วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก ตอนที่ 10

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0010

บทที่ 5 นักล่า (1)

* * *

สมัยยังเอาตัวรอดในต่างโลก ฉันเองก็เริ่มต้นชีวิตที่เมืองหนึ่ง เมื่อลองคิดดูให้ดี มันเป็นเมืองที่ค่อนข้างใหญ่

แน่นอน ฉันถูกผลักไสออกมาหลังจากผ่านไปหนึ่งปี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีโอกาสเตร็ดเตร่อยู่พักใหญ่

สิ่งสำคัญที่ฉันได้รับมา คือภาษารูนและประโยคที่ค่อนข้างพิเศษ

『ข้าฝังดาบแห่งราชันไว้ที่นั่น อาณาจักรทองคำที่ถูกเทพทอดทิ้ง』

『ชายผู้ถือดาบแห่งราชันไว้ในมือ』

『จักประทับบนบัลลังก์ชั่วนิรันดร์』

เมื่อวาดประโยคนี้ลงบนพื้นและท่องภาษารูนที่แปลว่า ‘สตาร์ต’ ทรายจะสั่นและก่อตัวเป็นเมือง ไข่มุกแสงสิบสองเม็ดและดาบจะลอยขึ้นในอากาศ

ฉากดังกล่าวคงอยู่ประมาณสามสิบวินาทีถึงห้านาที แต่ละครั้งนานไม่เท่ากัน

“แปลกมาก”

จริงอยู่ ภาษารูนมีพลังในตัวเอง แต่ก็ใช่ว่าจะตะโกนส่งเดชได้ มันมีกฎตายตัว

ทว่า

『ข้าฝังดาบแห่งราชันไว้ที่นั่น อาณาจักรทองคำที่ถูกเทพทอดทิ้ง』

ทั้งที่ประโยคนี้ไม่มีคำว่า ‘โมหส์’ ซึ่งแปลว่าไฟหรือ ‘ลูดิน’ ซึ่งแปลว่าแสง แต่มันกลับสร้างแสงหลากสี

ทั้งที่รูปประโยคดูธรรมดาราวกับเนื้อหาในไดอารีของใครสักคน แต่สีสันกลับฉูดฉาดยิ่งกว่าประโยครูนที่ฉันทุ่มเทกายใจคิดขึ้น

เหนือสิ่งอื่นใด รอยสักรูปเขี้ยวสีแดงบนหลังมือซ้าย จะปรากฏขึ้นหลังจากท่องประโยคนี้เท่านั้น

ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยสักแม้แต่ครั้งเดียว

รอยสักล่องหนอยู่บนหลังมือของฉันตั้งแต่ตอนไหน?

คำตอบของคำถามข้างต้น หาได้ด้วยวิธีการง่ายๆ

“ถ้าค่อยๆ สืบไป ท้ายที่สุดก็จะพบคำตอบเอง”

แม้แต่ในยามดิ้นรนอยู่บนต่างโลก ทุกครั้งที่นึกถึงความอัศจรรย์ของเรื่องราวนี้ ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้ม

จนกระทั่งได้กลับโลก เมื่อไม่ต้องคิดเรื่องการเอาชีวิตรอด ขุมทรัพย์จึงมิใช่แค่ความฝัน แต่กลายมาเป็นเป้าหมายหลักของชีวิต

พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ท้องฟ้าเริ่มสลัว ฉันจ้องมองเต็นท์ใต้หมู่ดาราที่เปล่งปลั่งยิ่งกว่าแสงดาวบนโลก

“ศึกษาภาษารูน สำรวจต่างโลก ไขปริศนาประโยคนี้…”

และท้ายที่สุด ตามหาดาบแห่งราชัน

แม้จะยังไม่มีแผนการเป็นรูปธรรม แต่แค่ได้คิดก็ทำให้ฉันอมยิ้ม

ขณะกำลังดำดิ่งในห้วงอารมณ์

“…?”

เมื่อหันศีรษะ ฉันเห็นแสงไฟจากหมู่บ้าน

ประเด็นสำคัญก็คือ สายลมที่พัดจากทิศทางดังกล่าว หอบกลิ่นเลือดมาด้วย

“…”

ไม่ใช่แค่กลิ่นเลือด

เป็นกลิ่นที่ฉันเคยดมมาก่อน สมัยที่เคยอาศัยอยู่ในเมือง

“มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

กลิ่นของแวมไพร์

* * *

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยจ้องเต็นท์พลางยิ้ม

“มีลูกค้าบ้างไหม”

“มีลูกค้าบ้างไหม? เฮ้! ชาโซฮี!”

