วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0007
บทที่ 3 แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่ผู้คนยังเหมือนเดิม (2)
* * *
หลังจากอดทนกับแสงระยิบระยับที่ส่องผ่านเปลือกตาอย่างเจือจาง แสงสีขาวได้แผดเข้ามา
เป็นแสงจากดวงอาทิตย์ของต่างโลก
คราวนี้มีคนร่วมทางมาด้วยประมาณสามสิบ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ส่งแยกกัน แต่เลือกที่จะรวมส่งในคราวเดียว?
เพียงไม่นาน ฉันหมดข้อสงสัย
ฉันเข้าใจถึงเหตุผล
คนนำทางที่กำลังนับจำนวนผู้เดินทางด้วยใบหน้าขาวซีด
“ทุกคนที่มาถึงแล้ว รีบตรวจสอบเพื่อนของตัวเอง รวมถึงสุขภาพตัวเองด้วย… อุก…!”
คนนำทางรีบวิ่งออกไปโดยยังไม่ทันพูดจบ จากนั้น ใครอีกหลายต่างทิ้งสัมภาระของตัวเองและรีบตามไป
“เฮ้อ…”
เหตุผลก็คือ
ต่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันสารพิษ แต่ในวินาทีที่ร่างกายรับสารพิษเข้ามากะทันหัน หลายคนยังทนไม่ไหว
ในระหว่างที่ยังไม่หายดี จะเกิดอาการคลื่นไส้รุนแรง
นั่นอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ จึงเป็นเหตุผลที่ต้องออกเดินทางเป็นกลุ่ม
‘การสอบก็ห่วย การรับมือกับผลข้างเคียงหลังเดินทางก็ห่วย’
ได้ยินจากชาโซฮีว่า เอกชนมีอำนาจในประตูมิติมากกว่ารัฐ
กล่าวคือ รัฐบาลแทบไม่แยแสประตูมิติเลย? หรือว่า… มีนอกมีใน?
ฉันพบความไม่ชอบมาพากล แต่ก็ตัดสินใจไม่เก็บมาคิดให้ปวดหัว
เก็บไว้คิดสนุกๆ วันหลังดีกว่า
ว่าแต่ เขาดั้นด้นเดินทางมายังต่างโลกทำไม ทั้งที่รู้ว่าจะพบเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก?
ความสงสัยผุดขึ้นเล็กน้อย
แต่สมาธิของฉันในตอนนี้ กำลังจดจ่ออยู่กับทิวทัศน์ของเบสแคมป์ในต่างโลก
ขณะที่ฉันเดินชมทัศนียภาพอย่างไม่รีบร้อน คุณลงคนหนึ่งเดินออกจากอาคารหลังแรก
ไม่อยากเชื่อว่า อาคารสำหรับให้ผู้โดยสารอาเจียนโดยเฉพาะ จะถูกสร้างขึ้นใกล้กับประตูมิติ
“เฮ้อ ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย”
คุณลุงที่โซซัดโซเซออกมา จ้องหน้าฉันพร้อมกับส่งเสียง ‘หือ?’
“…คุณไม่เป็นอะไรหรือ?”
“ค…ครับ ผมสบายดี”
“โฮ่… คุณเป็นพาธไฟน์เดอร์ใช่ไหม?”
“พาธไฟน์เดอร์? คนนำทางในต่างโลกน่ะหรือ? ไม่ใช่”
“ได้ยินว่าแม้แต่พวกพาธไฟน์เดอร์ก็ยากที่จะไม่เป็นอะไร… หรือว่าจะเป็นคนของรัฐบาล?”
“ไม่ใช่ครับ”
แจ็กเกตนักสำรวจ กางเกงนักสำรวจ เป้สะพายหลังใบเล็ก แค่ดูก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ภาครัฐ?
