ตอนที่ 231 สมแล้วที่เป็นสเตบิไลเซอร์ที่มีฤทธิ์รุนแรง
“ฉัน…ฉันไม่ควรดุใส่คุณแบบนั้นเลย…แต่นั่นก็โทษฉันไม่ได้นะ…ใครใช้ให้คุณลงมือกับคนข้างตัวฉัน…ฉันก็แค่วู่วามไปชั่วขณะเองนี่นา…” หลินเยียนพูดเจื้อยแจ้ว
เนื่องจากร่างกายเผยอวี้เฉิงอ่อนแอเกินไป นางจึงทำได้แค่ประคองเขาเอาไว้ จนแทบทำให้เขาซบอยู่บนร่างตนเอง
เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดบนใบหน้าของชายหนุ่ม หลินเยียนก็รู้สึกเหมือนมีมีดมากรีดใจอย่างนั้น เธอกัดฟันกรอด พูดออกมาทันที “อย่างมาก…อย่างมากไม่เลิกกันก็ได้…พวกเราคืนดีกัน! เพียงแต่คุณก็ห้ามขู่ฉันอีก! โอเคไหม?”
เพียงแต่คำพูดเพิ่งจะหลุดออกมา หลินเยียนกลับรู้สึกว่าออกจะน่าขำอยู่บ้าง สิ่งที่เผยอวี้เฉิงแคร์ไม่ใช่การเลิกกันเลย แต่เป็นเพราะบารมีของเขาไม่อาจถูกท้าทายได้ต่างหาก
อย่างไรก็ตามเผยอวี้เฉิงกลับนิ่งเงียบ ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่จึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา “ได้”
เมื่อได้ยินหลินเยียนก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาแวบหนึ่ง
กลับ…รับปากงั้นเหรอ…
รับปากง่ายขนาดนี้เชียว???
ผ่านไปเนิ่นนานกว่าหลินเยียนจะได้สติกลับมา สายตากระจ่างวูบเล็กน้อย “นายแน่ใจ? นายรับปากฉันแล้วนะ ด้านคุณอาเซี่ยของฉัน นายห้ามทำเรื่องแบบนั้น ฉันไม่ชอบให้นายทำแบบนั้น…”
เผยอวี้เฉิงลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาดำขลับจ้องมองหญิงสาวโดยไม่กระพริบ “อืม”
หลินเยียน “ยังมีคุณตาฉันอีก…”
เผยอวี้เฉิง “ได้”
หลินเยียน “…???”
อะไรเนี่ย…
มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า!
เธออาละวาดคลุ้มคลั่งเสียขนาดนั้น นึกว่าเขาจะร้ายมากกว่าดี
ผลลัพธ์ทำไมกลายเป็นว่าพูดจาดีๆ ส่งเดชไปแค่ไม่กี่ประโยค เขาก็รับปากทุกเรื่องแล้ว?
หลินเยียนจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีเหม่อลอย งงไปหมดแล้ว
สรุปว่าเธอที่โมโหจะเป็นจะตาย วิ่งแจ้นมาอาละวาดด้วยความคิดที่ว่าต้องตายกันไปข้างหนึ่งแบบนี้ มันเพื่ออะไรกันแน่???
หลินเยียนเอ่ยปากถามเลียบเคียงต่อ “งั้น…งั้นก็ห้ามเข้ามาสอดเรื่องงานของฉัน…เปลี่ยนบริษัท เปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวอะไรต่อมิอะไร…แถมยังมายุ่งกับตารางการเดินทางอะไรทำนองนั้นของฉันอีก…ฉันไม่ชอบ…โอเคไหม?”
เพียงแต่คราวนี้เผยอวี้เฉิงกลับมารับปาก “ไม่ได้”
หลินเยียน “…”
รับปากทุกอย่าง แล้วทำไมเรื่องนี้ไม่ได้ แถมท่าทียังยืนกรานขนาดนี้อีก…
คงไม่ใช่เพราะตัวเองจะมีโอกาสอยู่กับดาราชายมากมายที่กองอื่นหรอกนะ?
เผยอวี้เฉิงใส่ใจเธอขนาดนั้นเชียว? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร…
คราวนี้หลินเยียนไม่ได้โมโหและเดือดดาลทันที
หลินเยียนกลอกตา จากนั้นจึงแสดงสีหน้าเสียใจออกมาหลายส่วน มองไปยังชายหนุ่มด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ ประนมมือพร้อมพูดอ้อนวอน “งั้น…คุณเผยอวี้เฉิง ฉันไปบริษัทที่คุณหาให้ช้าสักหน่อยได้หรือเปล่า? ทางนี้ฉันยังมีธุระที่ยังจัดการไม่เสร็จ ฉันรับปากคุณ พอฉันจัดการเสร็จแล้วต้องไปแน่ ดีไหม?”
