ตอนที่ 357 มีลูกชายแค่ผมคนเดียว
“พี่ใหญ่ เป็นอะไรหรือเปล่า…” เผยหนานซวี่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางตึงเครียด เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง
จากมุมมองของเผยหนานซวี่ ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ใหญ่ในความทรงจำพวกเขาล้วนเป็นคนเย็นชาและห่างเหิน ไม่ค่อยสนใจอะไรกับความสัมพันธ์ ราวกับเทพที่สุดแสนสมบูรณ์ทำได้ทุกอย่าง แล้วก็ไม่มีความรู้สึกธรรมดาของมนุษย์เท่าที่ควร
จนกระทั่งหลินเยียนปรากฎตัว…
ถึงแม้จะไม่รู้สาเหตุ แต่ความหมายของหลินเยียนสำหรับพี่ใหญ่คงจะสำคัญกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้
สำหรับพี่ใหญ่แล้ว ในชีวิตของเขาไม่มีเรื่องอะไรหรือใครที่จะอยู่เหนือการควบคุมของเขาได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาให้ความสำคัญกับใครสักคนอย่างระมัดระวัง…
ในรถที่ค่อยๆ ห่างออกไป
หลินเยียนที่นั่งอยู่ฝั่งคนนั่งขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอหันหลังมองไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ เหมือนได้ยินเสียงสัญญาณแจ้งเตือนที่คุ้นหูดังขึ้น
ไม่รู้ทำไมเธอรู้สึกกะจิตกะใจไม่ค่อยอยู่กับตัว
ภาพที่เผยอวี้เฉิงยืนอยู่ใต้ตึกตัวเองในคืนนั้นลอยเข้ามาอยู่ในหัว…
เผยอวี่ถังไม่ได้สังเกตเห็นถึงความเหม่อลอยของหลินเยียน เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น “พ่อจ๋า! พ่อเยี่ยมสุดๆ เลย! ชนะดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูได้ด้วย! พ่อจ๋า รับผมไว้เป็นลูกศิษย์เถอะ! ผมอยากนับถือคุณเป็นอาจารย์!”
หลินเยียนเหลือบมองเขา เธอไม่ค่อยมีอารมณ์เจ๊าะแจ๊ะกับเขาเท่าไหร่ พลางเอ่ยปากขึ้น “ฉันขอปฎิเสธ”
เผยอวี่ถังเผยสีหน้าน่าเอ็นดู “ทำไมล่ะครับ?”
หลินเยียนตอบ “ฉันไม่รับลูกศิษย์มั่วๆ น่ะ”
ลูกศิษย์ของเธอแต่ละคนไม่มีนักแข่งขันที่ต่ำกว่าระดับการแข่งขันลีกระดับโลกอันดับหนึ่ง
เผยอวี่ถังพูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว “แล้วผมจะเหมือนคนอื่นได้ไงล่ะ? ผมเป็นน้องชายแฟนพี่เชียวนะ ขอใช้เส้นหน่อยไม่ได้เหรอครับ?”
หลินเยียน “…”
เถียงไม่ได้เลยแฮะ…
ว่าแต่ พ่อ น้องแฟน ถ้าเพิ่มเป็นลูกศิษย์อีก นี่มันคือความสัมพันธ์ประหลาดและซับซ้อนแบบไหนกัน?
หลินเยียนพูดขึ้นแบบไม่ได้คิดอะไร “ฉันคิดว่าความสัมพันธ์พ่อลูกก็โอเคอยู่นะ ถ้าเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ ฉันก็ถูกลดขั้นลงน่ะสิ”
เผยอวี่ถังได้ยินแบบนี้แล้วคิดว่ามันก็สมเหตุสมผลอยู่ ครุ่นคิดสักพักแล้วเอ่ยปากขึ้น “ไม่สิ! มันมีประโยคหนึ่งที่ว่าเป็นครูหนึ่งวัน เป็นพ่อตลอดชีวิตไม่ใช่เหรอ? สรุปว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ พี่เป็นพ่อของผมตลอดไป! สิ่งนี้ไม่มีทางเปลี่ยนไป!”
