ตอนที่ 381 ถึงจะอยู่ด้วยกันก็เถอะ
เผยหนานซวี่กระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยปากขึ้น “ครั้งที่แล้วคุณหลินก็เคยกินอาหารที่พี่ฉันทำ แต่ตอนนั้นเธอก็เป็นเหมือนพวกเรา เลือกที่จะปิดบังด้วยความหวังดี ตอนนั้นไม่ได้ไม่พอใจอะไรกับพี่ชายฉันนะ”
ซิงเฉินได้ยินเช่นนั้นแล้วเงียบไปสักพัก อึ้งทึ่งเป็นอย่างมาก “ไม่เคยว่าผู้หญิงคนนั้นกับพี่อวี้…จะเป็นรักแท้?”
ซิงเฉินขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “อย่ามาพูดอะไรเพ้อเจ้อหน่า ตอนนี้ต้องคิดก่อนว่าจะทำยังไงดี! ยาสงบนี้จะฉีดหรือไม่ฉีดกันแน่?”
ได้ยินที่ซิงเฉินพูดแล้ว ซิงเฉินและเผยหนานซวี่ล้วนตกอยู่ในความเงียบ
ต่อให้เผยหนานซวี่เป็นน้องชายแท้ๆ ของเผยอวี้เฉิง แต่เขาเองก็ไม่สามารถทำการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้
ซิงเฉินพึมพำแล้วพูดขึ้น “ผมว่าถ้าฉีดไม่ได้ก็ไม่ต้องฉีดเลยเถอะ! มีครั้งไหนที่บอสฉีดยาสงบแล้วไม่ทรมานบ้าง…”
อาจารย์ถันมองไปทางซิงเฉินด้วยความไม่พอใจ จากนั้นมองไปทางเผยหนานซวี่ด้วยความจริงจัง “คุณชายรอง กรุณาเปิดประตูพาพวกเราเข้าไปด้วย ตอนนี้คุณชายใหญ่ต้องฉีดยาสงบทันที ถึงแม้ยาสงบมีผลข้างเคียงแต่ก็ดีกว่าต้องเสียชีวิตนะครับ
สภาพร่างกายของคุณชายใหญ่ตอนนี้ แค่ช้าไปอีกหนึ่งนาทียังถือว่าอันตราย ประธานเผยเคยสั่งไว้ว่าถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้จำเป็นต้องให้พวกเราฉีดยาสงบในคุณชายใหญ่ทันที
ส่วนผู้หญิงคนนั้น มากสุดก็แค่มีผลกับอารมณ์คุณเผย ทำให้กำเริบช้าลงอย่างชั่วคราวเท่านั้น จะไปแทนยาสงบจริงๆ ได้ยังไงครับ?”
เผยหนานซวี่เริ่มหวั่นไหวกับคำพูดของอาจารย์ถัน “ถ้างั้น…ยาสงบที่คิดค้นออกมาใหม่นี้ ผลข้างเคียงคืออะไร?”
