วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0013
บทที่ 6 ฉันจะสอนให้รู้จักต่างโลกเอง (2)
* * *
OWIC บริษัทวิจัยเกี่ยวกับต่างโลก
ภายในห้องวิเคราะห์แบบบูรณาการของทีมหนึ่งแห่งแผนกยุทธศาสตร์ การบรรยายสรุปผลกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น
==========================
<รายงานบุคคล>
ชื่อ: ซอจีอา
อายุ: ไม่มีข้อมูล
… …
ลักษณะเด่น:
– อันดับสิบแห่งสมาคมฮาวนด์ มีลูกน้องสิบสี่คน (โดยประมาณ)
– สันนิษฐานว่าอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายต่างโลกเพื่อก่ออาชญากรรมและทำเงิน
… …
============================
“หมายความว่า ฮาวนด์หัวโจกที่ชื่อซอจีอากำลังเพ่งเล็งคังซอนฮู?”
“หน่วยข่าวกรองแจ้งเข้ามาเมื่อคืน ระดับความแม่นยำคือหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ทำไมจู่ๆ เขาถึงถูกฮาวนด์ตามล่า?”
หัวหน้าแผนก ‘จองจีฮุน’ นำรายงานขึ้นจอ
“ฮาวนด์สองคนที่เป็นลูกน้องซอจีอา ถูกจับกุมในข้อหาพยายามลักลอบนำเข้า AS (Another Species) โดยไม่ได้รับอนุญาต พวกเขาจึงพยายามแก้แค้นคังซอนฮู”
“แก้แค้นคังซอนฮู?”
“ฮาวนด์ที่ทำงานกับเจ้าของโรงแรมซ่อน AS ไว้ใต้อาคาร พวกเขาคงกำลังเตรียมตัวข้ามประตูมิติ แต่ถูกคังซอนฮูจับได้เสียก่อน”
“จับได้? ยังไง?”
“จากคำให้การของหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย…”
จองจีฮุนลังเลเล็กน้อย เพราะตามความคิดของมัน สิ่งที่จะพูดถัดไปฟังดูค่อนข้างเหลวไหล
“เขาบอกว่าคังซอนฮูได้กลิ่น”
“ได้กลิ่น? หมายถึงเจอเบาะแส?”
“ไม่ใช่การเปรียบเปรย แต่เป็นกลิ่นจริงๆ”
“…เขาไม่ได้ถือครองวัตถุต้องห้ามจากต่างโลกใช่ไหม?”
จองจีฮุนส่ายหน้า
“ทันทีที่กลับมายังโลก คังซอนฮูอยู่ภายใต้ความดูแลของบริษัทเรา มีการตรวจค้นสัมภาระอย่างละเอียดและไม่พบสิ่งใดพิเศษ แน่นอน เนื่องจากไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องยึดทรัพย์ ทางเราจึงคืนทรัพย์สินทั้งหมดกลับไป”
จริงอยู่ มีขวานประหลาดอยู่หนึ่งเล่ม และวัสดุที่ใช้สร้างก็ยังน่ากังขา แต่ภาพรวมของขวานไม่มีพลังพิเศษ
“…หัวหน้าแผนกสืบสวนกำชับว่า พวกเราต้องดึงคังซอนฮูมาเป็นพวกให้ได้”
“เห็นด้วย เขาสามารถดำรงชีวิตในต่างโลกได้อย่างน้อยสองปี ก็ไม่แปลกที่แผนกสืบสวนจะต้องการตัว”
“…นั่นคือเหตุผลที่พวกเรา เหล่าบุคลากรชั้นนำของบริษัท ต้องมารวมตัวกันที่ห้องวิเคราะห์บูรณาการในวันนี้?”
