลี่จิ้งเข้าไปช่วยทันที ฮวาเปียวฉวัดเฉวียนอยู่บนศีรษะของมารตนหนึ่ง หลี่จิ้งเสกลูกไฟเพิ่มความสว่างโดยรอบจนคล้ายกับดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ พื้นที่โดยรอบจึงสว่างเหมือนกลางวัน
เดิมทีปีศาจพวกนี้ก็กลัวแสงอยู่แล้ว เมื่อมีดวงไฟล้อมรอบเช่นนี้กำลังของพวกมันจึงอ่อนแรงไปมาก แต่แม้จะอ่อนแรงก็ยังเก่งกาจอยู่ดี
หลี่จิ้งตั้งกระบวนท่า กระโดดหมุนกายว่องไวเขาโจมตีที่หลังคอของมันที่ตนเองคิดว่านี่คือจุดตายของปีศาจชนิดนี้
“ศิษย์น้องระวังตัว หากไม่ไหวให้ถอยไปก่อน”
“ข้ายังไหว”
เสียงของหลินเสียงเอ่ยขึ้น พลังทิพย์ที่ถูกกลบของนางกลับมาแล้วหลินเสียวจึงไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นรองอีกต่อไป ฝีมือของนางนับว่าเก่งกาจไม่นานก็สามารถฟันที่แขนของปีศาจตนนั้นได้
หลี่จิ้งตวัดกระบี่ร่ายคาถาแล้วดึงเชือกอัคคีมา เขาใช้พลังทิพย์ตรึงร่างของปีศาจตนนั้นเอาไว้จนเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้น
สมกับที่มันเป็นหัวหน้าปีศาจ เก่งกาจไม่น้อย
ในที่สุดหลี่จิ้งก็ตรึงร่างของมันได้สำเร็จ เขาร่ายคาถาอีกครั้งขยับกายพุ่งยันต์เข้าไปแปะร่างของปีศาจนับร้อยจนทั่วตัวของมัน แล้วใช้เชือกอัคคีมัดปีศาจอย่างแน่นหนา
หลี่จิ้งยกมุมปาก ควานหาถุงจับปีศาจจากถุงเฉียนคุนแต่พบว่าถุงนั่นของเขาได้ให้เป่ยฟางหรงไปแล้ว จึงตั้งใจจะใช้ของหลิงเสียน เมื่อหันมาพลันเห็นว่าปีศาจที่หลิงเสียนจับได้ถูกคนผู้หนึ่งซึ่งว่องไวยิ่งช่วยไปแล้ว อีกทั้งหลิงเสียนยังได้รับบาดเจ็บสาหัส
“เกิดสิ่งใดขึ้น เพียงชั่วพริบตามันจึงทำร้ายเจ้าได้”
หลี่จิ้งพยุงร่างของนางให้นั่งตรง เขาถ่ายทอดพลังเซียนสายอ่อนเป็นการรักษาเบื้องต้นให้กับหลิงเสียน กระทั่งนางรู้สึกดีขึ้น เส้นลมไม่ติดขัดแล้วเขาจึงวางใจ
“เมื่อสักครู่เหตุใดจึงเสียท่า ตบะของเจ้าแข็งแกร่งกว่ามันไม่ใช่หรือ”
หลี่จิ้งเอ่ยถาม
“มีปีศาจมาช่วยมัน ข้า ข้าเห็นปีศาจที่มาช่วยปีศาจตนนั้นเจ้าค่ะ มันร้ายกาจมากซัดข้าว่องไวเพียงหนึ่งฝ่ามือแล้วพาคนหายไปอย่างรวดเร็ว ข้าเห็น ๆ”
หลินเสียงยังตกตะลึง กระทั่งหลี่จิ้งถามว่า
“เกิดสิ่งใดขึ้น เจ้าเห็นสิ่งใดกันแน่ เหตุใดจึงตกอกตกใจเช่นนี้”
“ศิษย์พี่หากข้าบอกว่า เป่ยฟางหรงคือพวกของมารท่านจะเชื่อหรือไม่เจ้าคะ เมื่อสักครู่เป็นนาง ดวงตาของนางแดงฉาน ยังมีดอกไม้เพลิงที่กลางหน้าผาก เป็นนางจริง ๆ ที่มาช่วยปีศาจตนนั้นไป และทำร้ายข้าจนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ เป่ยฟางหรงแท้จริงนางคือปีศาจแฝงกาย นางคือปีศาจเจ้าค่ะ”