ตอนที่ 377 กินไม่ตายหรอกหน่า
หลินเยียนได้แต่มองไปทางความหวังสุดท้าย…เผยหนานซวี่
เมื่อได้รับสายตาอ้อนวอนของหลินเยียนแล้ว เผยหนานซวี่กระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยปากขึ้น “แฮ่ม คืนนี้ผมมีนัดกินข้าวแล้วครับ…”
เพราะยังไงนี่เป็นวันแรกที่พี่สะใภ้ย้ายมา ตอนแรกเขาตั้งใจออกไปเพื่อให้เธอได้อยู่กับพี่ใหญ่สองต่อสอง
ไม่คิดเลยว่าจะรอดมาได้อย่างหวุดหวิด นี่ถือว่าเป็นผลพลอยได้ที่เหนือคาด
หลินเยียน “…ก็ได้”
ไม่คิดเลยว่าขนาดไอดอลยังทอดทิ้งเธอไป
มองไปทางห้องครัว อดถามเผยหนานซวี่ไม่ได้ “ราชาภาพยนตร์เผย ฉันมีคำถามน่ะ หรือว่า…คุณเผยอวี้เฉิงไม่รู้เลยว่ากับข้าวตัวเองมัน…ไม่อร่อยเลยน่ะ”
เธอจำได้ว่าวันนั้นเขาเองก็กินแล้วไม่ใช่เหรอ?
เผยหนานซวี่ได้ยินแล้วชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นส่ายหัว “พี่ใหญ่เขา…ไม่รู้จริงๆ น่ะครับ”
“ทำไมจะไม่รู้ล่ะ? เขาก็กินเหมือนกันหนิ!” หลินเยียนไม่เข้าใจ
เผยหนานซวี่เงียบไปสักพักแล้วเอ่ยปากขึ้น “เพราะว่าพี่ผมไม่สามารถรับรู้รสชาติได้ตั้งแต่เด็กแล้ว”
“อะไรนะ…?” หลินเยียนได้ยินแล้วถึงกับต้องอึ้ง
เธอไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นสาเหตุ
“เธอหมายความว่าคุณเผยอวี้เฉิงรับรสไม่ได้งั้นเหรอ” หลินเยียนเผยสีหน้าตะลึง
“ใช่แล้วครับ ดังนั้น เปรี้ยวเผ็ดเค็มหวานที่คนทั่วไปรับรู้ได้ง่ายจากพวกสิ่งปรุงรสต่างๆ เขาไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร” เผยหนานซวี่อธิบาย
“แบบนี้นี่เอง…ไม่น่าล่ะ…” หลินเยียนพึมพำ “แต่ทำไมถึงรับรสไม่ได้ล่ะ? เกิดจากอะไรเหรอ? รักษาไม่ได้หรือไง?”
“อันนี้ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะครับ เอาเป็นว่าตั้งแต่ผมรู้เรื่องแล้วพี่ใหญ่ก็รับรสไม่ได้แล้ว เหมือนจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิดมาแล้วนะ พี่ใหญ่ไม่ชอบพูดถึงเรื่องนี้ แต่ว่า แฮ่ม พี่ใหญ่ผมชอบทำกับข้าวมาก ชอบทำให้พวกผมกินตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว…” เผยหนานซวี่เอ่อปากขึ้นด้วยสีหน้าอึดอัด
จริงๆ ตอนแรกเขาอาศัยอยู่กับพี่ใหญ่ แต่หลังๆ มาเริ่มจะทนกับฝีมือทำกับข้าวของพี่ใหญ่ไม่ไหวแล้ว…
หลินเยียน “เอ่อ…”
ทำไมเธอเริ่มจะสงสัยกับเหตุผลที่แท้จริงที่เผยอวี่ถังหนีออกจากบ้านแล้วล่ะ
อย่าบอกนะว่าเหตุผลที่แท้จริงจะเป็นเพราะว่าไม่อยากกินกับข้าวของพี่ชายเขาน่ะ
ขณะเดียวกันเผยหนานซวี่รับมือถือขึ้นมา คงจะเป็นเพราะผู้จัดการกำลังเร่งแล้วสินะ
หลังจากวางสายไป เผยหนานซวี่เอ่ยปากขึ้น “พี่หลินเยียนครับ ผมไปก่อนนะครับ ฝากดูแลพี่ชายผมด้วยนะ”
“ได้เลยๆ ไม่มีปัญหา ไม่ต้องห่วง!”
