ตอนที่ 63 มีทางอื่นนอกจากชดใช้ค่าเสียหาย
ถ้าเธอยังรักชีวิตและไม่อยากระเห็จไปอยู่ในคุก เธอต้องสร้างตัวตนใหม่ที่ ‘หลงรักเขาอย่างโงหัวไม่ขึ้น’ ขึ้นมา
หลินเยียนทำใจดีสู้เสือแล้วเอ่ยว่า “ฉันพูดความจริงนะคะ…ฉันมาหาเผยอวี่ถังเพราะ…ฉันอยากรู้เรื่องของคุณจากปากน้องชายให้มากกว่านี้…ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย…”
หลินเยียนเงยหน้าขึ้นเห็นแผ่นอกกำยำเปลือยเปล่าของชายหนุ่มในขณะที่พูด น้ำเสียงของเธอเริ่มตะกุกตะกักอย่างหยุดไม่ได้ “ทะ…ทำร้าย…คุณ…”
เผยอวี้เฉิงดึงเสื้อคลุมอาบน้ำมาปิดส่วนที่เปิดเผยของตนก่อนเอ่ยอย่างใจเย็น “พูดต่อสิ”
หลินเยียนเรียกสติคืนมาได้แล้วจึงพูดต่อว่า “ท่านประธานเผย ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะที่เป็นต้นเหตุให้คุณเจ็บตัว แต่…ฉันจนมากจริงๆ …ฉันไม่มีเงิน…”
เผยอวี้เฉิงตอบ “แล้วยังไง”
หลินเยียนเสนอ “ให้ฉันคุกเข่ากราบเท้าขออภัยคุณตรงนี้แทนได้ไหมคะ”
เผยอวี้เฉิงหัวเราะเบาๆ “ฉันไม่ได้ต้องการค่าเสียหายจากเธอ”
หลินเยียนหน้างอ “ก็ได้ค่ะ ฉันรู้ดีว่าถึงฉันจะเอาหัวโขกพื้นคำนับอยู่ตรงนี้จนเลือดสาดก็คงไม่ช่วยอะไร แต่ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพื่อขอให้คุณอภัยและชดใช้ความผิดที่ฉันก่อ…”
ดวงตาสีดำดุจมหาสมุทรลึกที่ไม่อาจหยั่งถึงและเปี่ยมไปด้วยความลึกลับของเผยอวี้เฉิงฉายแววเป็นประกายขณะที่เขามองเธออย่างเงียบๆ “ถ้าจะไม่จ่ายค่าเสียหาย มันก็มีทางอื่นอยู่นะ”
หลินเยียนถามกลับอย่างระแวดระวัง แววตาของเธอระยิบระยับ “ทางอื่นเหรอคะ อะไรคะ”
เผยอวี้เฉิงเป็นผู้ชายลึกลับและคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ ทุกครั้งที่เขาพูดบางอย่างออกมา หลินเยียนจึงรู้สึกเหมือนกำลังถูกขึงพืด
ชายหนุ่มไม่ตอบทันที เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “ฉันขอถามอะไรเธอสักอย่างได้ไหม คุณหลิน”
หลินเยียนรีบพยักหน้าหงึกหงัก “ค่ะ! เชิญถามได้เลยค่ะ!”
เผยอวี้เฉิงถามกลับ “คุณหลิน…ชอบฉันหรือเปล่า”
หลินเยียนตะลึงงันจนคิดหาคำพูดใดๆ ไม่ออก
คำถามนี้…
หลินเยียนเองก็อยากจะหยุดปัญหาที่วุ่นวายระหว่างทั้งคู่ แต่จะให้พูดออกไปได้ยังไงว่าเธอไม่ได้ชอบเขา ถ้าทำแบบนั้น เขาต้องคิดว่าที่เธอทำพฤติกรรมประหลาดๆ พวกนี้เพราะเธอเป็นคนโรคจิต และเธอจะต้องถูกลากคอเข้าคุกร้อยครั้งร้อยหน
แต่ถ้าจะบอกว่าเธอชอบเผยอวี้เฉิงและพยายามเข้าใกล้เขาเพราะความหลงใหลชอบพอ…นั่นก็ฟังดูเข้าท่าดี…
โชคดีจริงๆ ที่ยายผีหื่นผู้ยึดร่างเธอไม่ถึงกับย่องตามเผยอวี้เฉิงเข้าห้องน้ำด้วย…
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หลินเยียนจึงยอมเหยียบย่ำความทะนงและอัตตา เธอเตรียมใจก่อนแสดงท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและความรักอย่างลึกซึ้ง “ใช่ค่ะ! ฉันเคยพูดไปแล้วก่อนหน้านี้ ฉันตกหลุมรักคุณ ท่านประธานเผยคะ ฉันตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น!