“ผมแค่… มาเดินเล่น”
คำตอบของเราฟังดูเข้าท่า? คุณลุงเพียงพยักหน้ารับทำนองว่า ‘นั่นสินะ’ ประหนึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก
ฉันไม่ได้มีภูมิคุ้มกันพิษตั้งแต่เกิด หลังจากกัดฟันอดทนเอาตัวรอดท่ามกลางความเจ็บปวด ในที่สุดก็มีภูมิคุ้มกันพิษในต่างโลก
ตอนนี้จึงแทบไม่รู้สึกอะไร คงเป็นรางวัลสำหรับความพยายามที่ผ่านมา
ขณะคุณลุงส่ายหน้า เสียงอึกทึกดังมาจากตึก ‘ดูแลผู้โดยสาร’
“พวกคุณต้องอยู่ที่นี่อย่างน้อยหนึ่งเดือน ทุกคนเป็นมือใหม่กันหมดเลยหรือ?”
“…ว่าแต่ ที่นี่มันยังไง?”
ฉันถามเพราะเก็บความสงสัยไม่อยู่
“โอ้… ที่นี่น่ะหรือ? แปลกตาใช่ไหมล่ะ ยังกับพวกยุคกลาง”
บริเวณโดยรอบถูกตกแต่งให้เหมือนหมู่บ้าน
สมัยที่ยังกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด ฉันเคยเห็นหมู่บ้านของต่างโลกมาก่อน
ก็คล้ายๆ แบบนี้นี่แหละ
ทิวทัศน์ของหมู่บ้านในเขตห่างไกล มักดูคล้ายกับสิ่งที่อยู่ในภาพยนตร์และการ์ตูนแฟนตาซีเกี่ยวกับยุคกลาง
สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ ทุกคนที่นี่ไม่ใช่ชาวต่างโลก แต่เป็นมนุษย์โลกยุคใหม่
“คอนเซปต์สวนสนุก?”
“พวกเขาตกแต่งแบบนี้เพราะต้องการตบตาชาวต่างโลก ถึงกับลงทุนเปิดร้านค้า ขายอาหาร และเปิดโรงแรมด้วยคอนเซปต์ยุคกลาง”
“เพื่อซ่อนประตูมิติจากสายตาชาวต่างโลก?”
“เพื่ออำพรางน่ะ หากชาวต่างโลกพบประตูมิติ พวกเราได้เหนื่อยกันแน่”
ที่นี่ถูกตกแต่งอย่างแนบเนียนให้เหมือนกับหมู่บ้านโดยรอบ ถึงฉันจะไม่รู้ว่าพวกเขารับมือการตรวจสอบจากอาณาจักรได้อย่างไร แต่ก็เป็นวิธีที่ได้ผลทีเดียว
“เจ้าเล่ห์… จริงๆ”
นั่นคือคำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว
พวกเขาลงทุนสร้างทั้งหมดนี้ เพียงเพื่อไม่ให้ชาวต่างโลกตระหนักถึงการดำรงอยู่ของโลก
พูดได้คำเดียวว่าเจ้าเล่ห์มาก
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัว”
“คุณลุงจะไปไหน”
“ผมน่ะหรือ? แม่น้ำใกล้รุ่งสาง เดินสักครึ่งวันก็ไปถึงแล้ว คุณรู้จักไหม”
“ไปทำอะไรหรือ”
“ตกปลา ได้ยินว่าปลาต่างโลกรสชาติเยี่ยม”
ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยสักนิด
“ฮะฮะ! ถ้าคุณชอบตกปลาก็ควรไปลองสักครั้ง ผมขอตัวล่ะ พยายามเข้านะ”
ถุงตกปลาที่ยาวและดูแข็งแรง แนบติดอยู่กับแผ่นหลังของคุณลุงที่เดินจากไปด้วยรอยยิ้ม
“…”
ถือเป็นโอกาสอันดีในการเรียนรู้มุมมองของคนสมัยใหม่เกี่ยวกับต่างโลก
“ถ้าเป็นปลายแม่น้ำ ระวังตะไคร่น้ำสีแดงไว้นะครับ”
จริงอยู่ อีกฝ่ายดูเหมือนจะเคยไปมาแล้วหลายครั้ง แต่ฉันคิดว่าควรเตือนไว้สักหน่อย
สำหรับตอนนี้ สิ่งที่ฉันกำลังสนใจก็คือ
“ตัวอย่างสองชุด จากรอบนอกป่าเบอร์มิวด้า”
และ
“สวัสดีครับ! อึนซูรีทีวีครับ! วันนี้เราจะนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับความผันผวนของป่าเบอร์มิวด้า! แต่ก่อนหน้านั้น ผมจะถ่ายขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนเดินทางเข้าป่าเบอร์มิวด้า!”