พักหลังมานี้ ชื่อของคังซอนฮูโด่งดังอย่างมากใน OWIC
แต่จองจีฮุนส่ายหน้า
“นักวิจัยจากสำนักงานใหญ่เขียนรายงานว่า คังซอนฮูเอาตัวรอดในต่างโลกนานกว่าเจ็ดปี แต่ตามความเห็นของผม เรื่องนี้ไม่มีหลักฐานยืนยันพวกเราจึงต้องอนุมานด้วยระยะเวลาสองปีไปก่อน ตัวเลขดังกล่าวถึงจะฟังดูยอดเยี่ยม แต่ก็ใช่ว่าต้องปูพรมต้อนรับเขาอย่างยิ่งใหญ่”
“อา…”
โกซึงทักตอบสนองต่อคำพูดจองจีฮุน
“ใช่แล้ว การดำรงชีวิตในต่างโลกไม่ได้พิสูจน์อะไร”
“ถูกต้อง”
“แต่ก็คงมีฝีมือพอตัวไม่ใช่หรือ? ผมว่าน่าจะเก่งกว่าพวกฮาวนด์”
“แล้วแผนของคุณคืออะไร”
โกซึงทักรับหน้าที่พรั่งพรูแผนการที่เตรียมไว้ล่วงหน้า
“ทำให้อีกฝ่ายติดหนี้บุญคุณ… สิ่งนี้มีอำนาจมากกว่าที่ทุกคนคิด”
กล่าวจบ มันชี้ไปทางจอภาพอีกครั้ง
“ฮาวนด์ที่ชื่อซอจีอา วางแผนจะจู่โจมคังซอนฮูใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่”
“จีฮุน ขณะคังซอนฮูถูกจู่โจม นำคนของเราไปปกป้องในจังหวะคับขัน… ทำได้ใช่ไหม?”
“ทำได้”
“จากนั้นก็ยื่นนามบัตรของคุณให้เขาไป ครั้งแรกพอแค่นี้ก่อน ถ้าเราค่อยๆ ตะล่อม สุดท้ายเขาจะเคลื่อนไหวตามความต้องการของเรา”
“ผมจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้”
“เร่งมือหน่อย ถ้าไม่อยากให้เขาถูกซอจีอาฆ่า”
จองจีฮุนพยักหน้ารับ
* * *
ห่างออกไปจากฉันและชาโซฮี แวมไพร์ตนหนึ่งกำลังนั่งเล่นช้อน ส่วนพวกเรากำลังกินมื้อเที่ยง
“…กินเก่งชะมัด”
นั่นคือความรู้สึกของฉัน ทว่า
“…ซุปเลือดวัวบุกต่างโลกแล้ว! ชาวอเมริกันซึ่งเป็นผู้บุกเบิกกำลังตกตะลึงกับการเผยแพร่วัฒนธรรมของชาวเกาหลี! ญี่ปุ่นตามหลังอย่างเห็นได้ชัด! ระลอกคลื่นของเกาหลีจะกระเพื่อมได้ไกลเพียงใดกัน?”
ชาโซฮีกำลังเจื้อยแจ้ว
“…ถ้าทำยูทูป พวกเราดังแน่ นายไม่คิดแบบนั้นหรือ?”
สิ่งที่น่าหงุดหงิดก็คือ เรื่องที่ฟังดูเหมือนจะไร้สาระ ฉันกลับไม่ได้มองว่าไร้สาระเสียทีเดียว
อย่างไรก็ดี ฉันยืนกรานหนักแน่น
“ไม่”
“นึกแล้ว”
“ไม่ใช่ใครก็เป็นยูทูเบอร์ได้ แม้จะบังเอิญไปได้สวยในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นจะถูกวิญญาณนักถ่ายเข้าสิง”
การผลิตวิดีโอไม่ได้มีแค่การถ่ายภาพ แต่ยังรวมถึงทักษะการพูด และไอเดียเพื่อทำคอนเทนต์
ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์เพียงใด แต่ยูทูเบอร์จะถูกงานกลืนเวลาชีวิต
นั่นไม่ใช่งานอดิเรกอีกต่อไป ฉันมีสิ่งที่อยากทำอยู่แล้ว จึงไม่ขอนำเวลาชีวิตไปผลาญเล่น
“ชิ…”
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนชาโซฮีจะไม่ได้คิดแบบเดียวกัน
ฉันไม่รู้ว่าสมองเธอเตลิดไปถึงไหนแล้ว และไม่อยากรู้ด้วย จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
แวมไพร์ตนนี้เจริญอาหารผิดปรกติ… อดอยากมากี่วันแล้ว?