“มีอะไร!”

เสียงผู้หญิงดังมาจากด้านหลังเต็นท์

“มีลูกค้าบ้างไหม?”

“ทำไมถึงมาถามฉัน? เจ้าบ้า!”

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยอมยิ้ม

“คุณซอนฮูคงไม่สนใจเรื่องเงินทองสินะ”

“แค่เลี้ยงตัวเองไปวันๆ ก็พอแล้ว เหมือนกับการเปิดคาเฟ่เล็กๆ แถบชนบท”

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยพยักหน้า จากนั้นก็เข้าประเด็น

“ใบอนุญาตก่อสร้างออกแล้วเมื่อเช้า คุณสามารถสร้างอาคารที่นี่ได้”

“ใช้ได้แค่วัสดุประเภทไม้ในต่างโลก?”

“ถูกต้อง และอาคารห้ามสูงเกินสองชั้น”

นี่คือกฎเหล็กสำหรับตบตาชาวต่างโลก

ถึงตรงนี้ ฉันมีคำถาม

“ชาวต่างโลกแวะมาที่นี่บ่อยไหม?”

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยส่ายศีรษะ

“สองรายในสองปี ผมไล่ออกจากหมู่บ้านทุกกรณี”

“หืม… ทำไมถึงต้องไล่?”

“เป็นนโยบายที่ถูกกำหนดในข้อตกลงระหว่างประเทศ ผมแค่ทำตามหน้าที่… ถ้าชาวต่างโลกค้นพบการมีอยู่ของโลก คงเกิดปัญหาวุ่นวายตามมาอีกมาก”

แหงอยู่แล้ว ถ้าไม่มีข้อมูลของอีกฝ่าย ก็ต้องปกปิดไม่ให้อีกฝ่ายรู้ข้อมูลของเรา

ฉันเอนหลังลงบนเก้าอี้ หลับตาลงท่ามกลางแสงแดด

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยครุ่นคิดสักพักก่อนจะเปิดปาก

“ตอนนี้คุณรับลูกค้าไหม”

“คุณหาให้ผมได้หรือ? จะแนะนำใคร?”

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเกาคางพลางยิ้มเขินอาย

“ผมเอง”

* * *

“มีฟาร์มอยู่ทางทิศตะวันออกของเบสแคมป์ ทิศเดียวกับป่าเบอร์มิวด้า ไม่ใช่สถานที่สำคัญอะไรนัก มีไว้สำหรับทำปศุสัตว์ต่างโลกและเลี้ยงวัวของโลกมนุษย์ จุดประสงค์หลักคือการสนับสนุนด้านอาหาร”

“มีของแบบนั้นด้วยหรือ ผมไม่เคยเห็น”

“ในช่วงหลัง ปศุสัตว์บางส่วนหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา”

“ไม่ใช่ฝีมือหมาป่าสคาเวนหรือ”

“ไม่เคยมีใครเห็นคนร้าย ผมไม่คิดว่าสัตว์ป่าจะผ่านแนวเฝ้าระวังของเวรยามเข้ามาได้”

แม้หมาป่าสคาเวนจะดุร้าย แต่พวกมันไม่ฉลาดนัก ต้นเหตุคงเป็นอย่างอื่นมากกว่า

“อันที่จริง เจ้าของฟาร์มจ้างฮาวนด์สองคนคอยเฝ้าฟาร์มแล้ว”

“แล้วทำไมถึงต้องจ้างผม”

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเกาคาง พิจารณาจากสีหน้า เดาได้ไม่ยากว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก

“ฮาวนด์จะทำสัญญากับคนที่ยอมทุ่มหมดหน้าตักเท่านั้น พวกเขาจึงมีนิสัยไม่น่าคบหาสักเท่าไร”

“…พวกเขาประวิงเวลา?”