เผยอวี้เฉิงนิ่งเงียบไปหลายวินาที “ได้”
หลินเยียน “…”
อา…
อย่างที่คิด…
รับปากอีกแล้ว…
อันที่จริงหลินเยียนก็รู้สึกงงอยู่บ้าง
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเผยอวี้เฉิงจะเอาใจง่ายขนาดนี้
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…
เสียงนาฬิกาข้อมือสีเงินที่อยู่บนข้อมือของชายหนุ่มเบาลงไปเรื่อยๆ
และขณะเดียวกันนี้ พวกของฉินฮวนซึ่งกำลังเรียกหมอเรียกผู้เชี่ยวชาญด้วยความร้อนรนกระวนกระวายราวกับมีศัตรูตัวฉกาจกำลังมาเยือนที่อยู่ด้านข้าง “…???”
เผยอวี่ถังจ้องมองหลินเยียนซึ่งจู่ๆ ก็พูดจาออดอ้อนออเซาะกระซิบกระซาบ “แล้วที่พูดว่าในพจนานุกรมไม่มีคำว่า ‘อ่อนข้อ’ สองคำนี้ล่ะ?”
ฉินฮวนจ้องมองลูกพี่ที่ฟังหลินเยียนพูดว่าอะไรก็ว่าตามนั้นของตัวเอง “ลูกพี่เราไม่มีทางว่าง่ายขนาดนี้…”
เมื่อซิงเฉินดูจนจบก็ตกใจจนอมยิ้มที่อยู่ในปากร่วงลงพื้น “สภาวะของพี่อวี้เสถียรแล้ว! สมแล้วที่เป็น…สเตบิไลเซอร์ที่มีฤทธิ์รุนแรง!”
ตอนที่ 232 พ่อลูกใจสื่อถึงกันจริงๆ ด้วย!
เมื่อเห็นว่าเผยอวี้เฉิงรับปากแล้ว หลินเยียนก็ดวงตาเป็นประกาย จับมือเขา กลัวว่าเขาจะกลับคำ “งั้นพวกเราเอาตามนี้นะ!”
เพียงชั่วพริบตาที่มือน้อยของหญิงสาวเกือบจะสัมผัสถูกหลังมือเขา นาฬิกาข้อมือสีเงินซึ่งส่งเสียงดังติ๊ดขาดๆ หายๆ บนข้อมือชายหนุ่มมาตลอดเรือนนั้นก็หยุดส่งเสียงร้องทันที
หลินเยียนจดจ้องนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือเผยอวี้เฉิงเรือนนั้นด้วยความสงสัยพลางพูดพึมพำ “นาฬิกา Vacheron Constantin[1] ไฮเทคขนาดนี้เชียว? มีฟังก์ชันนาฬิกาปลุกด้วยเหรอ?”
เผยอวี้เฉิง “…”
ทุกคน “…”
เผยอวี่ถังพูดเสียงพึมพำด้วยความตื่นเต้น “สมแล้วที่เป็นพ่อผม! แม้แต่วิธีคิดยังเหมือนกันเลย! พ่อลูกใจสื่อถึงกันจริงๆ!”
เมื่อนาฬิกาข้อมือเผยอวี้เฉิงหยุดส่งเสียงร้อง ช่วงเวลานี้เอง เฉิงมั่วซึ่งไม่ได้เอ่ยปากตั้งแต่ต้นจนจบที่อยู่ด้านข้างก็สาวเท้าเดินเข้ามา
เฉิงมั่วพูดกับหลินเยียน “คุณหลิน มีอยู่เรื่องหนึ่งที่คุณเข้าใจผิด ผมคิดว่าผมจำเป็นต้องอธิบายคุณสักหน่อย เหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ คุณอา รวมถึงคุณตาของคุณที่คุณพูดไปเมื่อสักครู่ ไม่ใช่ฝีมือประธานเผยครับ”
เมื่อหลินเยียนได้ยินคำพูดนี้ก็อึ้งเล็กน้อย “อะไรนะ”
แต่เขายอมรับเองนี่นา!