นั่นสินะ ไม่มีทางที่เหยื่อซึ่งถูกจับขังจะได้กินอะไรดีๆ
สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ทั้งที่หิวมากขนาดนั้น แต่หล่อนกลับไม่อาละวาด คล้ายกับพยายามรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง
“…”
แวมไพร์ที่ซัดโฮกหม้อร้อนหมดเกลี้ยงในพริบตา เมื่อได้สติกลับมา สายตาของเธอเผยความกระอักกระอ่วนในท่าคุกเข่า
ผมยังดำขลับแม้จะผ่านความทรหด และดวงตาสีแดงกับผิวพรรณอันขาวเนียน บ่งบอกชัดเจนว่าเธอไม่ใช่มนุษย์
เดรสสีแดงเข้มที่เธอสวมชำรุดในหลายจุด แต่ก็ยังหลงเหลือเค้าโครงความหรูหรา
รูปลักษณ์คล้ายกับอายุยี่สิบตอนต้น แต่ฉันรู้ดีว่าแวมไพร์คือสิ่งที่มิอาจคาดเดาอายุจากใบหน้า
ขณะฉันย่างกรายเข้าไปด้วยความระมัดระวัง แวมไพร์ออกอาการสะดุ้ง แต่ไม่เท่าครั้งที่พบกัน
ฉันหวนนึกถึงความทรงจำสมัยถูกส่งมายังต่างโลกในช่วงปีแรก
ความทรงจำเมื่อครั้งพยายามสื่อสารกับชาวเมือง
มีหนึ่งสิ่งที่ก้าวข้ามทุกวัฒนธรรมบนโลก
ฉันวางมือลงบนหน้าอก
“คังซอนฮู”
“…?”
“คัง-ซอน-ฮู”
“คัน… ซอนู?”
ชาโซฮีจากด้านหลังที่ได้ยินเข้า หัวเราะคิกคักทันที
“คันซอนู ฮะฮะฮะ! ซอนูวววว!”
“เงียบน่า”
ลิลี่ที่มองพวกเราด้วยอารมณ์ซับซ้อน ลุกขึ้นยืนปัดแข้งขา เหยียดตัวตรงและวางมือลงบนหน้าอก
จากนั้นก็ก้มศีรษะเล็กน้อย
“ลิลี่”
สวบ
ชาโซฮีเดินเข้ามาใกล้ด้วยความสนใจ ส่วนฉันยังคงยืนมองเงียบๆ
“ลิลี่·ซินก้า”
“ลิลี่… ซินก้า?”
แวมไพร์ผู้แนะนำตัวเองว่าลิลี่ พยักหน้ารับเพื่อยืนยัน
หากมีนามสกุลว่า ‘ซินก้า’ จริง ก็มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นชนชั้นสูง… ประกอบกับกิริยาท่าทาง การอดอาหารอย่างสง่างาม รวมถึงเสื้อผ้า ทั้งหมดชี้นำไปที่ข้อเท็จจริงเดียว…
ทำไมชนชั้นสูงถึงมาตกระกำลำบากแถวนี้?
ขณะคิดเช่นนั้น
“…!”
ลิลี่รีบหันหน้าไปทางหมู่บ้าน ก่อนจะวิ่งเข้าไปในกระท่อม
“ทำไมจู่ๆ ก็…?”