หลังจากเผยหนานซวี่จากไปแล้ว หลินเยียนยืนอยู่กับที่เริ่มตกอยู่ในความกังวล
ตอนแรกเธอคิดอยู่ว่าไม่ว่ายังไงก็ให้เผยอวี้เฉิงทำกับข้าวไม่ได้ แต่พอได้ยินคำพูดของเผยหนานซวี่แล้ว หลินเยียนเริ่มลังเลขึ้นมา
ถ้าตัวเองวิ่งไปห้ามไม่ให้เขาทำกับข้าวอีก มันคงจะดูเหมือนรังเกียจเขาอะไรแบบนั้นสินะ…
ทำร้ายน้ำใจกันเกินไปหรือเปล่า!
แต่ถ้าไม่ห้ามล่ะก็ เธอต้องเป็นคนรับเคราะห์นี้เต็มๆ …
สายตาหลินเยียนมองไปยังเรือนร่างสูงยาวที่อยู่ในห้องครัวนั้น ขณะนี้เผยอวี้เฉิงถอดเสื้อคลุมลง ม้วนแขนเสื้อขึ้นอย่างไม่ตั้งใจแล้วกำลังล้างผักอยู่…
เฮ้อ ทำไมแค่ทำกับข้าวยังดูน่าหลงไหลขนาดนี้?
ช่างเถอะๆ ก็แค่อาหารมื้อเดียวแค่นั้นเอง! จะไปมีอะไรล่ะ! กินแล้วไม่ตายหรอกหน่า!
ผ่านไปไม่นาน เผยอวี้เฉิงทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
พูดตามตรงแล้ว เผยอวี้เฉิงเป็นคนรอบครอบ ทุกท่วงท่าดูมีเสน่ห์ไปหมด โดยเฉพาะตอนที่เขาทำอะไรสักอย่าง ทำให้ไม่สามารถละสายตาไปไหนได้เลย กระบวนการทำกับข้าวของเขาเป็นเหมือนกำลังสร้างสรรค์ศิลปะเช่นนั้น ทำให้รู้สึกตื่นเต้นอยากจะเห็นผลงานชิ้นนั้น
แต่แน่นอนว่าต้องเป็นกรณีที่หลินเยียนไม่เคยชิมฝีมือทำอาหารของเผยอวี้เฉิงมาก่อน…
ตอนที่ 378 เธอทำหน้าที่กินก็พอ
ขณะนี้ หลินเยียนนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารด้วยอารมณ์ตื่นเต้น
แค่กินข้าวเฉยๆ ทำไมมีความรู้สึกเหมือนจะถูกเชือดแล้ว
“ลองชิมดูนะ” เผยอวี้เฉิงคีบหมูแดงให้เธอชิ้นหนึ่ง
“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ! เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ!”
หลินเยียนเหลือบมองหมูแดงชิ้นนั้น ดูจากสีและหน้าตาแล้วยังพอใช้ได้อยู่นะ
อาจจะไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นก็ได้นะ
อาจจะเป็นเพราะครั้งที่แล้วดวงไม่ค่อยดี ก็เลยได้กินรอบที่ไม่อร่อยที่สุด?
หลินเยียนคิดแบบนั้นแล้วคีบหมูแดงเข้าปาก
วินาทีต่อมา ขณะที่เธอกำลับขบเคี้ยวมันอยู่…
หลินเยียนรับรู้ถึงรสชาติ…แห่งความตายอย่างชัดเจน!
รสชาติแย่กว่าครั้งที่แล้วอีก!
ถ้ากินต่อไปคงตายแน่ๆ!
จริงๆ แล้วครั้งที่แล้วไม่ได้โชคร้ายที่ได้กินอาหารมื้อที่แย่ที่สุด แต่ครั้งที่แล้วเธอโชคดีเกินไปจนเธอไม่รู้ตัว…
ทำอาหารได้รสชาติย่ำแย่ขนาดนี้คงจะไม่ง่ายเหมือนกันสินะ
คุณพี่ขา คุณทำได้ยังไงคะ
สร้างสรรค์รสชาติเหมือนอยู่ในนรกได้ขนาดนี้!
มองดูหน้าตาเผยอวี้เฉิงที่กระตุ้นความอยากอาหารขนาดนี้ เธอยังกลืนไม่ลงคอเลย เห็นได้ว่าดาเมจของอาหารเหล่านี้รุนแรงขนาดไหน!
