ตอนที่ 329 ไม่อยู่ในสายตา
“โอ้โห พี่เก่งจังเลยค่ะ!” เฮ่อซานซานแสดงสีหน้าเทิดทูน
ตอนนี้เองหลินซูหย่าถึงแสดงสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยปากพูดด้วยท่าทางไม่แยแส “ก็แค่โชคดีเท่านั้นเอง บวกกับว่าตัวพี่ก็ค่อนข้างสนใจเรื่องรถแข่งรู้เรื่องพวกนี้อยู่บ้างพอดี ค่อนข้างเหมาะสมกับบุคคลต้นแบบ ผู้กำกับถึงเลือกพี่ก็ได้”
“แค่รู้เรื่องที่ไหนล่ะ เท่ามืออาชีพแล้ว!” เจี่ยงซือเฟยพูดชมเชย
“งั้นก็เพราะพี่โดดเด่น ความรู้กว้างขวาง! รู้ทุกอย่างน่ะสิคะ!”
เฮ่อซานซานพูดพลางมองหลินเยียนด้วยท่าทางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม พูดเสียงดังขึ้นว่า “มิน่าพี่ซือเฟย ถึงเลือกมาอยู่กับพี่ จริงด้วยนะคะ คนเหมือนกันจะอยู่ด้วยกัน คนที่โดดเด่นก็จะอยู่กับคนที่โดดเด่น ไม่เหมือนคนบางคน…”
ขณะนี้เองสายตาของหลินซูหย่าก็ไปอยู่ที่หลินเยียน เธอยิ้มแย้มพร้อมพูดว่า “พี่คะ เกือบลืมทักทายพี่ไปเลย ไม่เจอกันตั้งนาน ได้ยินว่าวันนี้พี่ถ่ายปิดกล้องแล้ว ขอแสดงความยินดีกับพี่ด้วยนะคะ!”
พอเห็นหลินซูหย่าพูดกับหลินเยียน หันอี้เซวียนก็มองหลินเยียนด้วยสีหน้าระแวดระวังทันที
คล้ายกลัวว่าหลินเยียนจะเสียสติจนทำอะไรบางอย่างกับหลินซูหย่าอีก
สำหรับหลินเยียน อันที่จริงเดิมทีเขาก็เคยชื่นชมความอิสระเสรีและพึ่งพาตัวเองของเธอ ชอบนิสัยรักอิสระดั่งสายลมของเธอ และเคยมีความสุขกับการดูแลเอาใจใส่อย่างละเอียดลออของเธอเช่นกัน
ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ช่วงที่เธอทำดีกับคนคนหนึ่งก็จะมอบทุกอย่างให้ไปโดยไม่เก็บงำเอาไว้ เร่าร้อนรุนแรงราวกับไฟ
ตอนที่เขาถูกไล่ออกจากบ้าน ร่อนเร่พเนจรอยู่ต่างประเทศ อยู่ในช่วงที่ตกต่ำที่สุดในชีวิต หลินเยียนอยู่เคียงข้างเขามาตลอด
เขาเคยชอบเธอจากใจจริงเช่นกัน
เพียงแต่…
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย แล้วจะทนรับความช่วยเหลือจากผู้หญิงมาตลอดได้อย่างไร
จวบจนเขากลับประเทศ หลินเยียนฝากฝังให้เขาดูแลน้องสาวของเธอ หลินซูหย่า
หญิงสาวต่างจากหลินเยียนโดยสิ้นเชิง ไม่ได้สลับซับซ้อนเท่าหลินเยียน หลินซูหย่าสะอาดบริสุทธิ์ดั่งกระดาษขาว พึ่งพาและเทิดทูนเขาทั้งกายและใจ ทำให้เขาหวั่นไหวในทันที…
ทีแรกเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินซูหย่าถูกเปิดเผย เขายังละอายใจต่อหลินเยียนและโทษตัวเองอยู่บ้าง อีกทั้งยังคิดจะชดเชยเธอมาตลอด
เพียงแต่ตอนนั้นจู่ๆ อารมณ์ของหลินเยียนก็ไม่ค่อยคงที่ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ผ่านไปนานเข้า พอได้ฟังเธอพร่ำบ่นเรื่องในสมัยก่อนพวกนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ฟังเธอพูดช่วยเขาย้อนความทรงจำว่าสมัยก่อนเขาน่าเวทนามากแค่ไหนครั้งแล้วครั้งเล่า มองดูเธอหาเรื่องเขากับหลินซูหย่าราวกับคนเสียสติ ความรู้สึกผิดของเขาจึงกลายเป็นความรำคาญใจขึ้นทีละน้อย…
ผู้หญิงที่เขาเคยชอบตอนแรกคนนั้น กลับน่ารังเกียจถึงเพียงนี้
ส่วนหลินซูหย่าที่อ่อนโยนและเอาอกเอาใจก็เข้าไปอยู่ในหัวใจเขาจนหมดสิ้น
ยิ่งหลินเยียนหาเรื่องหลินซูหย่า เขาก็ยิ่งรังเกียจเธอ…
สีหน้าระแวดระวังของหันอี้เซวียนทำให้หลินเยียนรู้สึกน่าหัวร่อ
ดูท่าทางก่อนหน้านี้ตัวเองคงโง่เง่ามากจริงๆ ถึงขั้นทำให้หันอี้เซวียนนึกว่าตัวเองจะโวยวายต่อหน้าธารกำนัล ทำเรื่องน่าอับอายสารพัดอย่างเพื่อขยะสองคนนี้?
