ตอนที่ 371 ภูมิหลังเจ้าใหม่แกร่งขนาดนี้เลยเหรอ
หลินเยียนหัวเราะเบาๆ “ตัวตัวที่รัก ใจเย็นๆ นะ นี่คือสิ่งที่อยู่ในการคาดหมายไม่ใช่เหรอ? เกาจื้อเวยแค่ทำให้พวกเราดูไปงั้นแหละ รอให้พวกเราสิ้นเนื้อประดาตัวแล้วค่อยกลับไปหาพวกเขา จากนั้นโดนพวกเขาบีบเค้นจนตัวแห้งไงล่ะ! แต่เสียดาย…”
หลินเยียนส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “แต่เสียดายที่พวกเขาไม่คิดว่าเจ้าใหม่ของพวกเราจะตาบอดขนาดนี้…ถุ้ย ภูมิหลังเจ้าใหม่ของเราแกร่งขนาดนี้น่ะสิ!”
ตัวตัว “…”
ประโยคนี้ไม่มีตรงไหนผิดพลาดนะ…
เจ้าใหม่นี่ไม่ได้แค่แกร่งเฉยๆ นะ ต่อให้เธอทำบุญทำทานแปดชาติยังไม่กล้าคิดจะฝันเลย!
หลินเยียนมองไปทางสองคนแล้วพูดขึ้น “พี่หลิง ตัวตัว ถ้าพวกเธอคิดว่าไม่ติดปัญหาอะไรก็เซ็นชื่อได้เลย เซ็นเสร็จแล้วสัญญาก็มีผลใช้ได้เลยน่ะ!”
จ้าวหงหลิงสบตาตัวตัวครู่หนึ่ง จ้าวหงหลิงถามขึ้นด้วยความรอบคอบอีกครั้ง “คนที่ทำสัญญากับเธอคือใครเหรอ เหมือนเขาจะมีอำนาจค่อนข้างสูงเลยนะ ไม่งั้นคงไม่มีสิทธิ์เซ็นพร้อมฉัน อีกอย่างยังให้เธอเลือกผู้ช่วยได้ตามใจชอบแบบนี้”
เรื่องนี้หลินเยียนคุยกับเผยอวี้เฉิงไว้แล้ว ดังนั้นได้บอกชื่อผู้รับผิดชอบในแผนกผู้จัดการศิลปินของพินนาเคิล เอนเตอร์เทนเมนต์ไป “ฉือเซิ่งจากทีมสามน่ะ”
แผนกผู้จัดการศิลปินในพินนาเคิล เอนเตอร์เทนเมนต์แบ่งออกเป็นหลายทีมมากมาย แต่ละทีมมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ฉือเซิ่งเป็นหัวหน้าทีมสาม
จ้าวหงหลิงได้ยินชื่อนี้แล้วค่อยยังสบายใจขึ้นมาหน่อย “เขานั่นน่ะเหรอ…พอได้ยินชื่อเสียงในวงการอยู่ สไตล์การทำงานไม่ตายตัว ชอบเซ็นศิลปินที่ค่อนข้างจะพิเศษหน่อย ถึงแม้สร้างผลงานในพินนาเคิล เอนเตอร์เทนเมนต์ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่แต่เป็นคนซื่อตรงมาก ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ”
“อื้มๆ ถ้าพี่หลิงว่าไม่มีปัญหาก็ต้องไม่มีปัญหาแล้วล่ะ!”
จ้าวหงหลิงมองดูท่าทางใจดำของหลินเยียน “เธอทิ้งสัญญาไว้ให้ฉัน ฉันจะตั้งใจอ่านอย่างละเอียดก่อน คอนเฟิร์มว่าไม่มีปัญหาแล้วค่อยเซ็นนะ”
หลินเยียน “ได้เลย วานพี่หลิงด้วยนะคะ”
“อ้อ แล้วก็เรื่องที่เธอจะทำสัญญากับพินนาเคิล เอนเตอร์เทนเมนต์ต้องเก็บเป็นความลับก่อนนะ ห้ามเปิดเผยให้คนที่ไม่น่าไว้วางใจรู้ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ กลัวว่าเดี๋ยวจะเป็นกระแสใหญ่เลยล่ะ
ปัญหาเรื่องโปรโมทอะไรพวกนั้น ฝั่งพินนาเคิล เอนเตอร์เทนเมนต์น่าจะวางแผนไว้แล้ว รอฉันอ่านสัญญาให้ถี่ถ้วนก่อน แล้วเราค่อยนัดคุยกับหัวหน้าทีมฉืออีกที คุยรายละเอียดกันอีกทีนะ” จ้าวหงหลิงเตือนขึ้นอีกครั้ง
“ได้เลย รับทราบค่ะ ไม่มีปัญหา ขอบคุณนะคะพี่หลิง”
จ้าวหงหลิงถือสัญญาทั้งสามฉบับไว้ เกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ “ความโชคดีของเธอมาแล้วสักที ถึงแม้อนาคตจะเจอความท้าทายที่หนักหน่วงกว่านี้ แต่นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเธอเช่นกัน…”
ในขณะเดียวกันก็เป็นของเธอเช่นกัน
จริงๆ แล้วก่อนหน้ามีบริษัทโมเดลลิ่งมากมายอยากจะดึงตัวเธอไปด้วยเงินเดือนค่อนข้างสูง ถึงแม้บริษัทเหล่านั้นจะเทียบกับพินนาเคิล เอนเตอร์เทนเมนต์ไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าฉี่ซิง เอนเตอร์เนเมนต์มากมาย ทว่าเธอดันไม่เคยคิดจะออกไปไหนเลย
ไม่คิดว่าสุดท้ายนี้จะออกไปจากบริษัทนั้นด้วยวิธีแบบนี้
จ้าวหงหลิงชะงักไปครู่หนึ่งแล้วมองไปทางหลินเยียน “อีกอย่าง…ขอบคุณนะหลินเยียนที่ไว้ใจฉัน”
หลินเยียนไม่ค่อยชินกับความจริงจังของจ้าวหงหลิง เธอยิ้มแล้วเอ่ยปากพูดขึ้น “ไม่หรอกหน่าพี่
หลิง ฉันเองก็สร้างปัญหาให้พี่ไม่น้อย แต่พี่ไม่เคยหันหลังให้เลย ในใจของฉันไม่ว่าจะไปที่ไหนจะมีแค่ผู้จัดการอย่างพี่คนเดียวเท่านั้น”
ตัวตัวฟังคำพูดของหลินเยียนแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วพึมพำขึ้น “หึ…ไม่คิดว่าพี่ใจใจขนาดนี้…ช่างเถอะ เหมือนหนูจะเข้าใจอะไรผิดในตัวพี่มาโดยตลอด ขอโทษนะคะ
แล้วก็ขอบคุณที่พี่ให้หนูเป็นผู้ช่วยพี่ ทำให้หนูตามพี่หลิงต่อไปได้ หลังจากนี้หนูจะตั้งใจทำงาน! ถึงแม้พี่จะสร้างผลงานเป็นอันดับหนึ่งไม่ได้ หนูก็จะดูแลพี่เหมือนบรรพบุรุษหนูเลยล่ะ!”
“ฮ่า งั้นขอบคุณนะจ๊ะ!”
ตอนที่ 372 ฉันมีหน้าที่รับเธอ
จัดการธุระที่ฉี่ซิง เอนเตอร์เทนเมนต์เสร็จแล้ว หลินเยียนก็รีบกลับห้องเตรียมตัวย้ายบ้าน
เพิ่งจะถึงอพาร์ตเมนต์ก็เห็นรถสำหรับพวกซีอีโอที่ไม่ค่อยสะดุดตาคันหนึ่งจอดอยู่ตรงนั้น
เผยอวี่ถังเห็นหลินเยียนรีบเปิดประตูรถแล้วเดินลงมา “พี่สะใภ้ครับ พี่กลับมาสักทีสินะ! ธุระฝั่งนั้นจัดการเรียบร้อยหรือยังครับ”
หลินเยียนดีดดิ้นอย่างกระปรี้กระเปร่า “เรียบร้อย! โดนไล่ออกอย่างสาสมใจ!”
เผยอวี่ถังพึมพำขึ้นอย่างงงๆ “ไม่เคยเห็นใครโดนไล่ออกแล้วยังดีใจขนาดนี้เลย!”
หลินเยียนเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ “นายคงไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่า ที่ลืมรักเก่าไม่ได้ก็เพราะรักใหม่ดีไม่พอน่ะ!”
เผยอวี่ถัง “…”
“ฮึ…”
เสียงหัวเราะเบาๆ ที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง หลินเยียนหันหน้าก็เห็นเผยอวี้เฉิงกำลังเดินลงมาจากรถ ในเวลานั้นไม่รู้จะทำตัวยังไงดี “แฮ่กๆ คุณเผยก็มาด้วยเหรอคะ!’