อยากให้แฟนคลับสาวบ้าคลั่งของเผยอวี้เฉิงมาลองชิมฝีมือทำอาหารของเผยอวี้เฉิง ถึงตอนนั้นคงจะมีสถานการณ์ถอนตัวการเป็นแฟนคลับครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น
ขณะนี้ หลินเยียนในฐานะแฟนสาวของเขา ได้แต่กลืนลงท้องเงียบๆ คนเดียว…
หลินเยียน “อร่อย…อร่อยมากค่ะ…”
ชีวิตก็เหมือนละคร อยากรอดต้องแสดงให้เป็น
“ชอบก็ดีแล้ว อาหารข้างนอกไม่ถูกหลักอนามัย เดี๋ยวรอเธอเริ่มทำงาน ฉันจะเตรียมข้าวกล่องให้เธอ เธอเอาไปกินได้เลย” เผยอวี้เฉิงเอ่ยปากพูดขึ้น
ไข่นกกระทาที่หลินเยียนกำลังคีบขึ้นมา ตกลงมาแล้วเด้งกลับไปในจานอีกครั้ง “…”
ฟ้าผ่ากลางกบาล…แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ถึงแม้จิตใจจะถูกหมูแดงผัดผักเหล่านั้นกัดเซาะจนแห้งเหือดราวกับทะเลทราย แต่หลินเยียนยังคงต้องเผยรอยยิ้มแล้วเอ่ยปากขึ้น “ได้ ได้ค่ะ! ขอบคุณคุณเผยนะคะ!”
หรือว่านี่คือ…ความรักงั้นเหรอ
ถ้าไม่ใช่รักแท้ล่ะก็ ใครจะไปทำได้
หลังจากกินข้าวมื้อนี้เสร็จ หลินเยียนรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งรอดจากมหันตภัยมาได้
“ต้องเดือดร้อนคุณทำอาหารให้ฉันกินเลย เดี๋ยวฉันไปล้างจานให้ค่ะ!” หลินเยียนเอ่ยปากขึ้น
เผยอวี้เฉิงลูบหัวหญิงสาวเบาๆ “ไม่ต้องหรอก ไปพักผ่อนเถอะ เธอทำหน้าที่กินก็พอ”
หลินเยียน “…” เอ่อ เหอๆ…
เธอทำหน้าที่กินก็พอ…
จริงๆ แล้วประโยคนี้ควรจะเป็นคำพูดโรแมนติกมากกว่านี้!
พอมาพูดกับเธอแล้วดันเหมือนเป็นสารเร่งความตายซะอย่างงั้น…
หลินเยียนคิดว่าตัวเองควรต้องพักหายใจซะหน่อย ก็เลยกลับไปที่ห้องค้นขนมที่ตัวเองแอบเอามาด้วยออกมา
เธอฉีกลูกอมรสนมต่อกันหลายเม็ดแล้วยัดเข้าปากทันที…
ขณะที่รสชาติของลูกอมละลายในปาก หลินเยียนเหมือนได้จุติกลับสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง
ยังดีที่เธอเอาขนมมาหมด
ดาราหลายคนชอบลดน้ำหนักจากการลดอาหาร แต่ร่างกายของหลินเยียนเผาผลาญมากกว่าคนปกติเยอะ ก็เลยไม่จำเป็นต้องตั้งใจลดอาหาร เธอกินแบบปกติทั่วไป อีกทั้งมียังขนมตุนอยู่ในบ้านเยอะแยะ
ถ้าไม่ได้กินเยอะมากๆ ก็จะไม่อ้วนขึ้น
นักแข่งรถเองเป็นอาชีพที่ต้องควบคุมน้ำหนักอย่างเคร่งครัด ดังนั้นเธอถือว่าค่อนข้างใส่ใจในด้านนี้เหมือนกัน
หลังจากได้กินขนมแล้ว หลินเยียนค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นหน่อย จากนั้นเธอเริ่มจัดของที่ตัวเองขนมา
มองดูกระเทียม ดาบ กระดาษยันต์และอื่นๆ ที่อยู่ในถุงแล้ว…
หลินเยียนกวาดสายตามองห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูนี่แล้ว ไม่ว่ายังไงก็รู้สึกว่าสิ่งของเหล่านี้ช่างเป็นปฏิปักษ์ต่อสไตล์ของห้องนี้เกินไป
แต่ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว ต้องรักษาวินัยไว้!
ก่อนหน้านั้นที่เธอเป็นปกติได้นานก็อาจจะเป็นเพราะว่าสิ่งเหล่านี้มีผลไงล่ะ!
เมื่อเห็นท้องฟ้าเริ่มจะมืดลงเรื่อยๆ หลินเยียนตัดสินใจรีบแขวนทั้งหมดนี้ขึ้นไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน…