ลิขิตคนรึหานสู้ลิขิตฟ้า ลิขิตนี้ลิขิตเเล้วให้นำพา
ลิขิตนี้เมื่อหวนมา ลิขิตเเล้วซึ่งตัวเจ้าตัวข้า
ลิขิตนั้นลิขิตพรรค ลิขิตรักสมรสพระราชทาน
……
หลังจากสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกจบไป ซื่อหยาเหยา บิดานาง และเผิงอวิ๋นก็ได้นั่งรถม้ากลับบ้าน โดยที่บิดาของหยาเหยสก็มิวายยัดเยียดให้นางกับเผิงอวิ๋นนั่งรถม้าคันเดียวกันเพื่อกลับจวน
ภายในรถม้านั้นทุกอย่างเงียบ…. เงียบจนดูน่ากลัวในบางทีหยาเหยานางเอาแต่ก้มหน้ามิพูดมิจา ผิดกลับด้านเผิงอวิ๋นที่เขาเอาแต่จ้องมองมาที่นางด้วยสีหน้าและแววตาที่ลึกซึ้งเกินบรรยาย
“เหยาเอ่อร์” เผิงอวิ๋นเป็นผู้เอ่ยปากขึ้นมาก่อน
หยาเหยาที่ในเวลานั้นใจนางเหม่อลอบไปไกล…. เมื่อได้ยินเสียงเผิงอวิ๋นเอ่ยเรียกชื่อนางตัวนางก็สะดุ้งเงยหน้าตอบเขาอย่างรวดเร็ว “เจ้าคะ “
เมื่อหยาเหยาเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยกับเผิงอวิ๋นจนจบประโยคนั้น นางก็ก้มหน้ากลับลงไปอีกครั้ง
“เจ้าเสียใจ?” เผิงอวิ๋นเอ่ย ด้วยน้ำเสียงกึ่งผิดหวังน้อยๆ
“เสียใจ?” หยาเหยาเงยหน้าขึ้นมาตอบอีกครั้ง
“ที่ต้องแต่งกับข้า?” เผิงอวิ๋นเอ่ยประโยคนั้นพร้อมกับมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาของหยาเหยา
หยาเหยานางรีบส่ายหน้า….. ที่นางเงียบไปเพราะนางไม่มีหน้าที่จะสู้ได้แล้วจริงๆ แท้จริงคำพูดในปีนั้นของเผิงอวิ๋นล้วนออกมาจากใจ เป็นคำสัตย์สาบานโดยแท้ แต่นางเล่ามิเพียงมิเชื่อใจ กลับปันใจไปให้ชายอื่น เลวนัก!!
“หากมิเสียใจ ใยมิยิ้มบ้าง มิมองหน้าพี่บ้าง ทำเช่นนี้ไม่เหมือนน้องพี่เลยสักนิด” เผิงอวิ๋นกล่าว ดวงตากลมโตมีแววประกายของนาง สบเข้ากับดวงตาลึกซึ้งและเปิดเผยของเผิงอวิ๋นเข้าเต็มๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ในตอนนี้หยาเหยาคล้ายจะถูกมนต์สะกดนางขยับกายไม่ได้เลย
“พี่มิโทษเจ้า เจ้าก็อย่าได้โทษตนเองอีกเลย สตรีใดในโลกสำหรับพี่ ก็มีแต่เจ้านี้แล้วที่ดีที่สุด” เผิงอวิ๋นยิ้ม รอยยิ้มที่อบอุ่นนั้น ….. หยาเหยานาง…. นางเผยยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกจากส่วนลึกในใจ แต่เรื่องเช่นนี้จะว่าไม่ถือโทษคำเดียวก็จบเรื่องแล้วหรือ ตัวนางหรือก็พลาดใจไปรักบุรุษอื่นถึงสองปีเต็ม
เมื่อหยาเหยาได้สตินางก็ดึงมือของตนออก….. ประจวบกับในเวลานั้นรถม้าก้ได้หยุดลงที่หน้าจวนพอดิบพอดี
……
ภายในเรือนของหยาเหยา
ในเวลานี้นางอาบน้ำชำระกายเป็นที่เรียบร้อย คำพูดหวานหูของเผิงอวิ๋นก็ยังคงติดค้างในใจนางอยู่ หาได้สลายหายไปกับสายน้ำที่ชำระล้างร่างกายของนางหรือก็ไม่ หยาเหยานางนั่งเหม่อลอยมองเปลวไฟในโคมไฟอยู่อย่างจนจะครึ่งชั่วยามแล้ว ก็มิละสายตาไป
“คุณหนูเจ้าคะ” ชิงชิงเอ่ยเรียกนายตน ด้วยความเป็นห่วง
“อ้อ……” หยาเหยาเอ่ยขึ้น
“คุณหนูกังวลใจเรื่องใดกันเจ้าคะ” ชิงชิง นั่งลงกับพื้นที่ตรงหน้าของหยาเหยา
