“พวกเราไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่แตะต้องพวกเธอ ไม่อย่างนั้นข่าวลือคงได้แพร่กระจายไปว่าฉันทำเรื่องให้พวกเธอสามคนขายหน้าแล้วหักแขนขาพวกเธอทิ้ง นี่ไม่เท่ากับบังคับให้ฉันก่อคดีอาชญากรรมหรอกเหรอ” ถังหนิงกล่าวโดยมีความหมายแฝงอยู่
“ไม่ มันจะไม่เป็นแบบนั้น… พวกเราจะไม่พูดข่าวลือเกี่ยวกับคุณโดยไม่ระวังอีก” หญิงสาวปัดมือปฏิเสธไปมา “ถังหนิง ปล่อยพวกเราไปเถอะนะ พวกเราไม่เชื่อเรื่องที่คนพวกนั้นพูดเกี่ยวกับคุณเลย พวกเราแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้นเอง”
“ไสหัวไปซะ” ถังหนิงไม่ต้องการเสียเวลากับผู้หญิงสามคนนี้ และแน่นอนว่าเธอไม่อาจปล่อยให้เฉินซิงเยียนเสียเวลากับแอนนี่ด้วยเช่นกัน “ซิงเยียน ออกมานี่แล้วปล่อยพวกนั้นไป”
เฉินซิงเยียนยังคงจิกผมของแอนนี่ไว้ในมือ หลังจากได้ยินคำพูดของถังหนิง ในที่สุดเธอก็ปล่อยมือ
“เฉินซิงเยียน ฉันจะไม่ยอมอยู่ร่วมโลกกันคนอย่างแก!” ขณะที่แอนนี่ลุกขึ้นยืนพร้อมศีรษะที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก เธอขู่เฉินซิงเยียนเสียงดัง “ตราบใดที่ฉันยังอยู่ แกจะเจอแต่วันร้ายๆ”
เฉินซิงเยียนหันมไปมองแอนนี่ ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร ถังหนิงชิงพูดขึ้นมา “ถ้าเธอคิดจะอยู่รอดในวงการบันเทิงแล้วละก็ เธอควรจะระวังปากเอาไว้บ้างนะ”
แอนนี่หันไปมองถังหนิงด้วยความโกรธและไม่พอใจพอๆ กัน
“ฉันอยากจะขอให้เธอประสบความสำเร็จนะ” ถังหนิงกล่าวก่อนที่เธอจะทำท่าทางให้เฉินซิงเยียนควบคุมตัวเอง “เธอจะเชื่อฉันไหมถ้าฉันบอกว่าโลกนี้หมุนอยู่ได้ด้วยเวรกรรม ถ้าการจองเวรยังไม่สะใจพอ แล้วจะมีประโยชน์อะไรกับการไปยุ่งเกี่ยวกับคนสกปรกแบบนั้น เธอมีแต่จะทำให้มือตัวเองต้องแปดเปื้อน”
“คุณคิดว่าฉันจะกลัวเพราะคำพูดพวกนั้นหรือไง จะต้องมีสักวันที่ฉันก้าวข้ามคุณไปได้!” แอนนี่อวดอ้าง
ถังหนิงยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอจะนั่งรอดูว่าแอนนี่วางแผนจะทำสิ่งที่พูดได้อย่างไร แน่นอนว่าการได้เห็นถังหนิงแสดงออกอย่างอ่อนโยนและดูไม่แข็งแกร่งอย่างที่ใครต่อใครพูดกัน ทำให้ความกลัวในใจของแอนนี่ค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ
เธอคิดว่าหากเฉินซิงเยียนลากเธอเข้าไปให้ห้องน้ำได้ งั้นถังหนิงก็น่าจะสามารถทำอะไรที่ยิ่งกว่านั้นและหักแขนหักขาของเธอได้ แต่ในความเป็นจริงถังหนิงกลับไปทำอะไรเลย
ที่ถังหนิงเคยพูดว่าเธอเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นนั้น ท้ายที่สุดเธอก็เป็นแค่คนขี้โกหกคนหนึ่ง