“ถูกต้อง ยิ่งสถานการณ์ย่ำแย่เพียงใด ฮาวนด์ก็ยิ่งเรียกเงินเพิ่มได้มาก ผมไม่เชื่อใจพวกเขา”

กล่าวจบ เขามองมาทางฉัน

“จริงอยู่ เจ้าของฟาร์มจ้างฮาวนด์ด้วยเงินของตัวเอง แต่ผมไม่อยากรอให้สถานการณ์บานปลายจนสายเกินแก้ บรรยากาศในเบสแคมป์ย่ำแย่มากพออยู่แล้ว… เกรงว่าผู้คนจะยิ่งกังวลกว่าเดิม”

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยไม่ใช้เจ้าหน้าที่ภาครัฐ เป็นแค่พนักงานของบริษัทเอกชน แต่ถึงอย่างนั้นก็มืออาชีพมาก

ดวงตาของเขาทำให้ฉันรู้สึกคล้อยตาม

“ผมต้องจ่ายคุณเท่าไร”

“ตีราคายากเหมือนกัน งานนี้ผมต้องลงมือด้วยตัวเอง… สักยี่สิบเป็นไง…”

“ยี่สิบหรือ… หืม…”

ฉันเชื่อว่าภารกิจคราวนี้ไม่น่าจะยากเย็นอะไร

“ผมว่ายี่สิบน้อยไป จะเพิ่มข้อเสนอให้ก็แล้วกัน”

“ว่ามา”

“ผมจะช่วยคุณสร้างอาคาร การหาวัสดุคงเป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับคุณ”

ถูกเผง

นี่ไม่ใช่งานที่จะจ้างบริษัทรับเหมาแล้วก็จบ เพราะกฎเหล็กคือการห้ามใช้วัสดุจากโลกมนุษย์

เป็นข้อเสนอที่ไม่เลว

อันที่จริง ฉันสนใจตั้งแต่ก่อนจะได้ยินข้อเสนอเพิ่มแล้ว

ชาโซฮีโผล่หน้าออกมาพูด

“ลูกค้าคนแรก?”

“เธอต่างหากที่เป็นคนแรก”

ได้ยินเช่นนั้น เธอยิ้มพลางโบกมือให้

“ตั้งใจทำงานล่ะ ฉันจะจัดของให้เข้าที่เข้าทางเอง”

ในระยะหลัง เมื่อมีเวลาว่าง เธอจะแวะมาทำนู่นทำนี่ให้เสมอ ถึงจะบอกว่าเป็นงานอดิเรก แต่ก็คงไม่สะดวกนักเพราะต้องทำงานประจำไปด้วย

ราวกับเธอกำลังใส่ความฝันของตัวเองลงในธุรกิจของฉัน

คิดถึงตรงนี้ ฉันสะพายกระเป๋าเป้เดินเข้าไปในหมู่บ้าน

* * *

“ก่อนจะไปสะสางปัญหา ผมจะเล่าเรื่องที่ตัวเองรู้ให้คุณฟัง… ยังจำโรงแรมที่ผมนัดพบคุณคราวก่อนได้ไหม เจ้าของโรงแรมก็คือ…”

“เจ้าของฟาร์ม?”

หัวหน้าหน่วยรักษาความเงยหน้ามองฉันด้วยดวงตาเบิกกว้าง ตามด้วยผงกศีรษะ

“ใช่ คุณรู้ด้วยหรือ?”

“ขอเดาว่า คุณไม่พบเบาะแสการหายตัวไปของสัตว์ในฟาร์ม”

“ถูกต้อง นั่นคือเหตุผลที่คดีนี้แปลกมาก”

“ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีใครในหมู่บ้านเห็นหนูหลายสิบตัวเดินเพ่นพ่านบ้างไหม?”

“…”

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยชะงักฝีเท้า

“มี… เมื่อสองวันก่อน”

“พยานให้การว่าได้กลิ่นเลือด?”

“…ใช่”

สีหน้าของหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเปลี่ยนกลับไปเคร่งขรึมอีกครั้ง

“…คุณเข้าใจสถานการณ์แล้ว?”

ฉันยังคงเดินต่อไป

“ถ้าปศุสัตว์หายตัวไป แปลว่าพวกมันต้องถูกซ่อนไว้ที่ใดสักแห่งใช่ไหม”

“ก็คงใช่”

“แต่ไม่ว่าคุณจะเค้นสมองคิดมากเพียงใด ก็จับมือใครดมไม่ได้เลย?”

“ใช่…”

“ผมคิดว่าผมรู้แล้ว”

ฉันหยุดเดินเมื่อถึงใจกลางหมู่บ้าน หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยยืนมองจากด้านหลัง

“ความจริงก็คือ ปศุสัตว์ไม่เคยถูกขโมยไป”

“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า…”

“เป็นฝีมือเจ้าของโรงแรม”

“เขาทำแบบนั้นทำไม? และถ้าตัวเองนำไปซ่อน ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องจ้างฮาวนด์สองคน”

“พวกเขาน่าจะสมรู้ร่วมคิดกัน”

“สมรู้ร่วมคิด?”