ชาโซฮีที่กำลังใช้ช้อนตักอาหารใส่ปากอย่างเมามัน เกิดความประหลาดใจพร้อมกับตั้งคำถาม แต่ฉันเข้าใจพฤติกรรมของลิลี่ เพราะสัมผัสได้ว่าบางสิ่งจากหมู่บ้านกำลังตรงมาที่นี่
ผู้ชายสวมฮู้ดสีดำ
“สวัสดี!”
ชายคนดังกล่าวถอดฮู้ดคลุมหัวลงและกล่าวอย่างร่าเริง เผยให้เห็นผมทรงทูบล็อกซึ่งหาได้ยาก
ท่าทางเหมือนไม่ใช่ลูกค้า ฉันจึงทำเพียงยืนมองโดยไม่พูดอะไร
ไม่แน่ใจว่าเขินอายหรือไม่ อีกฝ่ายตัดสินใจไม่อ้อมค้อม
“ผมเป็นพนักงานร้านของชำในเบสแคมป์ แวะมาที่นี่เพราะได้ยินว่ามีร้านเปิดใหม่”
“งั้นหรือ? สวัสดี”
ชาโซฮีต้อนรับประหนึ่งเป็นร้านตัวเอง
“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าเปิดร้านด้านนอกเบสแคมป์ด้วย มันอันตรายไม่ใช่หรือ? เพราะบางทีอาจจะมี…”
มันสบตากับชาโซฮีพลางยิ้ม ก่อนจะมองมาทางฉัน
“…อาจจะมีสิ่งมีชีวิตต่างโลกมาเยือนก็ได้”
ในเวลาเดียวกัน ฉันมองเห็นพฤติกรรมหลังหน้ากากรอยยิ้มนั่น
ท่าทีผ่อนคลายและมองไปรอบๆ คือการแสร้งทำเป็นเขินอาย แต่ในสายตาฉัน อีกฝ่ายกำลังวิเคราะห์และประเมินบางสิ่ง
ตัวอย่างเช่น มีอาวุธหรือไม่ โครงสร้างอาคารเป็นอย่างไร มีเบาะแสของสิ่งที่กำลังตามหาอยู่ไหม
หรืออะไรทำนองนั้น
“คุณมีธุระอะไร”
ทันทีที่ฉันถาม เขายื่นซองกระดาษให้ราวกับรออยู่แล้ว
เมื่อแกะออก ด้านในมีกระถางดอกไม้
“ผมให้เป็นของขวัญเปิดร้าน ช่วยดูแลอย่างดีด้วยล่ะ เป็นดอกไม้ที่อ่อนไหวมาก”
“…ดอกอะไรหรือ? ฉันเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก”
“ดอกไม้ริมทางที่พบได้ทั่วไปในต่างโลก ช่วงนี้กำลังได้รับความนิยม ตอนกลางวันจะมีสีขาว หัวผงกลงเล็กน้อย แต่เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน มันจะเชิดหัวขึ้นพร้อมกับเปล่งแสงสีจาง”
“จริงหรือ?”
“มันสวยมาก ตอนกลางคืนอย่าลืมเชยชมให้หนำใจ ต้นนี้กำลังบานพอดี”
“ขอบคุณมาก!”
ชาโซฮีพยักหน้ารับ อีกฝ่ายผงกศีรษะตอบ
“ผมขอตัวก่อน ไว้จะแวะมาทักทายใหม่”
ชาโซฮีมองกระถางดอกไม้ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ส่วนฉันจ้องแผ่นหลังของชายผู้กำลังเดินจากไป
* * *
หนึ่งวันในต่างโลกจะยาวนานกว่าโลกมนุษย์
ดังนั้นหากใครมีกิจกรรมตอนกลางคืน ก็ต้องมารอในต่างโลกตั้งแต่ตอนกลางวัน เพราะเคยมีกรณีที่กลางคืนของต่างโลกไม่ตรงกับโลกมนุษย์
ชายในแจ็กเกตสีดำสามคนแอบย่องออกจากหมู่บ้าน เดิมทีหากต้องการออกจากหมู่บ้านในยามวิกาล ต้องรายงานให้สำนักงานจัดการทราบ
พฤติกรรมเช่นนี้สื่อได้ว่า พวกมันกำลังวางแผนทำสิ่งที่ไม่สามารถรายงาน
“ไปทางไหนต่อนะ…? ให้ตายสิ ลืมไปแล้ว”
“ชู่ว!”