…
“ถังหนิง ทำไมพี่ถึงปล่อยนังสารเลวนั้นไปล่ะ” เฉินซิงเยียนถามขณะที่เธอเดิมตามหลังอีกฝ่าย
“เธอทำให้ผู้หญิงคนนั้นกินอึไปแล้ว เธอก็น่าจะได้สนองความโกรธแล้วไม่ใช่เหรอ” ถังหนิงถาม
เฉินซิงเยียนเดินตามไปอย่างไม่พอใจนัก เธอรู้สึกอย่างชัดเจนว่านี่ยังไม่เพียงพอ
“เธออาจจะชนะเขาเรื่องความแข็งแกร่ง แต่ผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีวันยอมรับเธอ ต่อให้เธอเอาอึยัดปากผู้หญิงคนนั้นทั้งคืน ผลก็จะยังออกมาเหมือนเดิม…”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินซิงเยียนก็รู้สึกว่าคำพูดของถังหนิงมีเหตุผลขึ้นมาทันที
“ถ้าเธอต้องการให้คนอื่นยอมรับ ก่อนอื่นเธอต้องมีความสามารถ ถ้าเธออยากรู้ว่าความสามารถของเธออยู่ตรงจุดไหน ก็ให้วางความหยิ่งผยองลงแล้วฟังคำแนะนำของอันจื่อเฮ่า พรุ่งนี้จะมีข่าวใหญ่กว่าเดิม เตรียมตัวไว้ให้ดี” ถังหนิงเตือน
“เธอลงมือ ดังนั้นเธอต้องรับผลที่ตามมา”
ณ ขณะนั้น เฉินซิงเยียนอาจยังไม่เข้าใจเต็มที่ถึงความหมายที่ถังหนิงต้องการจะสื่อ แต่ใครบางคนเห็นสิ่งที่เธอทำอย่างแน่นอน ดังนั้นแทนที่จะรอให้เรื่องแดง ทางที่ดีคือหาทางแก้ไขจะดีกว่า
“แต่นังนั่นมันดูถูกพี่…”
ถังหนิงไม่พูดอะไร สีหน้าเธอยังคงสงบนิ่งเฉกเช่นทุกครั้ง หลังจากนั้นทั้งสองกลับไปยังโรงภาพยนตร์อย่างรวดเร็วและนั่งอยู่ในนั้นจนการพรีสกรีนสิ้นสุดลง
ก่อนที่พวกเธอจะกลับ ถังหนิงได้บอกกับหลินเซิง “ซิงเยียนลงมือในห้องน้ำเมื่อครู่นี้ มันอาจจะสร้างปัญหาให้พี่นิดหน่อย”
“งั้นเธอก็ช่วยฉันประหยัดเงินประชาสัมพันธ์ไปได้เยอะเลย” หลินเซิงตอบอย่างสบายใจ เขาได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมมาสามครั้งแล้ว ดังนั้นเขาถึงไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
ถังหนิงยิ้ม ทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เพราะถึงอย่างไรเธอก็ได้ปล่อยให้เฉินซิงเยียนได้แก้แค้นอย่างที่เธอสมควรได้รับและระบายความไม่พอใจออกมาบ้าง แต่เฉินซิงเยียนยังคงมีบางสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ดังนั้นถังหนิงจึงตัดสินใจปล่อยให้ปัญหาทวีความรุนแรงต่อไป วิธีนี้เฉินซิงเยียนจะได้รับบทเรียนที่ดี
…
‘แฉ! เฉินซิงเยียนลงมืออย่างป่าเถื่อน สตันต์คนนี้กล้าดียังไง’
‘ถังหนิงตามืดบอด ล้มเหลวกับการช่วยเหลือรุ่นน้องก่อนจบราวหนังคนละม้วน’
‘กระหายความโด่งดัง! สตันต์ตัวน้อยระเบิดอารมณ์ เริ่มต้นด้วยการตบตีกันในห้องน้ำและบังคับให้อีกฝ่ายกินอึ!’