“คุณรู้จักแวมไพร์ไหม? หนึ่งในเผ่าพันธุ์ของต่างโลก”

“…รู้จัก เผ่าพันธุ์ต่างโลกที่กินเลือด”

“เมื่อแวมไพร์ตกอยู่ในอันตราย พวกมันจะส่งสัญญาณหาพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ โดยการปล่อยกลิ่นที่คล้ายกับเลือด”

คล้ายกับรู้เจตนาของฉัน หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยมองตามสายตาฉันไป

“…หรือว่า”

“ขอชมจากใจจริง คุณหัวไวมาก”

“…เจ้าของโรงแรมแอบกักขังแวมไพร์?”

หงึก

“ทำไมคุณถึงสรุปแบบนั้น?”

“กลิ่นคล้ายเลือดมาจากโรงแรม”

ไม่มีหลักฐานทางวัตถุ เป็นแค่ความรู้สึกของฉัน

แต่ก็ไม่จำเป็นต้องหาหลักฐาน เพราะฉันมั่นใจว่าเป็นที่นี่

“คุณหัวหน้าหน่วย ช่วยรอที่นี่สักครู่ได้ไหม”

“…”

“ผมจะจัดการให้เร็วที่สุด”

* * *

อาจเป็นเพราะมีข่าวลือหนาหูตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าลูกค้าโรงแรมลดลงมาก

กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ดูบางตา เหลือบมองคังซอนฮูสักพักก่อนจะกลับไปสนทนากันเอง

คังซอนฮูเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ทันที

ชายกำยำสองคนกำลังยืนจีบพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์

“เจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ? คราวนี้ฉันกับหมอนี่พบรังของหมาป่าสคาเวน”

“ใช่ค่ะ ฮิฮิ… พวกคุณเจ๋งมาก”

“จะบอกอะไรให้ ในแถบนี้ ผลงานของพวกเราโดดเด่นติดท็อปร้อยของสมาคมฮาวนด์”

“สุดยอด…”

เห็นได้ชัดว่าพนักงานสาวตอบแบบขอไปที ซึ่งฮาวนด์ทั้งสองก็มองออก พวกมันจึงเผยท่าทีหงุดหงิด

“นี่… ทำไมเธอบริการลูกค้าห่วยแตกชะมัด”

“ฉันเป็นพวกนิสัยไม่ดีซะด้วยสิ”

จากด้านหลัง ชายศีรษะล้านผู้มีรอยสักบนหัว ทยอยพรั่งพรูถ้อยคำข่มขู่

“เธอก็รู้ใช่ไหมว่าเราทำงานให้ท่านประธาน? ฉันแค่อยากชวนเธอมาดื่มด้วยกัน ทำไมถึงได้โง่นัก…”

ตึง!

ฉันวางกระเป๋าเป้ลงบนเคาน์เตอร์ด้วยเสียงอึกทึก

“ไอ้เวร… ตกใจหมด”

“ปอดแหกชะมัด”

ในท่ายืนกอดอก ฮาวนด์หัวล้านหัวเราะเยาะเพื่อน

คังซอนฮูมิได้แยแส พูดเข้าประเด็นทันที

“นี่…”

“ค…ค่ะ! คุณลูกค้าจะเข้าพักใช่ไหมคะ?”

“เจ้าของที่นี่อยู่ไหม”

“เอ่อ… อยู่ชั้นบนค่ะ”

“เรียกลงมาให้หน่อย”

คำขอร้องอันแปลกประหลาดทำเอาพนักงานสาวไปไม่เป็น

“เอ่อ… ถ้าไม่ว่าอะไร ดิฉันขอทราบธุระของคุณได้ไหม?”

“บอกกับเขาว่า ผมมาช่วยจัดการปัญหาปศุสัตว์หายตัวไป”

“…อะไรนะ?”

ฮาวนด์ที่ยืนฟังจากด้านข้างพลันขมวดคิ้ว

“ขอประทานโทษ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร?”

แม้จะรูปประโยคจะสุภาพ แต่น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากชัดเจน อย่างไรก็ดี คันซอนฮูไม่แม้แต่จะชายตามอง

“พวกเรารับงานนี้ก่อนแล้ว ยังมีคนกล้าจ้างงานซ้อนด้วยหรือ? ไม่สิ คุณเป็นฮาวนด์ใช่ไหม? ขอดูบัตรสมาชิกของสมาคมหน่อย”

“หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยจ้างฉันมา”

“…หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย?”