เห็นการรับประกันสุดมั่นหน้ามั่นโหนกของเผยอวี่ถัง หลินเยียนไม่รู้จะพูดอะไรดี
เผยอวี่ถังเห็นหลินเยียนไม่พูดอะไร กรอกตาไปมาแล้วพูดขึ้นด้วยความคึกคะนอง “พี่ไม่รับผมไว้เป็นศิษย์ก็ได้ เพราะพี่คือพ่อผม พ่อก็สมควรที่จะสอนผมอยู่แล้ว! พ่อว่าใช่ไหมล่ะ! ลูกศิษย์ก็งั้นๆ แหละ พี่มีลูกศิษย์ได้หลายคน แต่ลูกชายก็มีแค่ผมคนเดียว!”
หลินเยียน “…”
พอได้ยัง…
เธอไม่เคยคิดเลยเหรอว่าเธอยังมีพี่ชายอีกสองคน?
เธอเรียกพ่อฝ่ายเดียวแบบนี้จะดีเหรอ?
“พ่อจ๋า ทำไมเหม่อลอยล่ะครับ? คิดอะไรอยู่เหรอ?” เผยอวี่ถังสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของหลินเยียนได้สักที
หลินเยียนก่ายหน้าผาก มองดูคฤหาสน์ตระกูลเผยที่ยิ่งห่างเรื่อยๆ จากกระจกมองหลัง พึมพำขึ้น “คิดถึงพี่ชายเธอน่ะ…”
“อุ้ย แฮ่กๆๆ…” เผยอวี่ถังสะดุ้งจนสำลักแล้วบ่นขึ้น “พี่สะใภ้ ครั้งหน้าตอนที่จะโรยอาหารหมา[1]ก็ช่วยเตือนผมด้วยนะครับ กะทันแบบนี้ผมสำลักไปหมด!”
“ช่วงนี้สุขภาพของพี่เธอเป็นยังไงบ้าง? ดีขึ้นหรือเปล่า?” หลินเยียนถามขึ้น
เผยอวี่ถังเอ่ยปากพูดขึ้น “จะไปดีขึ้นได้ไงล่ะ กำเริบวันละหลายรอบเลยล่ะ อาการเหมือนนั่งบนรถไฟเลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย…”
[1] โรยอาหารหมา หมายถึง ท่าทางสวีทในที่สาธารณะหรืออวดสวีทให้คนอื่นเห็น
ตอนที่ 358 ลืมคุณไว้ต่างหาก
หลินเยียนได้ยินแล้วขมวดคิ้วขึ้น แล้วทำไมเผยอวี้เฉิงบอกเธอว่าไม่มีอะไรตลอดเลย
เธอยังคิดว่าด้วยภูมิหลังของเผยอวี้เฉิง พวกผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นต้องมีทางออกอยู่แล้ว…
“แต่ว่าแค่ได้อยู่กับพี่สะใภ้ สภาพของพี่ผมก็จะค่อนข้างเสถียรนะ!”
จริงๆ แล้วจุดนี้หลินเยียนเองก็ค้นพบเหมือนกัน…
จริงๆ ตอนแรกก็ไม่ค่อยอยากเชื่อ คิดว่าทั้งหมดนี้คงเป็นเพราะเหตุบังเอิญ
ขณะที่รถกำลังจะออกจากเขตคฤหาสน์เพื่อเข้าสู่ถนนใหญ่ หลินเยียนมองดูข้างๆ แล้วเอ่ยปากขึ้น “เดี๋ยว หยุดก่อน กลับรถไปที่คฤหาสน์”
“หืม? กลับคฤหาสน์? ตอนนี้?” เผยอวี่ถังชะงัก
“ใช่! ตอนนี้แหละ!” พูดขึ้นอย่างลนลาน กลัวตัวเองลังเลแล้วจะมาเสียใจทีหลังอีก
สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งสวยงามก็มีพิษอะไรนั่น ครั้งนี้เธอแค่อยากทำตามใจตัวเอง เอาแต่ใจสักครั้ง…
“ครับๆ ได้!” เผยอวี่ถังนึกว่าเธอมีเรื่องเร่งด่วนอะไร ได้แต่รีบกลับรถแล้วกลับไปที่เดิม
ณ ประตูคฤหาสน์
เงาต้นไม้ที่ปลิวไปตามสายลม แสงระยิบระยับจากดวงดาวสาดส่องลงมาผ่านช่องว่างเล็กๆ