ชายปริศนาคนหนึ่งตบเข้าท้ายทอยชายที่กำลังพึมพำ
“ถ้าถูกจับทำได้จะทำยังไง? เบาเสียงหน่อย!”
“อยู่ไกลขนาดนี้ มันไม่มีทางได้ยินหรอก!”
“ไอ้หมอนั่นไม่ธรรมดา ข่าวลือหลายแหล่งในเบสแคมป์ก็พูดตรงกัน ไม่ได้ฟังเลยหรือไง?”
“ถึงจะไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้คงนอนหลับน้ำลายไหลอยู่กระมัง?”
ชายที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลังสุด คือผู้ที่มอบกระถางดอกไม้ให้คังซอนฮูในตอนกลางวัน
“เมื่อกลางวันที่แวะมา ฉันเห็นนังแวมไพร์เข้าไปหลบในกระท่อม”
“พวกมันไปจีบกันตอนไหนวะ? บัดซบ! อิจฉาชะมัด!”
“จริงหรือ? เรื่องนั้นช่างมันก่อน หล่อนเป็นแวมไพร์หัวสูง เป็นขุนนางเต็มขั้น ตอนนี้คงไม่กล้าออกจากบ้านไปไหน”
“แล้วจะหาตัวยังไง”
“ถ้าหักแขนขาพวกมันสักข้างสองข้าง เป็นใครก็ยอมสารภาพทั้งนั้น”
ขณะพูดคุย พวกมันมาถึงป่าเล็กๆ แห่งเดิม
แต่ละคนนำไม้กระบองหรือไม่ก็ประแจออกมาถือ
“ฆ่ามันได้ไหม”
“ไม่ได้ นังประธานบอกว่าห้ามฆ่า การฆ่าจะทำให้สถานการณ์วุ่นวาย เพราะที่นี่ไม่เกี่ยวข้องกับหมู่บ้าน”
“เจอแล้ว… กระท่อมประหลาด”
เมื่อเข้าใกล้กับประตู พวกมันเลิกสนทนาทันที
เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ตรวจสอบแล้วว่า เหยื่อมิได้กลับโลกผ่านประตูมิติ ฉะนั้นต้องอยู่ในกระท่อมไม่ผิดแน่
อาศัยแสงจันทร์นำทาง พวกมันมองหน้ากันหนึ่งครั้ง
แอ๊ด~
ประตูค่อยๆ เปิดออก
ตะเกียงน้ำมันในกระท่อมส่องแสงสลัว เป็นสัญญาณว่าจะไม่มีใครตื่นจนกว่าจะเช้ามืด
“…หึหึ”
กระท่อมสามห้องที่ข้าวของยังไม่ถูกจัดให้เป็นระเบียบ
ดอกไม้สีขาวบนชั้นวางกระถาง กำลังเปล่งแสงสีเขียวอ่อน
แสงดังกล่าวจะทำให้ผู้พบเห็นฝันร้ายพร้อมกับสิ้นสติ
พวกมันย่อมทราบข้อเท็จจริงนี้ดี จึงรีบเบือนหน้าหนีจากดอกไม้
สิ่งถัดไปที่พวกมันพบ คือสตรีผมดำขลับที่กำลังนอนใกล้กับดอกไม้
เมื่อมั่นใจว่านั่นคือสินค้าของตน ทุกคนแสยะยิ้มพร้อมกัน
* * *
[ฮาวนด์เคลื่อนไหวแล้ว]
ชายสี่คนที่ติดอาวุธด้วยปืนช็อตไฟฟ้า กระบองตำรวจ และเกราะอ่อน รวมถึงหัวหน้าแผนยุทธศาสตร์ของ OWIC ‘จองจีฮุน’ รีบดำเนินตามแผนทันทีที่ได้ยินรายงาน
“ผมจะทวนคำสั่งอีกครั้ง เน้นจัดการกับฮาวนด์ที่จู่โจมคังซอนฮู… ต้องทำให้แน่ใจว่าเขาซาบซึ้งในบุญคุณ”
