ตอนที่ 213 ฉันจำเป็นต้องฟังเวลาที่คุณอยากจะพูดหรือไ ง
วันรุ่งขึ้น ขณะกำลังรอเข้าฉาก…
หลินเยียนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เธอเลยไม่คิดแม้แต่ที่จะอยากเล่นเกม หลังจากที่เธอแต่งหน้าเสร็จ เธอก็นั่งบื้ออยู่ที่เดิม
ตัวตัวนั่งข้างเธอและแอบลอบมองเธออยู่เนืองๆ ก่อนที่จะกระแอมในลำคอเบาๆ “อย่าไปสนใจความเห็นลบๆ ในเน็ตเลยพี่ มีคนพูดถึงพี่ในวงการบันเทิงก็ดีกว่าตอนที่ไม่มีใครสนใจ อีกอย่างการแสดงของพี่ก็โอเค ตราบใดที่พี่ไม่ไปร่วมโชว์ห่วยๆ พวกนั้นและทำตามที่พี่หลิงพูด ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง…”
หลินเยียนขยับขนตาและเงยหน้าขึ้น เธอรู้สึกตื้นตันกับสิ่งที่ตัวตัวพยายามพูดให้กำลังใจ “ตัวตัวที่รัก เธอกำลังปลอบฉันเหรอ”
ตัวตัวชะงัก “ใครปลอบพี่กัน ฉันก็แค่กลัวว่าพี่จะจิตตกจนแสดงไม่ได้แล้วพี่ก็จะพลอยทำให้พี่หลิงเสียชื่อไปด้วย! ฉันได้ยินมาว่าหันอี้เซวียนมาเข้าฉากวันนี้ด้วย ถ้าสภาพพี่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้ แล้ววันนี้พี่จะแสดงได้ยังไงกัน”
หลินเยียนยิ้มกว้างเอ็นดูเด็กสาวที่กำลังพยายามพูดแก้เก้อ “ไม่ต้องห่วงน่า ฉันไม่ได้เข้าฉากกับเขาซะหน่อย ซีนถ่ายวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก”
เว่ยสวีเฟิงลาป่วย ฉากของเธอเลยต้องเลื่อนถ่ายออกไปก่อน
เธอสงสัยว่าแผลที่เขาโดนตีน่าจะหนักเอาการ เด็กนั่นถึงได้โพสต์โอดครวญบนเว่ยป๋อรัวๆ…
ทุกครั้งที่เขาโพสต์ เธอจะโดนรุมทึ้งทุกที…
หลินเยียนรวบรวมสมาธิและเข้าฉากแสดงจนเสร็จอย่างราบรื่นในวันนั้น
หลังจากที่เธอล้างเครื่องสำอางออกและเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอก็รีบคว้ากระเป๋าเสื้อและออกจากกองถ่าย
“พี่เยียน กลับบ้านเลยไหม”
“กลับก่อนเลย ฉันมีนัดกับเพื่อนต่อ เดี๋ยวฉันนั่งรถไฟไป”
“พี่เยียน พี่เริ่มมีงานเยอะขึ้นแล้วพี่หลิงควรจะหารถให้พี่ใช้สักคันนะ นั่งรถไฟหรือรถบัสทุกวันลำบากจะตาย ฉันละอยากรู้ว่าเมื่อไหร่พี่จะได้เซ็นสัญญากับหนังเรื่องต่อไปอีก…คงอีกหลายปี…”
หลินเยียนและตัวตัวเดินคุยกันออกมาแล้วก็บังเอิญเจอกับใครคนหนึ่งเข้าระหว่างที่เดินเลี้ยวตรงมุมตึก
ครั้งก่อนพวกเขาเผอิญเจอเผยหนานซวี่ ส่วนครั้งนี้เจอหันอี้เซวียน
ตัวตัวตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นหันอี้เซวียนและผู้จัดการส่วนตัวของเขา โดยไม่รู้ตัวเธอเผลอไปจับชายเสื้อของหลินเยียน
ทั้งสี่คนยืนนิ่งไม่ไหวติง
หันอี้เซวียนเงยหน้าขึ้นและนิ่วหน้าเมื่อเห็นหลินเยียน
ไม่มีใครพูดอะไรอยู่พักหนึ่ง
หลินเยียนหยุดมองหน้าหันอี้เซวียนอยู่ไม่ถึงวิ แล้วเธอก็รีบเดินผ่านเขาไปโดยไม่ลังเลและเดินต่อ…
ตัวตัวถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบจ้ำตามเธอไป
หลังจากที่เธอเดินออกมาจากจุดนั้นได้ไม่กี่ก้าว เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้น “หลินเยียน ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
ตัวตัวรู้สึกหัวตื้อทันทีที่ได้ยินเสียงหันอี้เซวียน
เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย
ทำไมฝ่ายนั้นถึงเป็นคนเริ่มบทสนทนากับหลินเยียนก่อน
เผนหนานซวี่…เว่ยสวีเฟิง…ตอนนี้มาหันอี้เซวียนอีก…
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่ข่าวลือว่าสักนิด
ตัวตัวกลืนน้ำลายและเหลือบไปมองหลินเยียนเพื่อดูเชิง
หลินเยียนไม่สนใจหันอี้เซวียนและเดินต่อราวกับเธอไม่ได้ยิน
หันอี้เซวียนรีบเดินแซงหน้าและขวางหลินเยียนไว้ “หลินเยียน!” เขาขึ้นเสียง
หลินเยียนเหลือบมองโทรศัพท์ด้วยความไม่พอใจ “ขอโทษนะคุณหัน ฉันรีบ”
หันอี้เซวียนไม่ลดละ “คุยไม่นานหรอก”
กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขายิ่งทำให้หลินเยียนอารมณ์เสีย “ฉันจำเป็นต้องฟังเวลาที่คุณอยากจะพูดหรือไง”
ตอนที่ 214 คิดถึงฉันเหรอ
หันอี้เซวียนมองเธอราวกับที่ผ่านมาเขาไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอเลย สีหน้าเขาแข็งกร้าวขึ้นก่อนจะพูดห้วนๆ
“หลินเยียน ถ้าซูหย่าไม่เป็นคนขอร้องให้เธอ คิดเหรอว่าเธอจะได้เล่นเรื่องนี้ ฉันขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย ซูหย่าไม่เหมือนเธอ ซูหย่าเป็นคนจิตใจดีและบริสุทธิ์และเธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอแน่
ถ้าฉันเจอว่าเธอใช้วิธีสกปรกมาทำร้ายซูหย่าอีกละก็ ฉันสาบานว่าเธอจะไม่มีวันได้มายืนต่อหน้าน้องเธออีกเลย ที่ฉันจะพูดก็มีเท่านี้ ทำตัวดีๆ ไว้ละ”
หลังจากที่หันอี้เซวียนขู่เธอจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป
ตัวตัวไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังตลอดเวลาที่เกิดเรื่อง จนกระทั่งหันอี้เซวียนเดินกลับไป เธอถึงค่อยเอามือกุมหน้าอกและหายใจหอบ “เขาทำฉันกลัวแทบตาย…”
เธอเหลือบไปมองหลินเยียนและอดที่จะต่อว่าเธอไม่ได้ “พี่เยียน ถึงพี่อยากจะดังก็เถอะนะ แค่เรื่องข่าวฉาวรักๆ ใคร่ๆ ก็เกินพอแล้วมั้ง พี่กล้าไปมีเรื่องกับหันอี้เซวียนได้ยังไง พี่ไม่รู้หรือไงว่าครอบครัวเขามีอำนาจและอิทธิพลล้นเมืองนี้มากแค่ไหน หันอี้เซวียนไม่ได้พูดเล่นนะพี่ เขาแค่สั่งออกมาคำเดียวพี่อาจจากโลกนี้ไปเลยก็ได้…”
หลินเยียนกระพริบตาปริบๆ “โอ้”
ตัวตัวขัดใจกับท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเธอ “โอ้? แค่นี้เหรอ”
“จะให้ฉันพูดอะไรล่ะ”