ข้อความเหล่านี้คือหัวข้อข่าวบันเทิงในวันต่อมา หลังจากได้เห็นข่าวพวกนี้ ไป๋ลี่หวาถึงกับช็อก เธอมองถังหนิงอย่างสงสัยแต่เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“ป้าไป๋ มีอะไรอยากจะพูดหรือเปล่า” ถังหนิงสังเกตเห็นว่าไป๋ลี่หวาแอบชำเลืองตามองเธอ เธอจึงเอ่ยถามอีกฝ่ายโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง
“เรื่องซิงเยียน… ป้าเป็นห่วง…”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม”
ที่จริงหากใครได้อ่านบทความข่าวพวกนั้นอย่างละเอียด พวกเขาจะรู้ว่าถังหนิงไม่ได้ถูกพูดถึงมากนักและความจริงยังคงอยู่
[ถังหนิงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ทำไมถึงไปช่วยเด็กแบบนั้นกันนะ]
[นี่ดูไม่เหมือนถังหนิงเลย คนอย่างถังหนิงจะไม่มีความสามารถพอควบคุมสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง]
โลกอินเทอร์เน็ตต่างออกความเห็นกันอย่างเร่าร้อน ท้ายที่สุดทุกคนมีความเห็นหนึ่งในสอง หนึ่งคือถังหนิงยังไม่ยอมละความพยายามที่จะแก้แค้นเพราะมันยังไม่ถึงเวลา กับสองคืออาการสมองเสื่อมของถังหนิงกำลังทำลายภาพลักษณ์ของเธอ
ขณะเดียวกัน แอนนี่ก็เริ่มออกมาอธิบายต่อหน้าสื่อต่างๆ ทั้งน้ำตาว่าเธอยังคงขวัญเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากถูกเฉินซิงเยียนทำให้ขายหน้า เธอไม่อาจมีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป…
เมื่อต้องเผชิญความวุ่นวายตรงหน้า เฉินซิงเยียนก็รู้สึกปั่นป่วน เธอไม่รู้เลยว่าจะต้องจัดการกับสถานการณ์พวกนี้ยังไง
สถานการณ์นี้ดูราวกับลูกบอลหิมะที่ยิ่งขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และมีคนถูกถึงมาเกี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอไม่รู้จะช่วยตัวเองหรืออันจื่อเฮ่าได้อย่างไร ซำร้าย ถังหนิงก็ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องและทุกคนที่ต่างพากันใส่ร้ายว่าถังหนิงกำลังสมองเสื่อม!
หลังจากได้เห็นข่าว เฉินซิงเยียนคิดวิเคราะห์อยู่พักหนึ่งก่อนในที่สุดเธอจะโทรหาอันจื่อเฮ่า “ฉัน… ฉันอยากทำงาน… ฉันอยากเป็นนักแสดงแอกชั่น… ฉันอยากเล่นในหนังฟอร์มใหญ่ๆ ฉันสามารถรับมือกับความเครียดได้”
“ทำไมอยู่ๆ เธอถึงตัดสินใจแบบนี้ล่ะ” อันจื่อเฮ่าถาม “เธอพยายามจะซ่อนตัวเองจากความเป็นจริงหรือไง”
“ถ้าฉันอยากจะซ่อน ฉันแค่หนีไปแล้วก็ไม่กลับมาก็ได้!” เฉินซิงเยียนโต้แย้ง “ฉันตัดสินใจแบบนี้เพราะฉันรู้สึกว่าฉันควรเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยจริงๆ ขอแค่ฉันได้บทที่ดีกว่าของแอนนี่ ผู้หญิงคนนั้นจะได้เจ็บปวดจริงๆ สักที”
“เธอคิดว่าใครจะกล้าจ้างเธอตอนนี้กันฮะ” อันจื่อเฮ่าถาม
“เอ่อ…” เฉินซิงเยียมคอตกด้วยความผิดหวัง
“รอฉันก่อนแล้วกัน ฉันจะช่วยสู้ให้เธอได้โอกาสสักครั้ง แต่เธอต้องพยายามให้ดีที่สุดแล้วก็ต้องใจเย็นๆ ด้วย”
“ได้เลย!”
…
ในระหว่างนั้น แอนนี่ยังคงอยู่ระหว่างการให้สัมภาษณ์ “ถังหนิงไม่ได้รังแกฉันหรอกค่ะ เธอช่วยหยุดเฉินซิงเยียน
“ที่จริงเธอไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครต่อใครพูดกัน…”
คราวนี้แอนนี่ไม่ได้ใส่ร้ายถังหนิง แต่วิธีที่เธอเลือกใช้อธิบายอีกฝ่ายทำให้ถังหนิงฟังดูเป็นคนโง่ แอนนี่ทำให้ถังหนิงฟังดูเหมือนคนที่สูญเสียความแข็งแกร่งและความน่าชื่นชมที่ครั้งหนึ่งเคยมีไปหมดแล้ว
แอนนี่ดูเหมือนค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่ตัวเองทำทีเดียว
“ฉันคิดว่าประธานโม่เป็นคนคอยช่วยเธออยู่เบื้องหลังมาตลอดมากกว่า
“คุณกำลังหมายถึงความสำเร็จที่ผ่านมาทั้งหมดของถังหนิงงั้นเหรอ” บรรดานักข่าวอดไม่ได้ที่จะด่วนสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่พวกเขาเห็นว่าน่าสนใจ “จากที่พวกเรารู้ ถังหนิงไม่ใช่ ‘คนอ่อนโยน’ นะ”
——
* สมองเสื่อม (孕傻) คืออาการของหญิงตั้งครรภ์ที่ขี้หลงขี้ลืม ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง หรือความเครียดและความวิตกกังวลจากการตั้งครรภ์รวมถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอจนทำให้สมองมีอาการอ่อนล้า