วันนี้เผยอวี้เฉิงสวมอยู่ในเสื้อรองพื้นที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อขนแกะสีเทาบางๆ แล้วคลุมด้วยเสื้อโค้ตสีดำ เผยส่วนเว้าส่วนโค้งที่คอที่เรียวยาว ดูสุขุมเรียบร้อย น่ากินสุดๆ
“ดูเหมือนว่ารักใหม่อย่างฉันคุณหลินพอใจไหมล่ะครับ?” ผู้ชายยิ้มแล้วเอ่ยปากขึ้น
หลินเยียนไม่คิดว่าการพูดเล่นๆ ของตัวเองโดนจับไว้ทันตาเห็นแบบนี้ เธอพลันตอบกลับ “พอใจๆ! พอใจสิคะ! พอใจกว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ!’
เผยอวี่ถังที่เป็นก้างขวางคออยู่ข้างๆ “…”
“อ้อ คุณชายที่สาม นายเรียกคุณเผยมาด้วยได้ไงล่ะ! งานที่ต้องเสียแรงอย่างย้ายบ้านแบบนี้จะไปรบกวนคุณเผยได้ไงกัน! สภาพร่างกายของคุณเผยยังอ่อนแออยู่ด้วย!” หลินเยียนบ่น
เผยอวี่ถังได้ยินแบบนั้นแล้วเผยสีหน้าหงอยๆ “…”
หมายความว่าเขาถูกใช้แรงงานได้งั้นเหรอ
อีกอย่าง พี่ชายเขาอ่อนแองั้นเหรอ? ค่าเฮชพีของพี่ชายเขาโหดจนน่ากลัวเลยล่ะ!
ช่างเถอะๆ เขาเป็นคนพูดเองนี่นา จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ยังไงก็ต้องประคองภาพลักษณ์อ่อนแอของพี่ชายเอาไว้ก่อน…
เผยอวี้เฉิงเห็นหญิงสาวเป็นห่วงปกป้องเขาแบบนี้ เอื้อมมือที่เย็นเล็กน้อยไปลูบหัวหญิงสาวเบาๆ “ไม่เป็นไร อวี่ถังทำหน้าที่ย้ายบ้าน ฉันมีหน้าที่รับเธอไงล่ะ”
น้ำเสียงอ่อนโยนทุ้มต่ำของผู้ชายดังอยู่ข้างๆ หู หลินเยียนที่โดนอ่อยอีกครั้งอดเอามือแตะหัวใจดวงน้อยของตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะโดนผู้ชายคนนี้อ่อยกี่ครั้ง ล้วนทำให้เธอรู้สึกเหมือนสาววัยสิบแปดที่เพิ่งโดนจีบเป็นครั้งแรก…
เผยอวี่ถังที่เข้าสู่โหมดเงียบครั้งที่สาม “…”
เผยอวี่ถังมองทั้งสองคนด้วยความเศร้าใจ สุดท้ายก็อดที่จะพูดไม่ได้ “ถึงแม้ผมยินดีจะกินอาหารหมาของพี่ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่ๆ จะเชือดหมาได้นะครับ”
……
สักพัก ทั้งสามคนขึ้นมายังที่พักของหลินเยียน
ของส่วนมากเธอเก็บเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เหลือเพียงแค่ของเล็กๆ น้อยๆ หลินเยียนตรวจดูอีกครั้งว่าหลงลืมอะไรไว้ไหม
เผยอวี้เฉิงยืนอยู่ตรงกลางห้องรับแขก กวาดสายตามองไปยังห้องที่ทั้งห่างเหินทั้งคุ้นเคย สายตาเหลือบไปเห็นไฟข้างเตียงที่หลินเยียนเคยแปะโน้ตไว้ให้ตัวเอง มุมปากเสยขึ้นเล็กน้อยอย่างแนบเนียน
โน้ตแผ่นนั้นยังติดอยู่บนไฟเหมือนเดิม
“พี่สะใภ้จะเอาโคมไฟนี่อยู่ไหมครับ” เผยอวี่ถังช่วยเก็บของไปด้วยพลางเอ่ยปากถามขึ้น “เอ๋ ทำไมมีกระดาษแผ่นใหญ่ขนาดนี้แปะอยู่บนโคมไฟล่ะ พี่สะใภ้เขียนว่าอะไรนะ อย่าเข้าใกล้เผย…”
หลินเยียนที่กำลังวุ่นวายกับการเก็บของอยู่ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที กระโจนเข้าไปคว้าโคมไฟพร้อมทั้งกระดาษที่แปะอยู่บนนั้นลงถังขยะ “ไม่เอาแล้วๆ! ทิ้งให้หมด!”
“อ้อ…”
เผยอวี่ถังเก็บของต่อไป ขณะที่เขาหยิบกระเป๋าใบหนึ่งขึ้นมาเผลอมองเห็นของที่อยู่ในนั้น ก็เลยถามขึ้นด้วยความสงสัย “พี่สะใภ้ครับ ทำไมในนี้ถึงมีกระเทียมด้วยล่ะ พี่เอามาทำอะไรเหรอ?”