คนที่บอกว่าดวงดาวบนฟ้านั้นงดงาม แสดงว่าคนผู้นั้นยังไม่เคยมองตาของคุณ! คนที่บอกว่าลมเย็นในฤดูใบไม้ผลินั้นอบอุ่น ก็คือคนที่ยังไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มของคุณ! และคนที่บอกว่าลูกอมนั้นหวานอร่อย ก็คือคนที่ยังไม่เคยได้ยินเสียงแสนไพเราะของคุณ! แค่ฉันไม่ได้พบหน้าคุณเพียงวันเดียว ระดับน้ำตาลในเลือดของฉันก็ลดฮวบแล้วค่ะ!”
หลินเยียนกังวลว่าเธอยังเยินยอเขาไม่พอ เธอจึงเสริมต่อว่า “ถ้าฉันได้คบกับคุณ ฉันคงตายตาหลับ!”
เผยอวี้เฉิงค่อยๆ ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ ราวระลอกคลื่น “คำพูดของเธอโดนใจฉันมาก คุณหลิน”
หลินเยียนกะพริบตามองเขา เธอนึกถึงคำพูดยอดนิยมที่ใครๆ ก็ต่างพูดถึงทางโลกออนไลน์ การที่ใครสักคนบอกว่า ‘ประทับใจมาก’ คือการที่คนคนนั้นจะปฏิเสธรักจากอีกคนในทันที
ในขณะที่หลินเยียนเริ่มคิดฟุ้งซ่าน เธอก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเผยอวี้เฉิงเป็นจังหวะราวดนตรีจากเชลโล
“ถ้าอย่างนั้น…ฉันจะคบกับเธอ”
หลินเยียนพูดไม่ออก
หลินเยียนเงยหน้าซีดๆ ขึ้นด้วยสีหน้าตกใจและงงงัน เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเผยอวี้เฉิงจะตอบตกลง
ความรู้สึกตอนถูกฟ้าผ่าทั้งเป็นคือแบบนี้นี่เอง
ซวยแล้ว…เธอกำลังเล่นอยู่กับไฟ…
ตอนที่ 64 ฉันมีความสุขมากจริงๆ!
ทำไมเขาถึงตอบตกลงง่ายนัก
จริงๆ เขาควรปฏิเสธเธอไม่ใช่เหรอ?
และเธอก็ต้องก้มหน้ายอมรับการปฏิเสธของเขา เหมือนที่ใครๆ เขาก็ทำกันไง
คุณผู้ชาย ทำไมถึงไม่ทำตามบทล่ะ
“แค่ก แค่ก แค่ก…” หลินเยียนที่กำลังขวัญหนีดีฝ่อไอไม่หยุด “ท่าน…ท่านประธานเผย…ฉันได้ยินผิดไปหรือเปล่า…คุณ…คุณจะคบกับฉัน?”
เผยอวี้เฉิงยื่นมือมาลูบหลังเธอเบาๆ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังไอ “ได้ยินไม่ผิดหรอก”
หัวสมองของหลินเยียนระเบิดตูมจนคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป…
จิตใจของหลินเยียนสับสนวุ่นวายในขณะที่ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ เธอพยายามกระเถิบหนีเผยอวี้เฉิง แต่ตัวตนที่เธอเพิ่งสร้างขึ้นมาเมื่อครู่นี้ไม่ยอมให้เธอทำเช่นนั้น
เธอนั่งคุกเข่าบนโซฟาตัวแข็งทื่อด้วยแรงปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ชายหนุ่มยังคงยิ้มให้เธอด้วยท่าทีผ่อนคลายและใจเย็น “คุณหลิน เป็นอะไรไป”
หลินเยียนอ้าปากค้างใส่เผยอวี้เฉิงก่อนโพล่งออกมาอย่างลืมตัวว่า “ท่านประธานเผย สายตาไม่ดีหรือเปล่าคะ”
เผยอวี้เฉิงพูดไม่ออก…
หลินเยียนรีบให้คำแนะนำ “อะแฮ่ม ที่ฉันจะสื่อก็คือ แม้จะเป็นผู้ชายแต่ก็ต้องรู้จักป้องกันตัวเองนะคะ ผู้หญิงทุกวันนี้น่ากลัวจะตายไป ฉันเลยคิดว่า คุณควรไตร่ตรองให้ดีกว่านี้อีกสักนิด”
เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเผยอวี้เฉิงจะไร้เดียงสาและใสซื่อในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวได้ขนาดนี้
เคยมีใครจีบเขาติดบ้างไหมเนี่ย?