หลินเยียนหันมองเธอและพูดอย่างเบื่อๆ “ฉันควรสรรเสริญแฟนเก่าผู้แสนดีงั้นเหรอ แล้วไงต่อ แฟนคนปัจจุบันของฉันตอนนี้เจ๋งและเก่งกว่าเป็นไหนๆ”
ตัวตัวพูดกับเธออย่างเหลืออด “ไม่อวดแฟนสักวันพี่จะตายไหม สองครั้งแล้วนะ! แถมหันอี้เซวียนไปเป็นแฟนเก่าพี่ได้ยังไง ไหนจะตอนนี้อีก พี่ยังมีหน้ามาอ้างว่ามีแฟนที่ดีกว่านี้อีกเหรอ ใครจะไปเชื่อพี่”
หลินเยียนเม้มปาก ทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครเชื่อเรื่องจริงเลยนะ
…
เธอสายแล้วเพราะหันอี้เซวียน เธอเลยไม่มีทางเลือกนอกจากยอมควักเงินในกระเป๋านั่งแท็กซี่อย่างเซ็งๆ
เธอสายไม่กี่นาที เผยอวี้เฉิงเลยมาถึงก่อน
เผยอวี้เฉิงเสนอให้มาที่สวนอาหาร ในโซนวีไอพีของร้านมีสวนสวยและสงบที่ดูเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก
ดอกกุหลาบขาวพร่างพรมไปด้วยหยาดน้ำค้างยามเย็นจัดวางเรียงรายเต็มรอบสวน ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำ ดวงดาวดวงน้อยต่างเปล่งแสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้า เผยอวี้เฉิงนั่งถือถ้วยชากระเบื้องเคลือบสีขาวอยู่บนเก้าอี้หวาย
ทีแรกหลินเยียนไม่อยากมาเดตคืนนี้เลยเพราะมันเป็นการขัดขวางแผนบอกเลิกของเธอ แต่ ณ วินาทีนี้ที่เธอเห็นชายหนุ่มในชุดสูทย้อนยุคนั่งอยู่ตรงนั้นประหนึ่งเขาก้าวออกมาจากภาพวาดสมัยศตวรรษที่ยี่สิบของยุโรป ในหัวของเธอก็เต็มไปด้วยความคิดที่ว่าเขาช่างงดงามและสุขุมอะไรเช่นนี้และค่ำคืนนี้ช่างเย้ายวนชวนให้หลงใหล…
หลินเยียนหลุดออกจากภวังค์หลังจากที่เคลิ้มไปพักใหญ่และรีบละล่ำละลักขอโทษเขา “ขอโทษค่ะคุณเผย! ฉันมาช้า! ขอโทษที่ทำให้คุณต้องรอนะคะ”
เผยอวี้เฉิงหันมามองเธอ “ไม่เป็นไร ฉันเพิ่งมาถึง”
เขารินชาให้เธออย่างประณีต
หลินเยียนยื่นมือไปรับ “ขอบคุณค่ะ…”
เธอนั่งลงอย่างเคอะเขินรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาดี เธอเลยนั่งจิบชาไปเรื่อยๆ
วันนี้เผยอวี้เฉิงดูอารมณ์ดี ใบหน้าของเขาที่อาจทำให้เมืองทั้งเมืองล่มสลายดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีก “คุณหลิน ทำไมถึงชวนฉันออกมาข้างนอกคืนนี้”
หลินเยียนทำหน้าเจื่อนเพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชวนเขาออกมาทำไม
เผยหนานซวี่ต่างหากที่เป็นคนขอให้เธอทำ…เธอแค่ทำตามที่เขาบอก…
หลินเยียนใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ “เอ่อ…จริงๆ ไม่มีเหตุผลอะไรหรอกค่ะ ขอโทษที่ชวนคุณออกมากะทันหันแบบนี้ ฉันรบกวนเวลางานคุณหรือเปล่าคะ อันที่จริง…ฉันแค่อยากชวนคุณมา…กินข้าวและพูดคุย…”
เผยอวี้เฉิงจิบชา รอยยิ้มแกมขบขันปรากฏบนใบหน้า “คิดถึงฉันเหรอ”