ตอนที่ 385 สานสัมพันธ์?
“ดึกดื่นแบบนี้…” ฉินฮวนจ้องไปยังเผยหนานซวี่แล้วเผยยิ้มเล็ก “นี่ก็ดึกแล้ว หนุ่มสาวอยู่ด้วยกันโดยลำพังสองต่อสองแบบนี้…แฮ่กๆ ต้องเป็นการสานสัมพันธ์แน่ๆ แค่เสียงดังไปนิดหน่อย พอเข้าใจได้ เข้าใจได้เลยล่ะ คุณชายรองอย่าไปทำลายบรรยากาศล่ะ!”
เผยหนานซวี่ได้ยินแล้วไม่รู้จะตอบอะไรดี เสียงดังขนาดนี้ สานสัมพันธ์งั้นเหรอ?
…
ภายในห้อง ณ ขณะนี้
เผยอวี้เฉิงเดินวนอยู่รอบๆ เตียง เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่
ส่วนหลินเยียนแอบอยู่ใต้โต๊ะแล้วเอามือปิดปากไว้ไม่กล้าหายใจแรง
ยังดีที่หลุดมาได้เร็วไม่งั้นที่เผยอวี้เฉิงถีบมาเมื่อกี้นั่นต้องถีบตัวเองจนตายแน่ๆ
อีกอย่าง หลินเยียนไม่คิดว่าท่าทางของเผยอวี้เฉิงช่างน่ากลัวขนาดนี้!
หลินเยียนยังไม่ทันได้คิดต่อไป หันมาอีกทีก็เห็นแววตาเข้มขรึมคู่หนึ่งกำลังจ้องมองตัวเองอยู่
ตอนแรกหลินเยียนแอบอยู่ใต้โต๊ะทำงาน ถึงแม้เผยอวี้เฉิงจะดูไม่ค่อยมีสติ แต่ปฎิกิริยาไวสุดๆ เจอตัวเธอภายในเวลาอันสั้น
“คุณเผยอวี้เฉิง…”
หลินเยียนยังไม่ทันพูดจบ โต๊ะไม้แท้ถูกเผยอวี้เฉิงปัดจนกระเด็น
วินาทีต่อมา เผยอวี้เฉิงเอื้อมมือมาจับตัวหลินเยียน
“บ้าเอ้ย!”
เธอกัดฟันแน่น ถึงแม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เผยอวี้เฉิงในขณะนี้แลดูไม่ปกติแน่นอน
หลินเยียนเหวี่ยงหมัดใส่เผยอวี้เฉิงอย่างไม่ลังเล หวังว่าจะทำให้เผยอวี้เฉิงมีสติได้แล้วตัวเองจะได้หนีออกจากที่แห่งนี้
อีกอย่าง เจ้าบื้อที่อยู่ข้างนอกนั่นไม่ได้ยินเสียงที่อยู่ในห้องเลยหรือไง?!
ไม่มีเงาแม้แต่สักคนเลย!
‘ปั้ง’!
หลินเยียนเหวี่ยงหมัดไป แต่แทบจะในเวลาเดียวกันดันถูกเผยอวี้เฉิงรับไว้ด้วยฝ่ามือเดียว
ฝ่ามือของเผยอวี้เฉิงราวกับภูเขาสูง ไม่ว่าหลินเยียนจะทำยังไงก็ไม่สามารถดิ้นหลุดออกมาได้
แย่แล้ว! ตายแน่ๆ!
และแล้ว…
ในขณะที่หลินเยียนคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ ภายในเสี้ยววินาทีที่มือของเผยอวี้เฉิงสัมผัสโดนมือของเธอ หลินเยียนรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าความแรงอันน่ากลัวในตอนแรกค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ
สายตาอันเย็นเฉียบนั้นก็ค่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติ…
หลินเยียนขยับมือเล็กๆ ของตัวเองที่ถูกเขากำเอาไว้ และลองเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณเผยอวี้เฉิงคะ?”
เผยอวี้เฉิงบีบมือเล็กๆ ของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ความดุดันในตัวลดลงไปราวกับช่วงน้ำในทะเลลง…
หลินเยียนสังเกตได้ด้วยความตื่นเต้น เผยอวี้เฉิงตื่นมาสักที แม้กระทั่งนาฬิกาสีเงินตรงข้อมือเขาก็หยุดส่งสัญญาณไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น
ในขณะเดียวกัน เธอนึกถึงสิ่งที่ผู้ชายที่มีดอกทิวลิปสีขาวเสียบอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ได้พูดขึ้นกับตัวเองตอนที่อยู่ข้างนอกเมื่อสักครู่นี้
หรือว่า…หรือว่าตัวเองจะมีผลต่อเผยอวี้เฉิงมากมายขนาดนี้จริง?