เฉิงมั่วผงกศีรษะ กล่าวด้วยความมั่นใจ “ทุกคำสั่งที่ประธานเผยสั่งการลงมาจะผ่านทางผมทั้งหมด และผมไม่เคยได้รับคำสั่งพวกนี้มาก่อนเลย”
เมื่อคืนประธานเผยเรียกเขาไปหาจริง ทว่ากลับไม่ได้สั่งอะไรเลย
เขายืนอยู่ด้านข้าง มองประธานเผยสูบบุหรี่ เป็นไปทั้งคืนเช่นนี้
ดังนั้นประธานเผยไม่มีทางทำเรื่องพวกนี้แน่
เขาอยากจะอธิบายตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่จนใจด้วยสถานการณ์เมื่อครู่เขาสอดไม่ได้แม้แต่ครึ่งคำ กระทั่งว่าประธานเผยยังยอมรับทันทีอีกด้วย เขาจึงยิ่งไม่มีโอกาสพูดเข้าไปใหญ่
จนถึงตอนนี้ เมื่อเห็นว่าคนทั้งสองคนเยือกเย็นลงได้เสียที ในที่สุดเฉิงมั่วถึงหาโอกาสออกมาอธิบายเรื่องราวให้ชัดเจน
พออธิบายจบ เฉิงมั่วก็มองไปทางจี้หลานซึ่งยังคงคุกเข่าข้างเดียวอยู่ตรงมุมห้อง
ขณะนี้ใบหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ทว่าสีหน้ายังเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวดังเดิม เธอกัดฟันกรอดพร้อมพูดว่า “ฉันทำเอง พี่อวี้ไม่รู้เรื่องเลย!”
หลินเยียนพอได้ยินก็ขมวดคิ้วมุ่น มิน่าล่ะก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนี้ถึงพูดข่มขู่เธอแบบนั้น ที่แท้เธอก็ตัดสินใจเองโดยพลการ
ตอนนั้นเธอเลือดขึ้นหน้า ก็เลยนึกไปว่าต้องเป็นคำสั่งของเผยอวี้เฉิงโดยอัตโนมัติ
พวกของฉินฮวนต่างมองไปทางจี้หลานด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“จี้หลาน! เธอบ้าไปแล้วเหรอ กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง!” ฉินฮวนพูดด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ คิดไม่ถึงว่าจี้หลานจะบังอาจมากขนาดนี้
เขานึกว่าพี่อวี้เป็นทำจริงๆ ด้วยซ้ำ
เพราะรูปแบบของการกระทำเหมือนพี่อวี้มากจริงๆ ดังนั้นเขาจึงไม่สงสัยเลยสักนิด
ใครจะรู้ว่าครั้งนี้จี้หลานกลับทำโดยพลการ!
จี้หลานแผ่นหลังเหยียดตรง ถึงอย่างนั้นกลับยังเผยสีหน้าที่ไม่คิดว่าตัวเองผิดแม้แต่น้อยดังเดิม
ซิงเฉินส่ายหน้า แสดงสีหน้าสงสารออกมา
หลินเยียนมองเด็กสาวด้วยสายตาเย็นชาเล็กน้อยแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองเผยอวี้เฉิงทันที สีหน้าซับซ้อนอยู่บ้าง “นายไม่ได้ทำ… แล้วเมื่อกี้ทำไมนายต้องยอมรับด้วย”
เผยอวี้เฉิงไม่ตอบ
ใบหน้าเผยอวี้เฉิงปราศจากความรู้สึกใดๆ และไม่ได้ผลักความรับผิดชอบไปให้จี้หลาน เพียงเอ่ยปากพูดเรียบๆ ประโยคหนึ่งเท่านั้น “ก็ไม่เห็นจะต่าง นี่เป็นสิ่งที่ฉันอยากทำจริงๆ
ไม่ปฏิเสธ เพราะนี่คือความคิดอันดำมืดที่สุดซึ่งซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจเขา
ยิ่งไปกว่านั้นเธอเองก็คิดแบบนี้
“…” หลินเยียนเมื่อได้ยินคำตอบของเผยอวี้เฉิงก็พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร
ทำไมจะไม่ต่างล่ะ
ต่อให้เผยอวี้เฉิงมีความคิดแบบนี้จริง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้นนี่นา
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธออีกแล้ว หากคิดจะควบคุมตัวเองตอนที่สูญเสียการควบคุม มันยากเย็นแค่ไหน
[1] Vacheron Constantin จัดเป็นแบรนด์ 1 ใน 3 ทหารเสือของนาฬิกาสวิสและของโลก ร่วมกับ Patek Philippe และ Audemars Piguet