ตอนที่ 307 เธอเห็นฉันเหมือนยังสบายดีอยู่หรือไง
ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนเป็นสุภาพบุรุษมากขนาดนั้น สะกดกลั้นความรู้สึกมากขนาดนั้น แต่พอใช้ถ้อยคำรักกลับเอาถึงตายแล้วจริงๆ
ประโยคง่ายๆ อย่าง ‘ฉันคิดถึงเธอ’ แค่ประโยคเดียว ก็พูดยั่วให้คนใจเต้นได้ขนาดนี้
แถมถ้อยคำรักที่ทำให้หลินเยียนเลี่ยนแบบนี้ พอพูดโดยเผยอวี้เฉิง กลับทำให้จิตใจของสาวห้าวอย่างเธออ่อนยวบและกลายเป็นสาวน้อยขึ้นมาได้
เอ่อ แล้วเธอต้องตอบกลับไปยังไงดีล่ะ?
หลินเยียนเค้นมันสมองก็คิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไรดี ด้วยความจนใจจึงได้แต่ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนชาวเน็ต
‘ควรตอบข้อความแฟนหนุ่มอย่างไรถึงจะดี?’
‘ขอถามว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้แฟนหนุ่มมีความสุข?’
…
“หลินเยียน เตรียมตัวได้ กำลังจะถ่ายซีนต่อไปแล้ว!”
ตอนนี้เอง เจ้าหน้าที่กองถ่ายที่อยู่ไม่ไกลก็พูดเสียงดังเพื่อเตือน
“ได้ มาแล้วๆ ” หลินเยียนไม่ทันได้ตอบ ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบเก็บโทรศัพท์มือถือพร้อมพยายามปรับอารมณ์ให้เรียบร้อย
เพียงแต่เห็นชัดว่าไม่ได้ผลมากนัก
เมื่อเผยหนานซวี่เห็นหลินเยียนมีอาการเหม่ออยู่บ้างจึงกระแอมเบาๆ พร้อมถามเธอด้วยความห่วงใย “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ยังไหวนะครับ?”
หลินเยียนมองเผยหนานซวี่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง “เธอเห็นฉันเหมือนยังสบายดีอยู่หรือไง?”
คาแรคเตอร์ของตัวละครถูกคำพูดเพียงประโยคเดียวของเผยอวี้เฉิงทำลายจนหมดสิ้น…
“ราชาภาพยนตร์เผย ฉันขอถามเธอหน่อย เธอต้องตอบฉันอย่างจริงจังนะ ที่แท้พี่ชายของเธอเคยมีแฟนมากี่คน? ถึงร้อยไหม?” หลินเยียนอดถามไม่ได้
เธอรู้สึกว่าถ้าไม่เคยมีแฟนถึงร้อยคน ไม่มีทางฝึกจนมีฝีมือแบบนี้แน่!
เผยหนานซวี่ตอบด้วยความรู้สึกไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี “จะเป็นไปได้ยังไงครับ ตามที่ผมรู้มา มีแค่พี่คนเดียวเอง”
หลินเยียน “…”
ทุกครั้งที่ได้ยินคำตอบนี้ก็รู้สึกว่าไม่สมเหตุผล…
“หลินเยียน เป็นยังไงบ้าง พักผ่อนไปครู่หนึ่ง หาความรู้สึกเจอแล้วหรือยัง?” เจียงอีหมิงถามด้วยความมุ่งหวัง
หลินเยียน “…” เหอะๆ
เผยหนานซวี่พูดขึ้นมาว่า “ผมจะปรับด้วย มาลองอีกครั้งเถอะครับ”
ดังนั้นการถ่ายทำจึงดำเนินต่อไป
เผยหนานซวี่ “ประธานหลินให้เกียรติมาเยือน เสียมารยาทที่ไม่ได้ต้อนรับแล้ว”
หลินเยียน “ประธานเฉิน เจอปัญหาเล็กน้อยแค่นี้ก็ล้มจนลุกไม่ขึ้นแล้วเหรอ?”
เผยหนานซวี่หรี่ตาทั้งสองข้าง “…”
เจียงอีหมิง “คัท! หนานซวี่ เมื่อกี้ฉันพูดอะไรไว้ นายจะจงใจลดความน่าเกรงขามของตัวเองลงไปไม่ได้ จำไว้ว่าห้ามยั้ง ความน่าเกรงขามของนายในซีนนี้ต้องระเบิดออกมาจนถึงขีดสุด! เอาใหม่อีกครั้ง!”