มีผลต่ออารมณ์ของเขายังว่าไปอย่าง แต่ช่วยรักษาโรคเนี่ยนะ?
ช่างมหัศจรรย์จริงๆ …
แต่ไม่ว่ายังไง เธอลองนึกภาพช่วงนี้เวลาที่ได้สัมผัสกับเผยอวี้เฉิงแล้ว ก็เหมือนจะเป็นแบบนี้จริงๆ ด้วยสินะ…
“คุณเผยอวี้เฉิง! ฉันเองค่ะ! คุณ…คุณฝันร้ายหรือเปล่าคะ?” หลินเยียนพยายามเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
มองดูหญิงสาวตรงหน้า เห็นแต่หญิงสาวที่อยู่ในชุดนอน รองเท้าแตะ กำลังยืนอยู่ตรงที่ห่างจากเขาไม่กี่ก้าวด้วยความเก้ๆ กังๆ จะเดินหน้าก็ไม่ใช่ ถอยหลังก็ไม่ได้
“หลินเยียน?”
“ค่ะ…ฉันเองๆ …” หลินเยียนได้ยินเสียงของเผยอวี้เฉิงแล้ว รู้สึกโล่งขึ้นมาทันที
เผยอวี้เฉิงปล่อยมือของหญิงสาวแล้ว ขมวดคิ้วเข้มขึ้น “ทำไมเหรอ?”
“เอ่อ…คือว่า…” หลินเยียนเกาหัว ในวินาทีนี้เธอก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
หรือจะให้เธอพูดว่า ดึกดื่นขนาดนี้แต่ข้างนอกวุ่นวายกันเป็นแถว เธอโดนบังคับให้รีบเข้ามาดูว่าเขาตายหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ต้องมาต่อยกับเขาซะงั้น?
แต่สภาพของเผยอวี้เฉิงในตอนนี้ หลินเยียนเองก็ไม่กล้ามั่นใจว่าเขาปกติดีแล้ว…
ดังนั้นหลินเยียนเอ่ยปากขึ้น “คุณเผยอวี้เฉิงคะ ก่อนหน้านั้นคุณเคยบอกว่า ถ้า…ถ้าฉันนอนคนเดียวแล้วกลัวก็มาหาคุณได้น่ะค่ะ”
หลินเยียนเงยหน้าขึ้น กะพริบตาแล้วมองไปทางเผยอวี้เฉิง เอ่ยปากพูดต่อ “ฉันกลัว…”
ตอนที่ 386 ของธรรมชาติดีที่สุด
ที่บอกว่ากลัวนั้นคือกลัวจริงๆ…
ดังนั้น สีหน้าหวาดกลัวของหลินเยียน ณ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแต่อย่างใด
เผยอวี้เฉิงได้ยินแล้วชะงักไปเล็กน้อย ความเคร่งขรึมที่หลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยได้หายไปโดยสิ้นเชิง สายตาอันเย็นยะเยือกนั้นก็ค่อยๆ ละลายไป
หลินเยียนเห็นท่าทางแบบนั้นแล้ว รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย “ขอโทษนะคะ ฉันไม่ควรเข้ามาโดยถือวิสาสะ…รบกวนคุณหรือเปล่าคะ”
สีหน้าเผยอวี้เฉิงขาวซีดเหมือนคนป่วย เงาสีดำช้ำแผ่อยู่ใต้ตา แลดูไม่ค่อยมีสติอยู่กับเนื้อกับตัวและอ่อนเพลียกว่าปกติ ซึ่งต่างไปจากคนดุดันก้าวร้าวเมื่อสักครู่นี้ราวกับฟ้าดิน
หลินเยียนเห็นเช่นนั้นแล้วกำลังลังเลอยู่ว่าจะรีบเผ่นตอนที่เผยอวี้เฉิงชะล่าใจดีไหม
ไม่งั้นถ้าอยู่ต่อไปเดี๋ยวถ้าเขาขาดสติขึ้นมา ถือว่าเธอมีความรักแบบต้องเสี่ยงชีวิตอย่างแท้จริง
เพราะเจ้าหน้าบื้ออย่างเผยอวี่ถังนั่นแหละ ชอบล้างสมองเธอว่าเผยอวี้เฉิงเป็นคนอ่อนโยน ทำให้เธอแทบจะลืมครั้งที่เขาขาดสติไปแล้วว่าเขาตบหญิงชุดดำจนกระเด็นยังไง
ส่วนตอนนั้นที่ผับเละเทะไปหมด ก็คงจะเป็นฝีมือของเผยอวี้เฉิงสินะ!