“รับทราบ”
พวกมันจงใจลงมือในจังหวะที่คังซอนฮู ‘เกือบจะถูกโจมตี’
ไม่อย่างนั้น หากลงมือเร็วเกินไปจนฮาวนด์หลบหนี อีกฝ่ายคงไม่ซาบซึ้งในบุญคุณนัก
ดังนั้น เมื่อได้ยินว่าฮาวนด์เข้าไปในกระท่อม ปฏิบัติการจึงเริ่มขึ้นทันที
เจ้าหน้าที่จาก OWIC ขยับเข้าใกล้กระท่อมด้วยความชำนาญ
แต่มีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล
กระท่อมที่ด้านในควรจะมีเสียงเอะอะ กลับยังเงียบสงัดแม้จะขยับเข้าไปใกล้
ไม่มีทางที่ความวุ่นวายจะสิ้นสุดลงแล้ว ต่อให้จองจีฮุนมาสาย แต่ก็ต้องได้ยินเสียงฮาวนด์พูดคุยกันเอง
ขณะจองจีฮุนพบสิ่งผิดปรกติและเตรียมจับลูกบิด
“…ตั้งแต่ฉันกลับมา มีสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้”
เสียงพูดดังมาจากด้านใน
ไม่ใช่เสียงระหว่างต่อสู้ เพราะเนื้อเสียงสุขุมและอ่อนโยนมาก อาจมีเสียงครวญครางปะปนอยู่เล็กน้อย
จองจีฮุนส่งสัญญาณให้ลูกทีมหยุด จากนั้นก็วางหูแนบบานประตู
“โลกมนุษย์ยุ่งเหยิงกว่าที่ฉันคิดไว้มาก”
จากจองจีฮุนได้ยิน นั่นไม่ใช่เสียงของฮาวนด์
“ไม่เพียงจะไม่ตระหนักถึงอันตรายในต่างโลก แต่บททดสอบก็ยังอ่อนปวกเปียก การที่รัฐบาลยอมยกสิทธิ์จัดการต่างโลกให้บริษัทเอกชน ก็เพราะพวกเขาไม่ต้องการแบกรับภาระ…”
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า…
สมมติฐานที่เพิ่งผุดขึ้นในหัวคังซอนฮู ฟังดูไม่สมจริงเลยสักนิด แต่ช่างน่าขัน ชายหนุ่มไม่สามารถคิดหาสมมติฐานที่ ‘สมจริงกว่านี้’ ได้แล้ว
“ฉันเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่ถึงเดือน แต่อัดคนแบบพวกแกไปแล้วสามครั้ง คิดว่าตัวเองเป็นใคร? เดดพูล? ข่าวลือในหมู่บ้านไม่ได้เข้าหูพวกแกเลยหรือ? ฉันมีงานมากมายต้องทำ ไม่ได้อยากพัวพันกับการละเล่นเด็กน้อยเลยสักนิด ดังนั้น… วัคค์vakk”
บึ้ม!
“อั่ก…!”
บนบานประตูที่จองจีฮุนเอาหูแนบ เกิดแรงสั่นสะเทือนอันหนักหน่วงจนมันกระเด็นถอยหลัง ตามด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
“ไอ้พวกที่อยู่ข้างนอกน่ะ เข้ามาได้แล้ว… หรือจะให้ฉันจะออกไปเอง?”
ในวินาทีนี้ สมองจองจีฮุนมีเพียงประโยคสำหรับแก้ไขความเข้าใจผิด ไม่เหลือที่ว่างให้ขบคิดเรื่องอื่น