เหยาเหยานางเพียงถอนหายใจเบาๆ เพียงเท่านั้น
“คุณหนูของชิงชิงหากนับเป็นหยกก็ย่อมเป็นหยกที่ล้ำค่าและหายากที่สุดในแผ่นดิน หากนับเป็นดวงดาวก็เป็นดวงดาวที่ส่องแสงสว่างที่สุดบนท้องฟ้า “ชิงชิงนางเอ่ยพร้อมกับวางมือลงบนมือของหยาเหยาอย่างปลอบประโลม
“จวบจนวันนี้แล้วสตรีที่เคยผ่านการแต่งงานหากเป็นหยกงามก็นับว่ามีรอยร้าว หากนับว่าเป็นเดือนดาวก็นับว่ามีราคีเมฆดำที่ลดทอนแสงสว่าลงไปแล้ว” หยาเหยาในเวลานี้ดวงตานางคล้ายมีความกังวลอย่างยิ่ง
“คุณหนูของชิงชิงคุณค่าของคุณหนูหาได้อยู่ที่ผ่านอะไรไม่ผ่านอะไร…. ชิงชิงอยู่กับคุณหนูมานับแต่จำความได้ ชั่วชีวิตคุณหนูของชิงชิงมิเคยทำผิดต่อฟ้าดิน นับแต่ท่านถือกำเนิด ไม่ว่าจะกาพย์กลอน การร่ายรำ การดนตรี หรือแม้นแต่ตำราต่างๆ ท่านก็เชี่ยวชาญชำนาญจนสิ้น จนแต่งเข้าจวนท่านแม่ทัพท่านก็เป็นเอกภรรยา เป็นยอดของสตรีในแผ่นดิน ท่านมิเคยทำผิดต่อผู้ใด คุณหนูของชิงชิงท่านได้โปรด….. ความผิดพลาดหนหนึ่งในชีวิตท่านจะนำมาเป็นตราบาปหาได้ไม่ ฮูหยินย่อมคิดเช่นเดียวกับชิงชิงเจ้าคะ” ในตอนนั้นชิงชิงนางหลั่งน้ำตา นางเลี้ยงดูเหยาเหยามานับแต่เล็ก เป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่ เป็นทั้งนายทั้งบ่าว
“ชิงชิง…. เหยาเหยามีสิทธิ์จริงๆ หรือ คู่ควรกับความรักของเผิงอวิ๋นเกอเกอ จริงหรือ…. เหยาเหยาสามารถเอ่ยคำรักกับท่านพี่โดยไม่ละอายแก่ใจได้หรือ ชั่วชีวิตหยาเหยาอยากจะเป็นสตรีใจเดียว ผู้ใดอยากแต่งแล้วหย่า แต่หยาเหยาทนไม่ได้ที่คนผู้นั้นทำร้ายชิงชิงของข้า พี่สาวของข้า” หยาเหยาประคองใบหน้าของชิงชิงพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมา
จากนั้นทั้งสองก็สวมกอดกัน…..
จวนแม่ทัพ
ในเวลานี้ก็ผ่านยามสามไปแล้วหลู่เมิ้งก็ยังคงนั่งอยู่ในสวนกลางจวน…… เขากำลังดื่มเหล้า ดื่มเหล้า ผ่านไปแล้ว จอกแล้วจอกเล่า….. ผู้ใดบ้างจะเข้าใจความรู้สึกนี้
ครั้งหนึ่งสตรีที่เขามองว่าไร้ค่า…. จนเมื่อนางได้จากเขาไปคำพูดนั้นของนางทำให้เขาสะเทือนใจเป้นอย่างมาก สัมผัสสุดท้ายก่อนลาจากเป็นมือที่แสนหยาบกระด้างของภรรยาผู้ปรนนิบัติสามีของนาง
แล้วในวันนี้ก้อนดินไร้ค่าในสายของเขาในวันนั้นกลับมีเอกบุรุษแห่งยุค หมายคว้าเอาไปครองต่อหน้าต่อตา บุรุษผู้นั้นรักนางมีใจต่อนางโดยแท้
หลู่เมิ้งย้อนคิดไปหากในวันนั้นเขาดีต่อนางสักหน่อย…. ไม่ใจร้ายใจกำต่อนางเพียงนั้นวันนี้เขากับนาง ….. วันนี้นางอาจจะยังอยู่ในจวน คอยซักผ้า ทำอาหาร เตรียมน้ำให้อาบ จัดแจงเรื่องต่างๆ ภายในจวนนี้ อาจจะเป็นเช่นนั้นอยู่ก็ได้
ในยามนี้แม้นแต่เวลาที่เขาเงยหน้ามองดวงจันทร์อาจจะด้วยฤทธิ์สุราที่สะสม ทำให้แม้นแต่เงาบนพระจันทร์ยังเป็นภาพใบหน้าของซื่อหยาเหยากำลังยิ้ม ยิ้มอย่างอบอุ่นมายังเขาที่นั่งอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มของสตรีที่ยืนรอรับเขาอยู่ที่หน้าจวนในปีนั้น