เริ่มถ่ายครั้งที่สองต่อไป
เผยหนานซวี่ “ประธานหลินให้เกียรติมาเยือน เสียมารยาทที่ไม่ได้ต้อนรับแล้ว”
หลินเยียน “ประธานเฉิน เจอปัญหาเล็กน้อยแค่นี้…”
เจียงอีหมิง “หลินเยียน! นี่เธอเป็นอะไร? ตอนออดิชันก็เป็นฉากนี้ ท่าทางของเธอตอนนั้นมันดีมากเลยไม่ใช่หรือไง? แม้แต่ฉันกับโปรดิวเซอร์เฝิงยังตกใจเพราะความน่าเกรงขามของเธอเลย! แล้วทำไมวันนี้ถึงดึงออกมาไม่ได้?”
เมื่อเห็นว่าฟ้ามืดขึ้นเรื่อยๆ ซีนนี้ถ่ายพลาดมาหลายสิบครั้งแล้ว ทุกคนต่างเหนื่อยล้าถึงขีดสุด
หลายครั้งขนาดนี้ก็แสดงตามที่เขาต้องการออกมาไม่ได้ เจียงอีหมิงอดที่จะร้อนใจอยู่บ้างไม่ได้เหมือนกัน
เพื่อเร่งการถ่ายทำ กองถ่ายจึงแบ่งถ่ายเป็นกอง เอ และ บี สองกอง เฝิงอันหวากับผู้ช่วยผู้กำกับอยู่ที่กอง เอ พอรู้สถานการณ์ของกอง บี เฝิงอันหวาจึงรีบมาเช่นกัน
“เหล่าเจียง! นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ? ฉันว่าหลินเยียนแสดงได้ไม่เลวแล้วนะ! ใช้ได้ก็โอเคแล้วนี่นา! พวกเราเร่งถ่ายกันอยู่นะ ถ้าเสร็จไม่ทันเวลาที่กำหนดไว้แล้วส่งผลต่อช่วงเวลาออกฉายจะทำยังไง…” เฝิงอันหวาพูดโน้มน้าว
“นายจะไปเข้าใจอะไร! นี่เรียกว่าไม่เลวแล้ว? นายลืมว่าวันที่เธอออดิชันวันนั้นแสดงออกมายังไงแล้วเหรอ? ช่วงเวลาออกฉายจะนับเป็นอะไรได้! นายรู้หรือเปล่าว่าหนังเรื่องนี้สำคัญมากแค่ไหน? อะไรคือใช้ได้ก็โอเคแล้ว? สำหรับฉันเจียงอีหมิงมีแค่ดีที่สุดเท่านั้น ไม่มีคำว่าใช้ได้!” เจียงอีหมิงอดทนเฝิงอันหวามานานมากแล้ว พอได้ยินคำพูดนี้จึงระเบิดอารมณ์ออกมาทันที
ตอนที่ 308 จิตวิญญาณแห่งความคิดถึง
เฝิงอันหวาถูกด่าใส่หน้า เขาลูบจมูกด้วยความอับจนปัญญา “ผู้กำกับเจียง สงบสติอารมณ์ สงบสติอารมณ์…ฉันพูดอย่างยุติธรรมนะ! ฉันดูการแสดงเมื่อครู่ของทั้งสองคนแล้ว ฝีมือการแสดงของหนานซวี่ นายเองก็รู้ดี ฝีมือช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน แต่ยังจะให้เขาปลดปล่อยพลังออกมาให้หมดอีก หนานซวี่เป็นสุดยอดในการแสดงของทั่วทั้งวงการบันเทิง นายบังคับให้เด็กใหม่ที่ไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อนอย่างหลินเยียนต้องปล่อยความน่าเกรงขามกดเขาเอาไว้ นี่ไม่ใช่กำลังสร้างความลำบากให้คนอื่นอยู่อีกเหรอ”
ตอนนี้ในที่สุดเจียงอีหมิงก็เยือกเย็นลงได้เสียที เขารู้แก่ใจดีเช่นกัน คงเพราะการแสดงของหลินเยียนตอนออดิชันวันนั้นตรงกับความต้องการของเขาพอดีจริงๆ จนถึงขั้นตั้งความหวังเอาไว้มากเกินไปว่าหลินเยียนจะแสดงออกมาได้เท่ากับครั้งนั้น
“หลินเยียน ครั้งนั้นเธอแสดงได้ยังไง ไม่อย่างนั้นเธอลองนึกย้อนดูสักหน่อยดีไหม” เฝิงอันหวาเสนอแนะ
ตอนนี้หลินเยียนรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าแล้วเช่นกัน ถ้าเธอจำได้ก็ดีสิ
แต่ปัญหาก็คือจำไม่ได้เลยนี่นา…
“ขอโทษค่ะ ครั้งนั้นเป็นแค่ความบังเอิญจริงๆ” หลินเยียนตอบด้วยความอับจนปัญญา
เมื่อเจียงอีหมิงได้ยิน จะบอกว่าไม่ผิดหวังก็คงเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่อันที่จริงการแสดงของหลินเยียนถือว่าดีพอแล้ว
“ช่างเถอะ ฉันตั้งความหวังกับเธอสูงมากเกินไปเหมือนกัน มาลองครั้งสุดท้ายกันเถอะ! หนานซวี่ นายลดลงหน่อยก็ได้” ในที่สุดเจียงอีหมิงก็ยอมประนีประนอม
เฝิงอันหวาโล่งอก รีบพูดขึ้นมา “ทุกคนประจำตำแหน่ง มาถ่ายครั้งสุดท้ายกัน!”
