หวังเฉี่ยวฮุ่ยตัวแข็งทื่อด้วยความตะลึงงัน ก่อนกรีดร้องเสียงแหลมสูงออกมา “หลินเยียน หล่อนอยากตายหรือไง กล้าดียังไงมาแตะต้องข้าวของของฉัน!”
เฮ่อซานซานเองก็เดือดจัดไม่แพ้กัน “หลินเยียน เสียสติไปแล้วหรือไง นี่หล่อนถังแตกขนาดต้องมาปล้นคนอื่นกันหน้าด้านๆ แบบนี้เลยเหรอ”
ส่วนวังจิ่งหยางก็ตกใจเช่นกัน “อะไรเนี่ย…นี่เธอต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ”
แต่เมื่อพูดจบ ดวงตาของเขาก็พลันเปล่งประกายที่เปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิมและพออกพอใจ เขาไม่ค่อยแสดงท่าทีแบบนี้ให้หลินเยียนเห็นบ่อยนัก “เฉียบ! น่าจะทำอย่างนี้มาตั้งนานแล้วนะ!”
เพราะหลินเยียนเป็นคนว่าจ้างเหล่าพนักงานขนย้าย พวกเขาจึงเดินเข้ามาในห้องแล้วเริ่มขนย้ายข้าวของ
หวังเฉี่ยวฮุ่ยตะโกนเสียงดังในทันที “หลินเยียน นังสารเลว! แกกล้าทำยังงี้ได้ยังไง นี่มันกลางวันแสกๆ! ฉันจะเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้แหละ!”
หลินเยียนเลิกคิ้ว “ตำรวจ? เอาเลย ให้ฉันช่วยเรียกไหมล่ะ”
เฮ่อซานซานหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “หลินเยียน! ใจกล้ามากใช่มั้ยหล่อนน่ะ ฉันจะแฉเรื่องนี้ลงเน็ตให้หมดเลยคอยดู รับรองว่าแกจะได้อับอายขายขี้หน้าอีกรอบแน่ๆ!”
หวังเฉี่ยวฮุ่ยรั้งแขนของพนักงานขนย้ายคนหนึ่งไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้! ถ้าขืนแตะต้องของของฉันอีก ฉันจะลากคอพวกแกเข้าคุกให้หมด!”
เหล่าพนักงานขนย้ายพากันชะงักอย่างลังเลใจ
วังจิ่งหยางกำหมัดแน่น ดวงตาฉายแววอาฆาตพยาบาทเมื่อเห็นว่าสองแม่ลูกกำลังหาเรื่องกลั่นแกล้งหลินเยียน
“ของของป้าเหรอ?” หลินเยียนมองสีหน้าหยิ่งยโสของสองแม่ลูกแล้วหยิบแฟ้มออกมาจากกระเป๋า “ประทานโทษ แต่แอร์ฯ ทีวี เครื่องซักผ้า โต๊ะกินข้าว หรือแม้แต่วอลล์เปเปอร์ติดผนังเนี่ย ฉันนี่แหละ…คนซื้อ! นี่ยังไม่ได้พูดถึงดอกกล้วยไม้ที่ระเบียงอีกนะ! เอาล่ะ ฉันจะเอาของของฉันไปให้หมด มีปัญหาอะไรอีกมั้ย”
ในมือของหลินเยียนคือใบเสร็จรับเงินซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันชั้นดี
หวังเฉี่ยวฮุ่ยและเฮ่อซานซานจ้องมองที่แฟ้ม ด้านในมีใบเสร็จรับเงินจำนวนหนึ่งอยู่
สองแม่ลูกมองหน้ากันด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
“หลินเยียน แกกล้าดียังไงถึงทำแบบนี้ จริงอยู่ที่แกเป็นคนซื้อของพวกนี้ แต่แกให้เราแล้ว มันก็ต้องเป็นของของเรา! แกมีเหตุผลอะไรถึงมาเอาไป” หวังเฉี่ยวฮุ่ยตะโกนใส่หลินเยียน
หลินเยียนหัวเราะเบาๆ “แหม ยอมรับแล้วเหรอว่าฉันเป็นคนซื้อ… ก็ใช่แหละ แต่ฉันไม่เคยบอกว่าฉันให้ป้านะ มีหลักฐานอะไรมายืนยันหรือเปล่าล่ะ”
“นังนี่! แก…แก…”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินเยียนพลันหายวับไป “เลิกอู้แล้วกลับไปขนของให้ดีๆ! ฉันจะจ่ายค่าแรงให้สองเท่าเลยค่ะ!
ในตอนแรก พนักงานขนย้ายตั้งใจว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายนี้ แต่เมื่อรู้ว่าข้าวของทั้งหมดเป็นของหลินเยียน อีกทั้งเธอยังประกาศจะจ่ายค่าแรงให้เป็นสองเท่า พวกเขาก็ปัดหวังเฉี่ยวฮุ่ยออกไปให้พ้นทางแล้วลงมือขนย้ายข้าวของอย่างรวดเร็ว
“หยุดเดี๋ยวนี้! ทุกคนหยุดนะ!”
“อย่าเอาโต๊ะเครื่องแป้งไปนะ! อย่าแตะต้องมัน!”
“หลินเยียน! แกกำลังกลั่นแกล้งเด็กผู้หญิงกำพร้าพ่อกับแม่ม่ายอยู่นะ! แกกำลังทำให้ลุงของแกเสียใจ!”
…
ไม่นานนักเหล่าพนักงานขนย้ายก็ขนของทุกอย่างออกมาจากบ้านจนหมดเกลี้ยงตามคำสั่งของหลินเยียนโดยไม่แยแสต่อคำคัดค้านของสองแม่ลูก
และหลินเยียนยังสั่งให้พวกเขาลอกวอลล์เปเปอร์ออกจากผนังอีกด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่หลินเยียนเพิ่งกลับมาใหม่ๆ รายได้ของเธอในฐานะนักแสดงถือว่ามากพอตัว หวังเฉี่ยวฮุ่ยจึงมีท่าทีสุภาพและใจดีกว่าเธอมากกว่าตอนนี้
หลินเยียนไม่เคยคาดคิดว่ามาก่อนว่าหวังเฉี่ยวฮุ่ยจะเผยธาตุแท้เมื่อเธอถูกแบนและตกงาน ผู้เป็นป้าทั้งกลั่นแกล้งและหยามเหยียดเธอ ซ้ำร้ายยังเรียกเก็บค่าเช่าห้องอีกด้วย…
หลินเยียนเป็นคนประเภทที่ปฏิบัติตนกับคนที่เธอรักและเอาใจใส่เป็นอย่างดี
แต่เธอสามารถกลายเป็นคนไร้หัวใจและไร้ความรู้สึกได้หากเธอคิดจะทำเช่นนั้นจริงๆ
ลืมรักเลือนใจ – ตอนที่ 48 ไม่เหลือเยื่อใย
Posted by ? Views, Released on October 8, 2021
, ลืมรักเลือนใจ
หลินเยียน นักกีฬาแข่งรถแนวหน้าของวงการต้องถึงคราวตกต่ำเพราะข่าวฉาวที่ถูกจัดฉากขึ้น มิหนำซ้ำแฟนหนุ่มที่ทำให้เธอต้องก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเพื่อสนับสนุนเขายังหักหลังนอกใจไปคบกับน้องสาวของเธอเองอีกด้วย!
แต่แล้วโชคชะตาก็ดลบันดาลให้เธอก็ได้พบกับ เผยอวี้เฉิง ประธานเครือบริษัทข้ามชาติเจเอ็ม คอร์เปอเรชัน ที่ทั้งเดาอารมณ์ยาก เย็นชาและไม่ชอบข้องเกี่ยวกับใคร วันดีคืนดีจู่ๆ เขาก็เกิดสูญเสียการควบคุมตัวเองไปดื้อๆ และมีเพียงเธอเท่านั้นที่จะพาเขากลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงได้
การพบกันครั้งแรกของเธอและเขาทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ ทว่าเธอกลับไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเธอและเขาเคยพบกันมาก่อนหน้านี้เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว และเธอก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะ ‘ลืมเลือน’ เขาไปด้วยตัวเอง…
Recommended Series
Comment
Facebook Comment