อาจารย์ถันเอ่ยปากขึ้น “ตอนนี้รู้แล้วว่าผลข้างเคียงพอๆ กับครั้งก่อนหน้านั้น อาจจะกระทบกับกลไลป้องกันของร่างกาย ทำให้ภูมิคุ้มกันได้รับความเสียหาย นอกจากนั้น ร่างกายจะมีอาการทรุดโทรมระดับหนึ่ง เพราะคุณชายใหญ่กำเริบอย่างกะทันหันเกินไป ยาที่เพิ่งคิดค้นออกมานี้พวกเรายังไม่ทันได้ทำการทดสอบระยะสุดท้าย ดังนั้น…ผลข้างเคียงอื่นๆ พวกเราเองก็คาดเดาไม่ได้ในขณะนี้”
“อะไรนะ?” เผยหนานซวี่ฟังจบแลดูสีหน้าไม่ดีกว่าเดิม
แค่ทำลายภูมิคุ้มกันก็แย่อยู่แล้ว อย่าเพิ่งไปพูดถึงอาจจะเกิดสถานการณ์อื่นๆ ที่เหนือคาดอีก
แต่ว่าก็เหมือนที่อาจารย์ถันพูด กรณีแบบนี้ต้องคำนึงถึงการรอดชีวิตไว้ก่อน…
ขณะเดียวกัน ซิงเฉินที่อยู่ข้างๆ เอ่ยปากขึ้น “คุณถันเอ้ย อย่าหาว่าผมพูดตรงเลย ประเด็นคือยาสงบที่พวกคุณคิดค้นมาก่อนหน้านั้น ก็ไม่เห็นจะมีผลอะไรเลย นาฬิกาเน่าๆ ของพี่อวี้ก็ติ๊ดไปติ๊ดมาทุกสองสามวันอยู่! หลักๆ ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ ไม่มีความยั่งยืนอะไรเลย! อีกอย่างยังมีผลข้างเคียงมาก ทรมานพี่อวี้แทบตาย…”
อาจารย์ถันได้ยินแล้ว โมโหจนแทบจะกระโดดขึ้นมา “แกมันเด็กเมื่อวานซืนจะไปเข้าใจอะไร? แกรู้ไหมว่ากว่าจะทำยาสงบนี้ออกมาได้พวกเราเสียแรงเสียเวลาไปมากแค่ไหน? ฉันกล้าพูดว่านอกจากแล็บที่ฉันนำทีมอยู่ ไม่มีคนที่สองคิดค้นออกมาได้แน่นอน! ถ้าไม่ใช่ฉัน ร่างกายของคุณชายใหญ่อยู่ได้นานขนาดนี้ไม่ได้หรอก!”
ซิงเฉินเอามือแตะจมูกแล้วพึมพำขึ้น “ผมพูดความจริงนี่นา ดูสิคุณโมโหซะงั้น! ของของคุณน่ะ เทียบกับยาสงบธรรมชาติไร้ผลข้างเคียงอย่างหลินเยียนได้ไงล่ะ…”
อาจารย์ถัน “ไอ้เด็กเพิ่งหย่าน้ำนม! ในเมื่อแกบอกว่าผู้หญิงคนนั้นมีผลกว่ายาสงบฉัน ตอนนี้เธออยู่ข้างๆ คุณชายใหญ่หนิ แล้วทำไมคุณชายใหญ่ยังกำเริบล่ะ?”
ซิงเฉินเอามือแตะคาง “อ้อ อยู่ด้วยกันก็จริง! แต่ว่า…”
ซิงเฉินพูดไปด้วยแล้วมองไปทางเผยหนานซวี่ที่อยู่ข้างๆ “คุณชายรอง เธอนอนกับพี่อวี้หรือเปล่าน่ะ?”
ตอนที่ 382 ไม่กินยาแล้วจะกินอะไร?
สีหน้าเผยหนานซวี่เก้อเล็กน้อย เขากระแอมเบาๆ แล้วพูดขึ้น “เปล่าน่ะ แยกห้องนอน”
ฉินฮวนดีดนิ้วขึ้นมาทันที “งั้นก็ถูกแล้วหนิ! ผมยังคิดว่าพวกเขานอนด้วยกันซะอีก! อยู่บ้านเดียวกันไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ที่กำเริบก็เพราะยาสงบยังใกล้ไม่พอน่ะสิ!”