ยูทูเบอร์คนเดิม
ตั้งแต่วันแรกที่กลับมา ฉันได้ทราบว่ามียูทูเบอร์ทำงานอยู่ในต่างโลก นี่จึงไม่ใช่ข้อมูลแปลกใหม่
อย่างไรก็ดี ปัญหาอยู่ที่ผลไม้ที่เขาลักลอบนำมาด้วย
ตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองอาจเข้าใจผิด แต่จมูกของฉันยืนยันว่านั่นไม่ใช่การเข้าใจผิด
กลิ่นเปรี้ยว เผ็ด และฉุนซึมออกมาเล็กน้อย
กลิ่นเจือจางมากจนไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากฉัน
แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น
หากฉันเป็นผู้จัดการของที่นี่ คงสั่งห้ามการนำผลไม้ดังกล่าวเข้าออกสถานที่โดยเด็ดขาด
ผลไม้นั่นจะปล่อยฮอร์โมนที่สามารถกระตุ้นและล่อลวงสัตว์ต่างโลก
“ผมเคยเข้าไปในป่ามาแล้วสองครั้ง เรียกได้ว่าเป็นผู้ชำนาญทางคนหนึ่ง… เห็นด้วยไหมครับ? ฮะฮะ! การสำรวจล่วงหน้าคือสิ่งที่ต้องทำก่อนถ่ายจริงเสมอ”
หมอนั่นไม่ได้โกหก
ผลไม้ดังกล่าวคือกลไกที่ป่าใช้หลอกล่อเหยื่อ ดังนั้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องนำผลไม้มาจากในป่า
แล้วทำไมถึงต้องซ่อนผลไม้จากกล้อง? ทำไมถึงไม่อยากให้ใครเห็น?
จะนำผลไม้ที่ลักลอบเข้ามา ผลิตเนื้อหายูทูปแบบไหน?
“…”
นั่นสินะ ตั้งแต่ก่อนที่ประตูมิติจะเปิด มียูทูปเบอร์จำพวกหนึ่งไม่ลังเลที่จะก่ออาชญากรรมหรือจัดฉากเพื่อให้ช่องได้ยอดวิว
หวังว่านั่นจะเป็นแค่การเข้าใจผิดของฉัน ต้องไม่ลืมว่าในต่างโลก แนวคิดดังกล่าวไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย
* * *
ฮงอึนซู
ชื่อช่องและชื่อยูทูเบอร์ของมันคือ ‘อึนซูรี’
ในระยะหลัง มันค่อนข้างไม่พอใจช่องยูทูเบอร์คู่แข่ง
“ไอ้ชิบะจัดฉากอีกแล้ว”
ถึงจะไม่มีหลักฐาน แต่หลังจากได้ดูวิดีโอของยูทูเบอร์คนดัง อึนซูหัวเสียเพราะเชื่อว่าอีกฝ่ายจัดฉากเพื่อเรียกคะแนนนิยม
มันเป็นแบบนี้เสมอ อึนซูจะวิเคราะห์และด้อยค่าผลงานของคนอื่นจากสิ่งที่ตัวเองคาดเดา
ดังนั้น อึนซูตัดสินใจที่จะทำแบบเดียวกัน
วลีที่ว่า ‘มันทำได้ฉันก็ทำได้ แค่ไม่ถูกจับก็พอ’ คือตรรกะที่ใช้รองรับพฤติกรรมแย่ๆ ของตน
ไม่นานมานี้ ขณะไปเยือนป่าเบอร์มิวด้า มันได้พบกับหัวใจแห่งป่า – คริสตัลสีดำ และพบผลไม้สีแดงจำนวนมากในบริเวณใกล้เคียง
แน่นอน อึนซูต้องจ่ายด้วยราคาแพงถึงจะได้ตระหนักว่า ผลไม้ดังกล่าวมีฤทธิ์ดึงดูดและทำให้สัตว์ต่างโลกดุร้าย
ดังนั้น มันต้องการสิ่งตอบแทน