เวรกรรมเอ๊ย!
เธอมาอยู่ในที่อันตรายแบบนี้ได้ไงเนี่ย?
พอคิดมาถึงตอนนี้ หลินเยียนตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
เธอจับมือเผยอวี้เฉิงไว้!
หญิงสาวเอื้อมมือเล็กๆ ของตัวเองแล้วค่อยๆ จับฝ่ามือใหญ่ๆ ของชายหนุ่ม พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ถ้าได้อยู่ข้างๆ คุณ ฉันก็ไม่กลัวแล้ว”
หลินเยียนเพิ่งพูดออกปากก็แทบอยากจะตบหน้าตัวเองตรงนั้น!
บ้าเอ๊ย!
ทำไมต้องพูดอะไรที่มันตรงกันข้ามแบบนี้
ผู้หญิงที่อินเลิฟเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจแบบนี้หมดหรือไง?
อยากจะวิ่งหนีแท้ๆ แต่รอเธอรู้ตัวอีกที เธอได้จับมือของเผยอวี้เฉิงไว้แล้ว
เธอเอาควากล้ามาจากไหนเนี่ย
ไม่กลัวว่าวินาทีต่อมาเผยอวี้เฉิงจะบิดหัวเธอลงมาหรือไง?
หลินเยียนขนลุกวูบ ขณะที่กำลังรู้สึกว่าไม่น่าทำแบบนั้น วินาทีต่อมากลับเข้าสู่อ้อมกอดแสนอบอุ่น…
เสี้ยววินาทีนั้น ทุกลมหายใจเต็มไปด้วยกลิ่นสดชื่นอันคุ้นเคยของชายหนุ่ม
ภายในห้องอันกว้างใหญ่ที่มีแต่ความเงียบงัน แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาผ่านกระจก ทอแสงบนตัวทั้งสองคนที่อยู่เคียงข้างกันนิ่งๆ
นาฬิกาสีเงินบนข้อมือผู้ชายไม่ส่งเสียงแต่อย่างไร
ปั้ง
ทันใดนั้น เสียงพังประตูดังสนั่นขึ้น ทำลายความเงียบงันที่เป็นอยู่
“พี่ใหญ่ คุณหลิน…” เผยหนานซวี่เพิ่งจะพังประตูเข้ามาก็เห็นภาพที่ทั้งสองคนกอดอยู่ด้วยกัน
เผยหนานซวี่และฉินฮวนรวมถึงพวกอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายล้วนหยุดชะงักอยู่กับที่
อาจารย์ถันจ้องไปยังอุปกรณ์ในมือด้วยความอึ้ง “มั่นคงแล้ว…ค่าคงที่แล้ว…”
ฉินฮวนกะพริบตาแล้วพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “บ้าจริง! คุณชายรอง! ดูนั่นสิ ผมบอกแล้วว่าสานสัมพันธ์กันอยู่ไงล่ะ คุณไม่ยอมเชื่อผมน่ะ!”
ดังนั้น เผยหนานซวี่ก็เลยยืนอยู่กับที่ด้วยความงุนงงแบบนั้น
สองคนที่อยู่ในห้องถูกขัดจังหวะด้วยเหตุนี้
เมื่อประจบกับสายตาเย็นชาของเผยอวี้เฉิงแล้ว เผยหนานซวี่และพวกฉินฮวนรีบถอยออกไปทันที
“พี่ใหญ่ ขอโทษครับ เพราะว่าค่าของอุปกรณ์ผิดปกติ พวกเราเป็นห่วงก็เลยมาดูน่ะครับ ขอโทษที่ขัดจังหวะพวกพี่นะครับ!”
สิ้นเสียงคำพูด เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ประตูห้องถูกปิดลงสนิท
ณ นอกประตูห้อง พวกเผยหนานซวี่และคนอื่นต่างเผยสีหน้าเหมือนรอดมาจากภัยพิบัติ
ฉินฮวนจ้องไปยังอุปกรณ์ที่มีค่าตัวเลขคงที่สุดๆ แล้วเอ่ยปากขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ “เป็นไงล่ะลุง ฉันบอกแล้วว่ายาสงบธรรมชาติดีที่สุด! กอดทีหนึ่งอะไรก็ได้หมด! ดีกว่ายาเคมีของลุงเยอะเลย!”