ขณะเดียวกัน บนเครื่องบินส่วนตัว
ชายหนุ่มนั่งอยู่ในห้องโดยสารหรูอย่างสงบนิ่ง สายตาอยู่ที่โทรศัพท์มือถือตลอดเวลา
ส่งข้อความไปนานมากแล้ว แต่หลินเยียนยังไม่ตอบกลับมา
ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่าง ความคิดล่องลอยออกไปไกลเช่นเดียวกัน
ในที่สุดความคิดถึงอันมหาศาลก็แผ่ขยายออกไปราวกับกระแสน้ำ ห่อหุ้มจิตวิญญาณของเขาตัดทะลุผ่านระยะทางอันแสนไกล ส่งไปยังสถานที่ที่หญิงสาวอยู่
บนที่สูงสองหมื่นฟุต ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างแช่มช้า โทรศัพท์ในมือค่อยๆ หล่นลงพื้น สติสัมปชัญญะหลุดลอยไป…
……
“ทุกคนประจำตำแหน่ง มาถ่ายครั้งสุดท้ายกัน! หลินเยียน เธอไหวไหม?” เจียงอีหมิงถาม
“ไม่เป็นไร ผ่อนคลายนะครับ!” เผยหนานซวี่ให้กำลังใจ
ในที่สุดเจียงอีหมิงก็ยอม เขายั้งได้นิดหน่อยแล้ว แบบนี้หลินเยียนจะแสดงดีขึ้นมาก
“โอเค” หลินเยียนสูดลมหายใจลึกครั้งหนึ่ง เพราะตัวเองถ่ายเสียมาหลายครั้งขนาดนั้น แถมยังเป็นการถ่ายคู่กับเผยหนานซวี่อีก จะบอกว่าเธอไม่เสียใจก็คงเป็นไปไม่ได้
แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ตีให้ตายฝีมือการแสดงของเธอก็ไม่อาจสะกดเผยหนานซวี่ได้
หรือว่าต้องให้ท่านประธานบ้าอำนาจเข้าสิงร่างถึงจะได้จริงๆ…
“ฉันโอเคแล้ว เริ่มเถอะค่ะ!” หลินเยียนเอ่ย
เจ้าหน้าที่กองถ่ายตีสเลท จากนั้นก็เริ่มถ่ายทันที
หน้าห้องผู้ป่วยของสถานพักฟื้น หลินเยียนหลับตาและปรับอารมณ์ ยืนร่างกายเหยียดตรงอยู่ตรงนั้น
วินาทีต่อมาหญิงสาวก็ลืมตาขึ้น จากนั้นจึงผลักประตูห้องพักผู้ป่วยเข้าไป
เสี้ยววินาทีที่หลินเยียนผลักประตู กล้องก็เคลื่อนเข้าหาทันทีเพื่อถ่ายภาพเธอในระยะใกล้
เมื่อหญิงสาวลืมตา ชั่วพริบตาที่ผลักประตู ดวงตาซึ่งเดิมทีแวววาวและเปล่งประกายคู่นั้นพลันล้ำลึกดั่งห้วงมหาสมุทรที่มองไม่เห็นก้น…
ทั้งที่ดูเหมือนสงบเยือกเย็นและอ่อนโยน แต่กลับคล้ายซุกซ่อนแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้คนไม่กล้าสบตาโดยตรง
เพียงแค่เหลือบมองเผยหนานซวี่บนเตียงผู้ป่วยเบาๆ ในชั่วเสี้ยววินาทีที่ผลักประตูเข้าไป ความน่าเกรงขามของผู้ที่เหนือกว่าก็แผ่ปกคลุมตามมาเป็นเงา ดั่งอากาศที่มีอยู่ทุกแห่งหน
บนเตียงผู้ป่วย เผยหนานซวี่ซึ่งเดิมกะว่าจะยั้งพลังในการแสดงลงไปบ้างอดตื่นตระหนกขึ้นมาไม่ได้
เจียงอีหมิงซึ่งไม่หวังแล้วก็เบิกตาโพลงเช่นเดียวกัน ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง จ้องมอง ‘หลินเยียน’ ที่อยู่ในจอมอนิเตอร์ตาไม่กะพริบ