หากหวังจะเป็นยูทูเบอร์ที่สุขสบาย ยอดวิวและกระแสคือสิ่งสำคัญ
กระแสความโด่งดังที่ไม่มีใครจับได้ว่าจัดฉากขึ้นมา จำเป็นอย่างมากสำหรับการพยุงให้ช่องอยู่รอด
“ด้วยเจ้านี่…”
มันมั่นใจ
ในฐานทัพต้องมีพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว…
ป่ากับฐานทัพอยู่ห่างกันตั้งครึ่งวัน กว่าสัตว์ประหลาดจะวิ่งมาถึง…
ใช่แล้ว ฉันบังเอิญเข้าไปพัวพันกับสถานการณ์พอดี และยังบังเอิญถ่ายได้ต่างหาก…
การหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว
“ต้องออกมาสุดยอดแน่…”
มันรีบมุ่งหน้าไปยังสุดเขตหมู่บ้าน ในจุดที่ไม่มีใครเห็น และไม่มีใครได้กลิ่นผลไม้
ผ่านทิวแถวอาคารทรงต่ำที่สร้างจากไม้ซุงและโคลน ผ่านพื้นถนนที่เป็นดินลูกรัง
คนรอบข้างต่างยุ่งอยู่กับงานจนไม่มีใครหันมาสนใจ
แม้ทิวทัศน์จะเป็นต่างโลก แต่บรรยากาศก็แทบไม่ต่างจากโลกยุคใหม่ เพราะทุกคนล้วนเป็นมนุษย์โลก
อึนซูมาถึงสุดเขตหมู่บ้านได้อย่างราบรื่น เบื้องหน้าเป็นทุ่งกว้างอันแห้งแล้ง สามารถมองเห็นป่าเบอร์มิวด้าได้เลือนรางจากเส้นขอบฟ้า
ขณะแอบนำผลไม้สีแดงออกจากอ้อมแขน มันหายใจลึกสองสามครั้งโดยไม่รู้ตัว
จากนั้น อึนซูใช้นิ้วหัวแม่มือบี้ลงไป แบบเดียวกับที่บี้หอมหัวใหญ่เพื่อใส่ลงในน้ำซุป
“อึก… โขลก… โขล่ก!”
กลิ่นฉุนจัดจนจมูกระคายเคือง ตามด้วยกลิ่นหวานที่ชวนอาเจียน
ของเหลวสีแดงขุ่น ชนิดที่สามารถถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเลือด หยดผ่านหลังมืออึนซูลงไปบนพื้น
ทันใดนั้น
ฉ่า—
ของเหลวระเหยในพริบตา ประหนึ่งไนโตรเจนเหลวสัมผัสกับอุณหภูมิห้อง
อึนซูตกตะลึงกับความพิศวงของต่างโลกไปชั่วขณะ
โลกใบนี้ช่างเต็มไปด้วยเรื่องประหลาด…
‘และความอัศจรรย์ในทำนองเดียวกัน ช่วยทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ’
คิดถึงตรงนี้ อึนซูฉีกยิ้มกว้าง
จะทิ้งหลักฐานไว้ไม่ได้
มันซ่อนผลไม้ที่ถูกบีบไว้ในกระเป๋า ก่อนจะวิ่งกลับไปที่หมู่บ้านราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ขณะกำลังตรวจสอบเพื่อยืนยันว่ากล้องยังทำงานได้ดี
ครืนนนนน—
มันได้ยินเสียงสะท้อนอันน่าสะพรึงจากผิวดิน และไม่ใช่แค่ความรู้สึกจากปลายเท้า กระทั่งโสตประสาทก็ยังสัมผัสได้ชัดเจน
เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่ท่วมท้นการมองเห็นอึนซูคือทรายและฝุ่น
ฝูงหมาป่าสคาเวนหลายสิบตัว กำลังตะกุยพื้นอย่างดุเดือดจนเกิดฝุ่นทราย
“…?”