หลินเยียนค่อยๆ ชูแก้วเหล้าขึ้นมา ดื่มให้หลินซูหย่าแก้วหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวระคนยิ้ม “ขอบใจมาก”
หลินซูหย่ามองสีหน้าเรียบเฉยของหลินเยียนก็อดลอบขมวดคิ้วไม่ได้
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ จู่ๆ หลินเยียนก็กลับคืนสู่ท่าทางไม่สนใจไยดีทุกอย่างเหมือนเมื่อก่อน ทำให้เธอรังเกียจจากก้นบึ้งของหัวใจ
ตอนนี้เธอไม่เหลืออะไรแล้ว มีสิทธิ์อะไรที่ยังใช้สายตาแบบนี้มองเธอ?
หันอี้เซวียนโล่งอกและรู้สึกสงสัยอยู่บ้างในคราวเดียวกัน
สีหน้าเกียจคร้านและเรียบเฉยที่อยู่บนใบหน้าขาวผ่องบริสุทธิ์ของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ตอนที่ 330 ไม่ใช่ว่าจะสร้างกระแสกับใครก็ได้
ช่วงที่คบกัน ถึงแม้หลินเยียนจะมีนิสัยเปิดเผยสบายๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เอาใจใส่และกระตือรือร้นอยู่ตลอด หลังจากเลิกกับเธอเพื่อเลือกซูหย่า เธอกลับซึมเศร้าจนเสียสติ
แต่เขาไม่เคยเห็นหลินเยียนที่มีสีหน้าแบบนี้
เฉยชาและดูแคลน…
คล้ายทุกอย่างไม่ได้อยู่ในสายตาเธอ…
เฮ่อซานซานเบ้ปาก กล่าวด้วยสีหน้าดูถูก “พี่คะ ทำไมพี่ถึงยังดีกับเธอขนาดนี้ล่ะคะ! ไม่นานนี้เธอยังซื้อตัวนักข่าว สร้างกระแสกับพี่เขยอยู่เลย!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ คนที่อยู่ตรงโต๊ะพลันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์ ทุกคนต่างมีสีหน้ารอชมดูอะไรสนุกๆ
พอหลินเยียนได้ยินก็หลุบตาหัวเราะเบาๆ หมุนวนแก้วไวน์แดงที่อยู่ในมืออย่างเบื่อหน่าย จากนั้นก็จิบคำหนึ่ง พูดเสียงลอยๆ ออกมาว่า “เหอะ คุณเฮ่อ กองถ่ายเรามีดาราดังตั้งมากมายขนาดนี้ ราชาภาพยนตร์เผยสุดยอดแห่งวงการบันเทิงที่โค่นพี่เขยคุณได้ร้อยคนก็นั่งอยู่ตรงนี้ ถ้าฉันอยากสร้างกระแส ทำไมไม่สนใจราชาภาพยนตร์เผย แต่ไปยุ่งกับดารารับเชิญคนหนึ่งด้วยล่ะ?”
เผยหนานซวี่ “แค่ก…”
หลินเยียนพูดต่อไป “ต่อให้ฉันสร้างกระแสกับเฉินเจามู่ ด้วยจำนวนข่าวฉาวของพวกเราสองคน ก็ถือว่าเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งนะ!”
