หลี่จิ้งตกตะลึง เขาเชื่อว่าศิษย์น้องของเขาไม่ได้โกหกแต่จะเป็นเป่ยฟางหรงไปได้อย่างไร เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
“ศิษย์พี่รีบตามนางไปเจ้าค่ะ ข้าเห็นนางช่วยคนไปทางนั้น”
หลี่จิ้งไม่คิดตามปีศาจแล้ว นั่นอาจเป็นปีศาจที่ปลอมเป็นเป่ยฟางหรง เขาต้องกลับไปที่จวน ดูนางให้เห็นกับตาว่านางยังปลอดภัยดี ในขณะที่กำลังจะเคลื่อนย้ายกายกลับจวนท่านเจ้าเมือง ถงถงก็เร่งรุดมาหาเขาเสียก่อน
“นายท่านฝ่าบาทน้อยถูกจับไปแล้วขอรับ ข้าน้อยถามไถ่ศิษย์ทั้งสองของท่านที่เฝ้านางไว้ปรากฏว่าพวกนางไม่รู้เรื่องอันใดเลย พวกนางจำสิ่งใดไม่ได้แม้แต่น้อย”
หลี่จิ้งกำกระบี่แน่น
“แล้วเจ้าเล่าเหตุใดปล่อยให้เกิดเรื่องได้”
“นายท่าน เป็นเพราะในยามนั้นมีปีศาจหลายตัวที่วนเวียนอยู่รอบจวน แต่ละตัวล้วนมีตบะแข็งกล้าศิษย์มนุษย์ของท่านหากปะทะคงได้ตายสถานเดียว ข้าเลยตามไปสังหารและขับไล่เสีย ข้าสาบานว่าข้าใช้เวลาไม่นานเลยสักนิดครั้นกลับมาก็พบว่าฝ่าบาทน้อยหายไปแล้ว”
หลี่จิ้งกัดฟัน เป็นเขาที่พลาดเอง ที่วางใจปล่อยให้นางอยู่ในจวนเพียงลำพังถึงแม้จะคิดสงสัยว่ามีคนรู้เรื่องของนางแล้ว และปีศาจเหล่านั้นกำลังต้องการที่จะปลุกจิตมารในร่างของนางให้ตื่นขึ้น
“ถงถงต้องมีปีศาจรู้แล้วแน่ว่านางคือผู้ใด พวกมันต้องพานางไปปลุกจิตมารเป็นแน่ เจ้าออกค้นหาให้ทั่วและหากเจอภูตน้ำแข็งของนางก็จับมาให้ข้าเสีย”
“นายท่าน ท่านสงสัยเขาหรือขอรับ”
“ข้าหาได้สงสัยแต่ต้องรอบคอบไว้ก่อนในยามนี้ผู้ที่รู้เรื่องของนาง นางจากองค์เง็กเซียนก็มีเจ้ากับข้า เท่านั้น คนผู้นั้นใกล้ชิดเป่ยฟางหรงอยู่ที่ตำหนักสุริยันต์ของข้า อาจจะเผลอล่วงรู้ความลับนี้ก็เป็นได้”
ถงถงคิดอยากจะแก้ต่างให้หยีจวนนัก แต่เทพอัคคีก็เพียงบอกว่าจะจับเขามาสอบสวนเท่านั้นยังไม่ได้ปักใจเชื่อว่าเขาเป็นผู้ปากเปราะแต่ประการใด เขาจึงหุบปากเอาไว้ก่อน
คนซื่อบื้อผู้นั้นที่ทุ่มเทกายใจให้กับฝ่าบาทน้อยเช่นนี้ จะกล้าที่จะทำให้นางเป็นอันตรายหรือ ถงถงไม่มีทางเชื่อเป็นอันขาด
หลี่จิ้งดึงกระจกส่องมารออกมาแล้วร่ายอาคม เส้นทางของนางไม่ชัดเจนนักดูเหมือนว่าจะแบ่งออกเป็นสองเส้นทาง เขาจึงสั่งให้ถงถงออกติดตามหาเป่ยฟางหรงทางทิศใต้ ส่วนเขาจะมุ่งไปทิศเหนือ
ถงถงหายตัวไปอย่างรวดเร็ว หลี่จิ้งจึงเดินกลับมาหาหลิงเสียนแล้วเอ่ยว่า
“เจ้าแน่ใจว่าเป็นนางหรือ”
“ศิษย์พี่ข้ามั่นใจว่าเป็นนางเจ้าค่ะ เห็นหรือไม่ว่านางไม่ได้อยู่ที่จวนของท่านเจ้าเมือง อีกทั้งศิษย์เราทั้งสองยังไม่รู้ว่านางแอบหนีออกไปตั้งแต่เมื่อใด”
หลี่จิ้งเองก็ประหลาดใจไม่น้อย เขาให้ศิษย์สองคนเฝ้าหน้าประตูห้องของนางอีกทั้งยังมีข่ายอาคมกันปีศาจที่ร่ายไว้โดยรอบ เหตุใดคนทั้งสองจึงไม่รู้ไม่เห็นและเป่ยฟางหรงสามารถหลบหนีออกไปได้โดยไม่มีผู้ใดรู้
คนที่พาตัวของนางไป…หรือว่า
หลี่จิ้งคิดได้ดังนั้นเขาก็ขี่กระบี่กลับไปที่จวนของท่านเจ้าเมืองทันใด
เพียงเขาร่อนกระบี่ลงที่จวนท่านเจ้าเมือง หลี่จิ้งก็บุกเข้าไปในเรือนนอนของเล่าฉินทันใด บุรุษผู้นั้นกำลังนอนกรนกอดอนุผู้หนึ่งอยู่อย่างไม่รู้ถึงความตายที่กำลังมายืนรออยู่เบื้องหน้า
หลี่จิ้งตวัดมือพลันเชือกอัคคีสีแดงก็พันรอบกายของเขา ดึงร่างของชายผู้มีพุงกลมลงมาจากเตียงแล้วลากออกไปด้านนอกเรือนโดยมีหลี่จิ้งเดินตามออกมา อีกทั้งอนุของเขายังลนลานใส่เสื้อผ้าตัวสั่นงันงกออกมาดูเหตุการณ์ด้านนอก
ในคราแรกเล่าฉินคิดว่าตนเองนั้นกำลังฝันไป แต่เมื่อตอนที่เขากระแทกลงจากเตียงและได้ยินเสียงหวีดร้องของอนุภรรยาคนสวยถึงกับลืมตาตื่นทันใด
เชือกอัคคีจับเขาเหวี่ยงคล้ายกับสุกรตัวหนึ่ง กระแทกจนตับไตมารวมเข้าที่จุดเดียวอีกทั้งดูเหมือนว่าฟันของเขาจะหักไปสองซี่
บุรุษที่คิดว่าตนเองไม่ได้ทำสิ่งใดผิดถึงกับร้องไห้โฮร้องขอความเป็นธรรม เรียกบรรดาบ่าวรับใช้ที่ยังไม่ตื่นหลายคนออกมามุงดู
“เจ้าบอกข้ามาศิษย์ของข้าเป็นผู้ใดจับตัวไป”