อึนซูไม่รู้ว่าสัตว์ร้ายในต่างโลก ไม่ได้อาศัยแค่ในป่าเพียงอย่างเดียว
แต่เหนือสิ่งอื่นใด อิทธิพลของผลไม้ดังกล่าว รุนแรงเพียงพอที่จะแผ่ไปถึงป่า
“อ…อะไรกัน…!”
มันรู้สึกราวกับเลือดไหลออกจากใบหน้าจนหมด
ขณะกำลังลนลานจนมิอาจตอบสนอง ฝูงหมาป่าสคาเวนเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็ว
เขี้ยวยาวหลายสิบ น้ำลายสีม่วงตามร่องเขี้ยว
สายตาของสัตว์ร้ายที่กำลังคลุ้มคลั่ง เปี่ยมไปด้วยความหิวกระหายเสียเต็มประดา
ในวินาทีนี้ ในหัวอึนซูมีเพียงความคิดเดียว
“ห…หนี! ต้องรีบหนี…”
ทันใดนั้นเอง
“ลูดิน่าludina”
รู้ตัวอีกที แสงสีขาวสว่างขึ้นท่ามกลางกลุ่มหมาป่าสคาเวนที่อยู่ไม่ห่าง
ตุบ!
“อ…อ๊า!”
อาจไม่ใช่แสงสว่างที่เจิดจ้า แต่อึนซูตกใจเพราะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
ฮงอึนซูไม่ใช่คนเดียวที่ผงะ
“กรร!”
สัตว์ร้ายที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง เกิดชะงักโดยพร้อมเพรียงจนล้มระเนระนาดจากแรงเฉื่อย
จากนั้น บางสิ่งไหลผ่านด้านหลังฮงอึนซูประหนึ่งสายลม พุ่งตรงไปที่กลุ่มหมาป่าสคาเวน
ชายที่ปรากฏกายกะทันหัน กำลังถือขวานสีฟ้าโปร่งใส
ชายคนเดียวกัน กระโจนใส่หมาป่าตัวเท่าหมีที่อยู่ในดงหมาป่า
กร๊อบ!
คมขวานถูกเหวี่ยงสุดแรง หยดเลือดสาดกระเซ็นทุกทิศ เสียงกระดูกแหลกดังกังวาน
กร๊อบ! กร๊อบ!
ชายคนดังกล่าวไม่ปล่อยโอกาสทองในจังหวะที่สัตว์ป่าชะงักเพราะแสงวาบ รีบกระหน่ำสับศีรษะหมาป่ายักษ์อย่างต่อเนื่อง
แน่นอน หมาป่าโดยรอบมิได้นิ่งเฉย
เปาะ!เปาะ!เปาะ!เปาะ!เปาะ!
ดอกไม้ไฟที่คล้ายกับเตรียมไว้ล่วงหน้าเริ่มระเบิดชุดใหญ่ บรรดาหมาป่าที่กรูเข้าใส่ต่างตกใจจนผงะไปอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง
เปรี้ยง!
การโจมตีครั้งสุดท้ายได้ดับลมหายใจจ่าฝูงหมาป่าสคาเวน
กริ๊งงงงงงงงง—
ไม่กี่อึดใจถัดมา เสียงกริ่งเตือนให้อพยพดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น!”