เผยอวี้เฉิงยังคงอยู่ในท่าทีเหมือนตอนหลินเยียนจากไป ยืนสงบเงียบอยู่ตรงนั้น ไม่ได้แตะบุหรี่ที่คีบอยู่ปลายนิ้วแม้แต่สักคำ ควันอ่อนๆ นั้นยังคงลอยรอบๆ ปลายนิ้วอยู่เช่นเดิม
ถึงแม้สีหน้าของเขายังดูเย็นชาห่างเหินเหมือนเดิม แต่เสียงสัญญาณจากนาฬิกาบนข้อมือกลับเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเจ้าของ
ณ ที่ไม่ไกล เผยหนานซวี่ยืนเป็นเพื่อนอยู่ในจุดที่ไม่ห่างนักด้วยความเป็นห่วง
ลมยามค่ำคืนค่อนข้างเย็น เผยหนานซวี่มองไปทางพี่ใหญ่แล้วก็ยังคงเป็นห่วงสุขภาพของเขา จึงเตือนขึ้น “พี่ กลับเข้าบ้านเถอะ ข้างนอกเย็นน่ะ”
เผยอวี้เฉิงพยักหน้าเล็กน้อย ทิ้งก้นบุหรี่ในมือแล้วบี้จนดับ จากนั้นหันหลังแล้วเดินเข้าบ้านไป
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเข้าบ้าน จู่ๆ ก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นจากข้างหลัง
เผยหนานซวี่หันหลังไป เผยอวี่ถังมองดูรถที่วนกลับมาอีกครั้งด้วยความตะลึง “อวี่ถัง?”
ขณะเดียวกัน เผยอวี่ถังและหลินเยียนก็เดินลงมาจากรถ
“พวกเธอกลับมาอีกทำไม” เผยหนานซวี่ถามขึ้นตามสัญชาตญาณ
เผยอวี่ถังเกาหัว “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่สะใภ้ให้ผมกลับมา!”
เห็นหลินเยียนกลับมา เผยอวี้เฉิงก็มองไปทางหญิงสาวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เอ่ยปากถามขึ้น “ลืมอะไรไว้เหรอ”
หลินเยียนรีบเดินไปหา เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางผู้ชายตรงหน้า ตอบ “อื้ม คือว่า…”
“คืออะไร? ฉันไปช่วยเธอหาเอง” เผยอวี้เฉิงเอ่ยปาก
ขณะที่กำลังจะหันหลัง มือข้างกายกลับถูกมือเล็กที่นุ่มนิ่มดึงเอาไว้ จากนั้นก็ได้เผชิญเข้ากับดวงตาแพรวพราวคู่หนึ่ง
จากนั้น ได้ยินหญิงสาวพึมพำขึ้น “ไม่…ไม่ได้ลืมของ…แต่ว่า…ลืมคุณไว้ต่างหาก”
เผยอวี้เฉิง “…”
เผยหนานซวี่ที่อยู่ข้างๆ “…”
และเผยอวี่ถัง “…”
เผยอวี้เฉิงเหมือนจะตั้งตัวไม่ทัน หลินเยียนที่เคารพตัวเองห่างเหินเกรงใจแบบนั้น ดันมาพูดอะไรแบบนี้กับตัวเอง จึงทำให้ไม่รู้จะตอบยังไงไปชั่วขณะ
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่ยังอึ้งทึ่งของผู้ชาย หน้าหลินเยียนร้อนกรุ่นขึ้นมา เธอตั้งตัวได้แล้วเอ่ยปากพูดขึ้น “คุณเคยบอกไม่ใช่เหรอ คุณจะให้รางวัลฉันเพราะว่าฉันชนะน่ะ บอกอีกว่าอยากได้อะไรก็ได้อีกด้วย”
เผยอวี้เฉิงตอบ “ใช่…”
“อ้อ งั้นฉันอยากจะ…ฉันอยากอยู่บ้านเดียวกับคุณ ได้ไหม?” หลินเยียนเอ่ยปากพูดขึ้น
เผยอวี้เฉิง “…”
เผยหนานซวี่ “…”
เผยอวี่ถัง “…”
เมื่อกี้…เขาได้ยินอะไรเหรอ?