“ไอ้เวรนั่นแอบแทงข้างหลังอีกแล้ว”

“ว่าแต่… ทำไมแกถึงพูดเป็นกันเองกับฉัน? เราสนิทกันหรือ?”

ฮาวนด์ทั้งสองปรี่เข้าใส่ทันที

ขณะคังซอนฮูเตรียมดึงมือออกจากกระเป๋ากางเกง

“ทุกคนใจเย็นก่อน! ฮะฮะ! ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีกว่า”

เป็นเสียงเจ้าของโรงแรมที่เดินลงบันได อีกฝ่ายเป็นชายโหนกแก้มใหญ่ สวมรอยยิ้มธุรกิจตลอดเวลา

“มีธุระอะไรหรือครับ?”

“ผมมาตามคำขอของผู้ว่าจ้าง… คุณน่าจะรู้ดีว่าเรื่องอะไร”

ในเวลาเสี้ยววินาที คังซอนฮูสังเกตเห็นว่า คิ้วเจ้าของโรงแรมขมวดชนกันและคลายออก

“ฮะฮะ…! แน่นอน ผมทราบว่าเรื่องอะไร แต่ผมจ้างฮาวนด์มาจัดการแล้ว ช่วยบอกได้ไหมว่าใครจ้างคุณมา?”

“หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย เขาว่าจ้างผมเป็นการส่วนตัว”

“หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย… เป็นเขานี่เอง ฮะฮะ! ชอบช่วยคนจริงๆ เลยนะ”

คังซอนฮูจ้องหน้าเจ้าของโรงแรมไม่กะพริบตา

“แล้วผมจะช่วยคุณได้ยังไงบ้าง? แต่ขอแจ้งให้ทราบ ผมออกไปข้างนอกไม่ได้ ต้องอยู่เฝ้าโรงแรมในตอนกลางวัน”

“ผมไม่อยากคุยในที่แจ้ง ช่วยเตรียมห้องได้ไหม”

“ไม่มีปัญหา… เชิญทางนี้ครับ”

ด้านหลังเคาน์เตอร์ คังซอนฮูถูกนำทางไปยังห้องที่ดูเหมือนสำนักงาน

จริงอยู่ อาคารหลังนี้กว้างจนสามารถสร้างเป็นโรงแรม แต่ห้องสำนักงานกลับอยู่ลึกกว่าที่ฉันคิดไว้มาก

แน่นอน พวกฮาวนด์ก็ตามมาด้วย

พวกมันขนาบคังซอนฮูซ้ายขวา ประหนึ่งต้องการสร้างแรงกดดัน

ยิ่งเข้าใกล้ห้อง กลิ่นเลือดก็ยิ่งฉุนจมูก

* * *

ชายผู้เป็นเจ้าของโรงแรมและฟาร์มปศุสัตว์ ซึ่งคนส่วนใหญ่เรียกกันว่า ‘ท่านประธาน’ ยืนจ้องชายลึกลับด้วยใบหน้าสงบนิ่ง

มันเคยได้ยินชื่อคังซอนฮูมาก่อน แต่ก็ไม่เคยเห็นหน้า เป็นข่าวลือปากต่อปากจากหน่วยรักษาความปลอดภัย ว่าชายคนนี้สามารถจัดการกับหมาป่าสคาเวนตามลำพัง

นอกจากนั้น

‘ชายผู้มีดวงตาเหมือนสัตว์ร้าย’

หน่วยรักษาความปลอดภัยบางคนนิยามไว้เช่นนั้น แต่ตัวจริงกลับตรงกันข้าม แววตาค่อนไปทางใสซื่อ

‘มีไอ้พวกขยะเข้ามาจุ้นอีกแล้ว’

อีกฝ่ายรับงานมาจากหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยโดยตรง มันจึงมิอาจไล่กลับอย่างไร้มารยาท เพราะถ้าอยากทำธุรกิจภายในเบสแคมป์ สิ่งจำเป็นคือการซื้อใจหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย

ปล่อยให้มันตรวจสอบพอเป็นพิธี… ยังไงก็ไม่มีทางถูกจับได้…

คิดถึงตรงนี้ ท่านประธานเดินเข้าไปในห้องและหันหลังกลับ

“นั่งลงสิครับ ผมจะยกชามาให้…”

แกร่ก—

ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก

ทันทีที่เข้ามาในห้อง คังซอนฮูก็ล็อกประตูทันที

“…”

ฮาวนด์ทั้งสองต่างพากันกลืนน้ำลายหน้าเครียด

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องทำแบบนี้ ช่วยนั่งลงและอธิบาย…”

“แวมไพร์”

คำพูดแรกของชายลึกลับ มากพอจะทำให้เม็ดเลือดหายไปจากใบหน้าพวกมันโดยสมบูรณ์

“ลักพาตัวมาทำไม?”