หน่วยรักษาความปลอดภัยรีบกรูเข้ามาใกล้ฮงอึนซู
“ฉุกเฉิน! บอกให้หน่วยสมทบติดอาวุธมาด้วย!”
“รับทราบ!”
“คุณเป็นอะไรไหม?”
ฮงอึนซูซึ่งค่อยๆ ลุกขึ้นยืนโดยมีกองกำลังรักษาความปลอดภัยคอยพยุง
มันกำลังทุกข์ทรมานกับความว้าวุ่นใจโดยไม่ทราบเหตุผล
* * *
เพียงไม่นาน หัวหน้าหน่วยที่ห้า ประเมินว่าสถานการณ์ได้สิ้นสุดลงแล้ว
ย้อนกลับไปในตอนที่เห็นกลุ่มหมาป่าสคาเวนครั้งแรก พวกมันเตรียมเผ่นหนีเช่นกัน เพราะทราบดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะสู้กับสัตว์ร้ายในต่างโลกด้วยมือเปล่า
แต่เพียงไม่กี่อึดใจ พวกมันสังเกตเห็นบางสิ่งผิดปรกติ
“กรร—!”
ฝูงหมาป่าสคาเวนไม่กล้ากรูเข้าใส่กลุ่มของตน เหตุเพราะมีชายคนหนึ่งกำลังยืนเผชิญหน้าพวกมันตามลำพังด้วยขวานหยาบ
สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ ฝูงหมาป่าค่อยๆ ก้าวถอยหลังด้วยสายตาหวาดผวา
ทำไมน่ะหรือ?
เดาได้ไม่ยาก
“…ไสหัวไปซะ”
มีศพของจ่าฝูงหมาป่า นอนอยู่แทบเท้าชายผู้กำลังตะโกน
ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะรู้จักนิสัยของหมาป่าสคาเวนเป็นอย่างดี
นิสัยรักตัวกลัวตายหลังจากสูญเสียจ่าฝูง
แล้วก็เป็นเช่นนั้น
“โฮ่ง!”
“โฮ่ง! โฮ่ง!”
หลังจากเห่าสองสามหน ฝูงหมาป่าสคาเวนรีบวิ่งหนีไป
หัวหน้ากองกำลังรักษาความปลอดภัย พยายามทำความเข้าใจสถานการณ์
“…ถึงจะรู้ทฤษฎี…”
แต่การปฏิบัติจริงนั้นเป็นคนละเรื่อง เพราะจ่าฝูงหมาป่าสคาเวนเป็นสัตว์ร้ายในระดับเดียวกับหมีสีน้ำตาลบนโลก
นอกจากนั้น อุปนิสัยโดยรวมของสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่ง อาจใช้ไม่ได้ในบางสถานการณ์
ต่อให้จ่าฝูงตาย ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าหมาป่าสคาเวนตัวที่เหลือจะเผ่นหนี
ด้วยเหตุนี้ ฉากที่มนุษย์คนหนึ่งกำลังยืนเผชิญหน้าพวกมันตามลำพัง จึงเป็นสิ่งที่ยากจะทำใจเชื่อลง
“เอ่อ… ท่าน?”
หัวหน้าหน่วยที่ห้า เดินเข้าไปทักทายชายคนดังกล่าวด้วยท่าทีนอบน้อม
“นี่มันเรื่องอะไร!”
โดยไม่แยแสหัวหน้าหน่วย ชายคนปริศนาหันหลังกลับมาพูดกับยูทูเบอร์
ในวินาทีที่ดวงตาประสานกัน
“เฮือก…”
หัวหน้าหน่วยเผลอหายใจเข้าโดยไม่รู้ตัว
สีหน้าอันเย็นชาราวกับปราศจากความรู้สึก
มันมั่นใจว่า นี่ไม่ใช่สีหน้าของมนุษย์โลกสมัยใหม่อย่างแน่นอน