เฉินเจามู่ “…”
พันธมิตรที่แข็งแกร่ง…
คำคำนี้…พอใช้ได้นะ…
หลินเยียนดื่มไวน์แดงที่อยู่ในแก้วรวดเดียวหมด ยิ้มร่าพร้อมเอ่ยว่า “ดังนั้นนะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ฉัน หลินเยียนต่อให้อยากสร้างกระแส ก็ไม่ใช่ว่าจะไปสร้างกับใครก็ได้”
ท่าทีไม่ถือว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย แต่ถือว่าเป็นเรื่องมีเกียรติของหลินเยียนนี้กลับทำให้เฮ่อซานซานสะอึกจนพูดไม่ออก
“เธอ…” เฮ่อซานซานโมโหจนตบโต๊ะแล้วผุดลุกขึ้นทันที “เธอมันตัวอะไร กลับกล้าพูดจาใหญ่โตไม่ละอายใจดูถูกพี่เซวียน เธอรู้อยู่แก่ใจว่าพี่เซวียนของฉันมีชาติตระกูลดี ถึงได้เอาแต่เกาะเขาแจไม่ยอมปล่อยไปใช่หรือเปล่า”
หลินเยียนเลิกคิ้วทันที “หา? หรือว่าชาติตระกูลดีๆ ในเมืองตี้ตู จะมีแค่ตระกูลหันตระกูลเดียวอย่างงั้นเหรอ คุณเอาคุณชายเว่ยไปไว้ที่ไหน”
ถึงแม้ตระกูลหันจะฝังรากหยั่งลึกแผ่กิ่งก้านสาขาอยู่ในเมืองตี้ตู เป็นหนึ่งในตระกูลเศรษฐีของตี้ตู แต่ตระกูลเว่ยก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน กระทั่งว่าการเจริญเติบโตในช่วงสองปีนี้ยังรวดเร็วไม่ด้อยไปกว่าตระกูลหันเสียด้วยซ้ำ
เว่ยสวีเฟิง “…”
หลินเยียนพูดอีกว่า “หรือต่อให้เทียบด้านความอ่อนเยาว์สดใหม่ คุณหันก็เทียบถังจยาเยี่ยไม่ได้นะ!”
ถังจยาเยี่ย “…”
หลินเยียนพูดเรื่อยเปื่อยไปไม่กี่ประโยค เผยหนานซวี่ เฉินเจามู่ เว่ยสวีเฟิง ถังจยาเยี่ยที่อยู่ตรงโต๊ะต่างโดนกันหมด
เฮ่อซานซานโมโหจนขยี้เท้า “เธอ…เธอมันหน้าไม่อาย! ทีแรกใครไม่รู้ยังมีหน้ามาพูดว่าพี่อี้เซวียนเป็นแฟนเธออยู่เลย!”
หลินเยียนถอนหายใจ “มีใครบ้างที่ไม่มีช่วงตาบอดกันล่ะ”
เฮ่อซานซาน “…”
บรรดาคนที่กลั้นหายใจมุงดูอยู่ “…”
เผยหนานซวี่ก้มหน้าดื่มน้ำชา กระแอมเบาๆ อยู่ด้านข้างครั้งหนึ่ง ล้มเลิกความคิดที่จะเอ่ยปากพูดไปโดยสิ้นเชิง
เหมือนเขาจะประเมินความสามารถในการต่อสู้ของพี่สะใภ้ใหญ่ต่ำเกินไป…
แค่ฝีปากนี้ก็พอที่จะฆ่าคนโดยไม่ต้องเห็นเลือดได้แล้ว
ตอนนี้หันอี้เซวียนมีสีหน้าบึ้งตึง มองหลินเยียนด้วยสายตาดำมืดเล็กน้อย
ท่าทางของหลินเยียนเหมือนจะเมาเล็กน้อยแล้ว เพื่อไม่ให้ต่อจากนี้คุมสถานการณ์ไม่อยู่ เฝิงอันหวาจึงรีบหัวเราะฮ่าๆ เพื่อกู้สถานการณ์ เบี่ยงเบนหัวข้อสนทนาไป
เมื่อล่วงเข้ากลางดึก งานเลี้ยงก็สิ้นสุดลงได้เสียที
“หลินเยียนคนนี้ช่างน่าเกลียดซะเหลือเกิน! ไม่เคยเห็นคนหน้าด้านแบบนี้มาก่อนเลย!” เฮ่อซานซานกระฟัดกระเฟียด
เจี่ยงซือเฟยพูดเย้ยหยัน “ฝีปากกล้า คารมคมคาย คนพรรค์นี้ก็ได้แต่ใช้ประโยชน์จากปากเท่านั้นแหละ!”
“ช่วงนี้ที่กองถ่ายหลินเยียนเป็นยังไงบ้าง?” หลินซูหย่าลูบเล็บมืออันวิจิตรงดงามไปพลาง เอ่ยปากถามด้วยท่าทีไม่ใส่ใจไปพลาง