เผยหนานซวี่ “…”
ถึงแม้คำพูดของฉินฮวนแลดู… แต่ก็ไม่ได้ไร้เหตุผลแต่อย่างใด
สุดท้ายเผยหนานซวี่ได้แต่พาพวกผู้เชี่ยวชาญเข้ามาในบ้านก่อน
ขณะเดียวกัน หลินเยียนยังคงนอนอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
ก่อนหน้านั้นหลินเยียนหลับลึกแล้ว แต่มือถือดังขึ้นมาเธอรู้สึกรำคาญก็เลยปิดมือถือตามจิตใต้สำนึก
เมื่อเธอตั้งตัวได้จากความสะลึมสะลือ เธอกลัวว่าจ้าวหงหลิงจะมีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือเปล่าก็เลยเปิดเครื่องเช็กดูสักหน่อย
จากนั้นก็เห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับจากเผยหนานซวี่หลายครั้ง
ดึกดื่นแบบนี้ เผยหนานซวี่โทรหาเธอทำไมเหรอ
ขณะที่เธอกำลังสงสัย เธอได้เห็นมีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูผ่านกระจก ซึ่งเผยหนานซวี่ก็อยู่ตรงนั้นเช่นกัน
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลินเยียนไม่ได้คิดอะไร รีบเดินลงจากเตียงแล้วเตรียมตัวไปดูว่าเกิดอะไรที่ตรงหน้าประตู
……
หลินเยียนเพิ่งจะออกจากประตูห้องก็ได้เจอกับพวกเผยหนานซวี่และคนอื่นๆ
เมื่อเห็นหลินเยียน เผยหนานซวี่ตรงเข้าไปทันที “คุณหลิน! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“หา? ฉันไม่เป็นอะไรหนิ ซุปตาร์เผยโทรหาฉันเร่งด่วนขนาดนี้มีอะไรหรือเปล่า โทษทีน่ะ ฉันนอนอยู่ก็เลยเผลอปิดเครื่อง! แล้วที่พวกนายมาที่นี่ดึกดื่นแบบนี้คือ…”
สายตาสงสัยของหลินเยียนกวาดมองไปยังฉินฮวน ซิงเฉินแล้วก็อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น
ฉินฮวนและซิงเฉินเธอรู้จักเพราะเคยเจอครั้งที่แล้ว เหมือนขาดแค่ผู้หญิงที่อยู่ในชุดสีดำไป
ฉินฮวนเบียดเผยหนานซวี่แล้วตรงเข้ามา “พี่สะใภ้!”
หลินเยียนมองไปยังผู้ชายที่เข้ามาตีสนิทอย่างไม่รู้จะพูดอะไร “…” นายคือใครเหรอ
ฉินฮวน “พี่สะใภ้ ตอนนี้สภาพร่างกายพี่อวี้อันตรายมาก พี่รู้ไหมว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง”
หลินเยียนได้ยินเช่นนั้นแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “อันตรายมาก? ทำไมล่ะ! หลังจากพวกเราทานข้าวมื้อค่ำเสร็จก็ต่างคนต่างไปนอนแล้ว! ไม่มีอะไรแปลกๆ หนิ!”
“เฮ้อ! พวกพี่ต่างคนต่างนอนได้ไงล่ะ!” ฉินฮวนรู้สึกเจ็บใจ
หลินเยียน “หืม?”
หมายความว่าไง
ฉินฮวนกระแอมเบาๆ “ความหมายของผมคือ…ตอนนี้สภาพร่างกายของพี่อวี้อันตรายมาก พี่ดูเองสิ!”
ฉินฮวนพูดไปด้วย เอาอุปกรณ์ขนาดเท่ามือถือในมืออาจารย์ให้เธอดู เห็นแค่ว่าความถี่ของคลื่นบนนั้นพุ่งสูงสุดๆ ไฟแดงบนอุปกรณ์นั้นยังกะพริบอย่างน่าหวาดระแวงอยู่เรื่อย…
“แล้วพวกนายยังลีลาอยู่ตรงนี้ทำไมล่ะ! รีบเข้าไปสิ!” หลินเยียนหมดคำพูด แทบอยากจะถีบพวกนั้นเข้าไปเดี๋ยวนี้
“เด็กนี่พูดไม่ผิด ถ้าแกขืนพูดเพ้อเจ้ออยู่เรื่อย คุณชายใหญ่คงจะไม่รอดจริงๆ แล้ว! หลีกทางไปให้หมด!” ชายผมขาวพูดขึ้นด้วยท่าทางโมโห
ฉินฮวนรีบขวางทางไว้แล้วพูดกับหลินเยียน “พี่สะใภ้ครับ ห้ามให้พวกเขาเข้าไปได้! ยานี่เป็นเหมือนยาพิษเลยล่ะ ยาที่ยับยั้งอาการของพี่อวี้ได้มีผลข้างเคียงมหาศาล ดีที่สุดคืออย่ากินเลย!”
หลินเยียนเผยสีหน้าไม่เห็นด้วย “ตรรกะอะไรของนาย ถ้าป่วยแล้วไม่กินยาจะให้กินอะไรล่ะ ต่อให้มีผลข้างเคียงมหาศาลแต่ก็ดีกว่าต้องตายไหมล่ะ ต้องเชื่อฟังหมอสิ!”