มือของเผยอวี้เฉิงที่กำลังลูบหลังหลินเยียนเบาๆ พลันหยุดลงครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าเขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่เธอว่า “ก็จริง” เขาตอบ
หลินเยียนตอบกลับ “ใช่ค่ะ! ท่านประธานควรคิดให้รอบคอบนะคะ”
เผยอวี้เฉิงมองหญิงสาว “คุณหลิน คุณพยายามจะบอกใบ้ว่าเราควรแต่งงานกันแทนใช่มั้ย”
หลินเยียนอึ้ง
ทำไมเขาถึงได้มีแนวคิดที่ชวนขนลุกแบบนี้
หลินเยียนส่ายหัวไปมา “ไม่ ไม่ ไม่ใช่…ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ ฉันไม่ได้มีเจตนาจะแต่งงานกับคุณด้วย! ฉันหมายความว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงาน!”
หลินเยียนละล่ำละลักไม่เป็นภาษาขณะอธิบายพลางพยายามใส่ร้ายป้ายสีตัวเองอย่างเต็มที่
แต่เผยอวี้เฉิงยังคงสีหน้าเรียบเฉยเมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาสีดำสนิทราวท้องฟ้ายามค่ำคืนส่องประกายอยู่เบื้องหลังแว่นตาของเขา
“ก็ไม่ได้จะบังคับให้แต่งงานหรอกนะ” เผยอวี้เฉิงพูดแทรก
หลินเยียนตะลึงตัวแข็ง…
เป็นไปได้เหรอ?
แต่เมื่อคิดอีกมุมแล้ว เธอก็พอจะเข้าใจได้…
เผยอวี้เฉิงอาจเห็นเธอเป็นของแปลกที่น่าสนใจจึงตกลงคบหากับเธอเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เขากลับคิดเกินเลยไปถึงเรื่องแต่งงานได้ยังไง…
หรือว่าหลินเยียนอาจวิตกกังวลไปเอง
เพราะผู้ชายร่ำรวยแบบนี้มักเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องปกติ
เมื่อคิดได้แบบนี้ หลินเยียนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่กระนั้น เธอก็เริ่มจิตตกอีกครั้ง
ทำไมกัน?
ทำไมทุกอย่างจึงมาถึงขั้นนี้ได้?
เธอแค่ต้องการจะประจบประแจงเขาเท่านั้น ทำไมเธอถึงตกที่นั่งลำบากแบบนี้ได้…
“คุณหลินคิดว่าไงล่ะ” เผยอวี้เฉิงมองเธอขณะเฝ้ารอคำตอบ
หลินเยียนพูดอะไรไม่ออก
คิดว่าไง…จะให้เธอคิดว่าอะไรได้อีก
เธอเป็นผู้หญิงหน้าไม่อาย…ที่แอบย่องตามเขาไปทั้งที่โรงพยาบาลและที่บ้าน หนำซ้ำยังยอมรับหน้าชื่นตาบานอีกว่าตกหลุมรักเขา…
เป็นแบบนี้แล้วจะให้เธอปฏิเสธเขาได้ยังไง จะให้บอกว่าเธอไม่ได้อยากคบหากับเขา และเป็นแค่พวกโรคจิตชอบสะกดรอยตามอย่างนั้นเหรอ
หลินเยียนรู้สึกราวกับหัวใจของเธอกำลังร้อนระอุราวกระทะที่วางอยู่บนเตาไฟ “ฉัน…คิดว่า…ฉัน…มีความสุขมากเลยค่ะ…”