ฮาวนด์ทั้งสองมองตากัน ก่อนจะหันไปมองท่านประธาน

“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร น่าจะมีการเข้าใจผิดกัน ช่วยนั่งลงและอธิบาย…”

“ชั้นใต้ดินของอาคารหลังนี้เต็มไปด้วยกลิ่นเลือด”

กลิ่นเลือด? ทันทีที่ได้ยิน เจ้าของโรงแรมรีบฟุดฟิดจมูก แต่ก็ไม่ได้กลิ่นอะไร

หลังจากให้อาหาร ที่นั่นถูกทำความสะอาดทุกครั้ง…

ไม่มีทางทิ้งกลิ่นใดไว้

“จับมาขายสินะ… ก็เข้าใจได้ พวกแวมไพร์หน้าตาดีเป็นพิเศษ แต่นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง”

กึก

ตรงข้ามกับเนื้อหาที่พูด ท่าทีของคังซอนฮูเป็นไปอย่างผ่อนคลาย ถึงกับนั่งลงเพื่ออธิบาย

ที่ด้านหลัง ฮาวนด์และท่านประธานสบตากัน ชายหัวล้านเจ้าของรอยสักแอบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ

ท่านประธานพยักหน้าส่งสัญญาณ

ในเวลาเดียวกัน

สวบ—

ในมือที่ดึงออกจากกระเป๋า มีมีดคมกริบหนึ่งเล่ม

ปลายมีดพุ่งตรงเข้าใส่ลำคอคังซอนฮูทันที

เปรี้ยง!

คังซอนฮูที่ลุกขึ้น หมุนตัวกลับพร้อมกับประเคนหมัดใส่ใบหน้าฮาวนด์คนดังกล่าว

“อะ…”

ฮาวนด์หัวล้านหมดสติไปโดยไม่แม้แต่จะส่งเสียง

“ไอ้เวรเอ้ย… อุ๊? อุก!”

หมับ

เพื่อจะรัดคอ คังซอนฮูบิดแขนของฮาวนด์อีกคนที่จู่โจมจากด้านหลัง จากนั้นก็ใช้มือปิดปากมิให้ส่งเสียงร้อง

หลายสิ่งเกิดขึ้นในชั่วพริบตาจนนับไม่ไหว

ท่านประธานจ้องหน้าคังซอนฮูด้วยร่างกายสั่นเทา

สีหน้าแสนสุขุมของมัน อันตรธานหายไปโดยสิ้นเชิง

ใบหน้าและดวงตาที่เคยไร้อารมณ์ จดจ่อไปยังจุดเดียวโดยไม่ขยับเขยื้อน

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก , 고인물은 이계가 너무 쉽다
Score 8.9
Status: Ongoing
อ่านนิยายวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก หลังจากเอาตัวรอดในต่างโลกอย่างยากลำบากเป็นเวลานาน ในที่สุดคังซอนฮู นักผจญภัยมากประสบการณ์ก็มีโอกาสได้กลับมายังโลกมนุษย์ แต่กลับต้องพบว่า เวลาบนโลกเพิ่งผ่านไปเพียงสองปี และการสำรวจต่างโลกนั้นแทบไม่มีความคืบหน้าเลย ผู้คนแทบไม่มีข้อมูลของต่างโลก ไม่เพียงเท่านั้น ภาษารูนที่มนุษย์โลกสรรเสริญประหนึ่งเวทมนตร์ คังซอนฮูกลับใช้มันได้อย่างชำนาญราวกับภาษาแม่ แถมยังมีแวมไพร์สาวสวยปริศนา ผู้สามารถมองเห็น 'โฉม' ของดวงวิญญาณได้อีก ที่ผ่านมา คังซอนฮูใช้ชีวิตแบบใดกันแน่ และสิ่งใดอยู่เบื้องหลังการดิ้นรนเอาชีวิตรอดตลอดหลายปีของเขา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset