โม่ถิงคิดผิด… เขาประเมินความหน้าด้านของไป๋อวี๋ต่ำเกินไป
ไป๋อวี๋หน้าด้านหน้าทนพอที่จะเข้าหาหวงฝู่ซั่ว เพราะเธอไม่คิดว่าการเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ได้สร้างผลดีอะไรให้เขาอยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อผลประโยชน์ของคนทั้งคู่ เธอจึงตัดสินใจโยนหัวก้อยและจบด้วยการสั่งให้ผู้จัดการของเธอหาที่ตั้งบ้านพักของหวงฝู่ซั่ว
หลังจากนั้น เธอเดินทางไปถึงที่บ้านของหวงฝู่ซั่วแบบพร้อมรบในระหว่างช่วงพักเที่ยงของเธอ แต่เธอต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าหวงฝู่ซั่วอาศัยอยู่เพียงลำพังในคฤหาสน์หรูหราขนาดใหญ่กว่าสามร้อยตารางเมตร
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ทั้งสองยังคบกัน หวงฝู่ซั่วเป็นเพียงคนไม่มีชื่อเสียง ใครจะไปคิดว่าบัดนี้เขากลายเป็นเศรษฐีไปแล้ว
หวงฝู่ซั่วไม่คาดคิดว่าไป๋อวี๋จะมาปรากฏตัวที่บ้านเขา ดังนั้นทันทีที่เขาเปิดประตูมาเห็นไป๋อวี๋ สีหน้าเขาจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เมื่อไป๋อวี๋เห็นเช่นนั้น เธอถอดแว่นกันแดดออกและส่งยิ้มให้หวงฝู่ซั่ว “คุณไม่คิดจะเชิญฉันเข้าไปด้านในหน่อยเหรอ”
หวงฝู่ซั่วขยับตัวออกด้านข้างและเชื้อเชิญให้เธอเข้ามาด้านใน ขณะที่เขาเดินตามเธอเข้าไปด้านใน เขาเอ่ยขึ้น “บ้านผมไม่มีอะไรให้ดื่มนอกจากน้ำเปล่าหรอกนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้มาเพื่อดื่มอะไรอยู่แล้ว” ไป๋อวี๋กรีดกรายเอนตัวลงบนโซฟา
หวงฝู่ซั่วยิ้มเยาะ วิธีของโม่ถิงได้ผลจริงๆ
ก่อนหน้านี้เขาเคยใช้วิธีไร้ประโยชน์มากมาย แต่ไม่มีโชคพอที่จะดึงดูดความสนใจของไป๋อวี๋ได้ ใครจะคิดว่าหลังจากตอบรับร่วมงานกับ ‘หวงเฟยยอดสตรี’ แล้วผู้หญิงคนนี้จะเป็นฝ่ายมาเคาะประตูบ้านของเขาด้วยตัวเอง
“คุณมาหาผมถึงที่นี่ทำไม คุณคงไม่ได้มาเพื่อถามสารทุกข์สุกดิบหรอกใช่ไหม” หวงฝู่ซั่วนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามกับไป๋อวี๋และพาดแขนไปด้านหลังจากสบายใจ
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากไม่ได้เจอคุณนานหลายปี คุณจะซื้อบ้านแบบนี้ได้…”
“คุณกำลังหมายถึงคฤหาสน์นี่นะเหรอ” หวงฝู่ซั่วยักไหล่ก่อนจะเผยคำตอบ “ผมอยู่ที่นี่มาตลอดยี่สิบปีนั่นแหละ อ้อ ใช่ ผมไม่เคยมีโอกาสได้แนะนำคุณให้ครอบครัวผมรู้จักก่อนที่คุณจะทิ้งผมไปนี่นา ผมพนันว่าถ้าตอนนั้นคุณรู้ว่าพ่อผมเป็นใคร คุณคงไม่ทิ้งผมไปแบบไม่ลังเลแบบนั้นแน่”
“คุณหมายความว่ายังไง”
“รองประธานบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคภาคพื้นเอเชียที่มีชื่อว่าหวงฝู่สยง เป็นพ่อของผมเอง” หวงฝู่ซั่วแนะนำพ่อของเขาอย่างเป็นทางการให้ไป๋อวี๋ได้รู้ “พอคุณทิ้งผมไป ผมก็ได้รู้ว่าการเป็นทายาทธุรกิจก็ไม่ได้แย่”
หลังได้ยินเช่นนั้น ไป๋อวี๋ก็ดูไม่มีความสุขนัก
“พ่อของผมอยากพบคุณมานาน เขาหัวเราะเยาะผมอยู่หลายปีเพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้นผมถึงมีรสนิยมแย่ๆ แบบนั้น แต่ต้องขอบคุณคุณที่ทำให้เขาได้ลูกชายกลับไปอยู่ข้างๆ โดยไม่ต้องเสียเงินสักแดง”
ไป๋อวี๋รู้สึกเสียดายเล็กๆ แต่เธอรู้ดีว่าหวงฝู่ซั่วกำลังเหยียดหยามเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่คิดอะไรมากพลางเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา “มาคุยเรื่องธุรกิจกันเถอะ ฉันได้ยินมาว่าคุณตอบรับข้อเสนอบทพระเอกของ ‘หวงเฟยยอดสตรี’ ”
หวงฝู่ซั่วไม่ตอบ เขาเพียงแค่โก่งคิ้วขึ้นพลางฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรอีก
“คุณยังคิดถึงฉันอยู่ใช่ไหมล่ะ ไม่อย่างนั้นคุณจะไปร่วมมือกับฝ่ายศัตรูของฉันทำไมทั้งที่เห็นชัดอยู่แล้วว่าถังหนิงกับฉันกำลังต่อกรกันอยู่”
หวงฝู่ซั่วได้ยินเช่นนั้น ก็ระเบิดหัวเราะออกมา “คุณไป่ คุณไม่หลงตัวเองเกินไปหน่อยงั้นเหรอ คุณพูดถูกเรื่องที่ผมร่วมงานกับ ‘หวงเฟยยอดสตรี’ ส่วนหนึ่งก็เพราะคุณ แต่… นั่นเป็นเพราะผมต้องการให้คุณจำได้ว่าคุณเมื่อก่อนคุณเคยทำอะไรไว้บ้างและคุณเป็นคนแบบไหน เมื่อไหร่คุณถึงจะถอดหน้ากากลวงโลกนี้ออกกันนะ”
“คุณ…”
“ผมมั่นใจว่าคุณรู้ว่าทำไมผมถึงตอบรับ ‘หวงเฟยยอดสตรี’ ถ้าพิจารณาจากความสามารถในการแสดงของถังหนิงบวกกับอำนาจของไห่รุ่ย รวมถึงเรื่องที่บทละครเรื่องนี้เป็นที่ยอมรับมากแค่ไหนแล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องปฏิเสธด้วยล่ะ” หวงฝู่ซั่วถามไป๋อวี๋
“ฉันไม่สนหรอกนะว่าทำไมคุณถึงเลือกจะร่วมงานกับ ‘หวงเฟยยอดสตรี’ ฉันแค่อยากบอกคุณว่าถ้าคุณออกมาเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ในอดีตของเรา มันจะไม่เป็นประโยชน์อะไรกันคุณเลย” ความแข็งแกร่งในน้ำเสียงของไป๋อวี๋เริ่มอ่อนลงอย่างช้าๆ อันที่จริง คำพูดสุดท้ายของเธอฟังดูเหมือนโกรธเพราะความอับอายด้วยซ้ำ เพราะหลายสิ่งไม่ได้เป็นไปอย่างที่เธอคาดคิด
เธอมาที่นี่เพื่อโอ้อวด…
เพื่อแสดงถึงพลังอำนาจ…
เพื่อแสดงความเมตตาต่อความน่าเวทนาของอีกฝ่าย…
แต่โชคร้ายที่ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เธอต้องการ!
กลับกัน เธอกลับพบความจริงเรื่องพื้นเพที่บ้านของหวงฝู่ซั่วและรู้สึกเสียดายอย่างท่วมท้น มันทำให้เธอรู้สึกพ่ายแพ้จนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
“ในที่สุดก็เผยเจตนาที่แท้จริงที่มาที่นี่ออกมาแล้วสินะ” หวงฝู่ซั่วหัวเราะอย่างฉับพลัน “คุณต้องฝันอยู่แน่ ในฐานะทายาทธุรกิจเครื่องประจำที่ทรงอำนาจ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะอยากไปมีความเกี่ยวข้องอะไรกับผู้หญิงสองหน้าอย่างคุณ มันมีแต่จะลดคุณค่าของผมตัวซ้ำ ไป๋อวี๋ ถ้าเป็นเรื่องครอบครัวแล้วละก็ คุณไม่มีทางแข่งกับใครก็ตามที่คุณเรียกว่าศัตรูได้หรอก ผมไม่แน่ใจว่าคุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหนที่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับถังหนิง
“เพราะคุณเป็นนักแสดงรางวัลระดับโลกงั้นเหรอ
“คุณรอดูแล้วกันว่าถังหนิงจะบดขยี้คุณยังไง…
“อีกอย่าง ผมคงไม่เปิดเผยเรื่องชั่วๆ ที่คุณเคยทำหรอก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ฉีกหน้ากากจอมปลอมของคุณนะ ผมขอให้คุณโชคดีก็แล้วกัน” พูดจบหวงฝู่ซั่วก็ลุกขึ้นจากโซฟาและกอดอก “ประตูอยู่ทางขวา เชิญออกไปได้แล้ว”
ไป๋อวี๋รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เธอไม่ได้อะไรจากการมาหาหวงฝู่ซั่วในครั้งนี้เลย เธอคว้ากระเป๋าถือของเธออย่างฉุนเฉียวก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาและพูดกับอีกฝ่าย “ด้วยการแสดงของคุณ ต่อให้แสดงคู่กับถังหนิงไปตลอดชีวิตก็ไม่มีทางเอาชนะฉันได้หรอก”
หวงฝู่ซั่วไม่โต้ตอบ เพียงแต่ยักไหล่ทั้งสองข้าง
ไม่เห็นเป็นไร เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่ได้เป็นพระเอกอยู่แล้ว
สุดท้ายไป๋อวี๋ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินออกจากบ้านของหวงฝู่ซั่ว
เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเดือดดาลอยู่ภายใน แต่เธอไม่อาจหาวิธีการได้มาจัดการหวงฝู่ซั่วได้
หรือเธอควรหาใครสักคนมาใส่ร้ายเขาดี
โชคร้ายที่หวงฝู่ซั่วสร้างชื่อเสียให้ตัวเองไว้มากพอแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สะทกสะท้ายอะไรกับแผนการชั่วร้ายของไป๋อวี๋
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้คนคนหนึ่งไม่สามารถรักษาภาพลักษณ์อันสมบูรณ์แบบไว้ได้ตลอดเวลา เพราะคนที่มีจุดด่างพร้อยนั้นได้รับการให้อภัยได้ง่ายกว่า ในขณะที่เมื่อคนสมบูรณ์แบบเกิดทำข้อผิดพลาด คนพวกนั้นมีแต่จะดึงดูดคำตำหนิมากมายนับไม่ถ้วนและเหลือทิ้งไว้เพียงความตราตรึงที่ไม่น่าอภิรมย์ที่ไม่อาจลบล้างได้อีก
หลังจากปะทะในครั้งนี้ หวงฝู่ซั่วรู้สึกพึงพอใจมาก เพราะในที่สุดเขาก็ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของไป๋อวี๋
แน่นอนว่าสิ่งที่น่าสะใจที่สุดคือการได้เห็นไป๋อวี๋โกรธและผิดหวัง เช่นเดียวกับสีหน้าเสียดายของเธอเมื่อรู้พื้นเพครอบครัวของเขา
…
ไป๋อวี๋รู้สึกผิดหวังอย่างที่สุด เพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง เธอจำเป็นต้องรีบกลับบ้านไปพบสามีของเธอ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอตัดสินใจเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องในอดีต
แต่… สามีของเธอไม่อยู่ที่บ้านและเขาไม่รับสายโทรศัพท์ ไป๋อวี๋นั่งลงบนโซฟาและเฝ้ารออยู่นาน หลังเวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง ในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออก ตามด้วยเสียงหัวเราะคิกคักของสามีของเธอกับไป๋หลินหลิน
“ที่รัก ทำไมคุณอยู่บ้านล่ะ”
ทันทีที่ไป๋หลินหลินเห็นไป๋อวี๋นั่งอยู่ที่โซฟา เธอก็เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังและกล่าวทักทายอีกฝ่ายอย่างระแวดระวังทันที
“ทำไมเธอสองคนถึงอยู่ด้วยกัน”
“เราบังเอิญไปเจอกันข้างนอก” ไป๋หลินหลินตอบอย่างสบายใจก่อนจะกลับไปยังห้องของตัวเอง
ไป๋อวี๋ไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ แต่เธอไม่กล้าพอที่จะบอกสามีของเธอเรื่องที่เธอไปหาหวงฝู่ซั่วที่บ้าน ดังนั้นเธอจึงนั่งเล่นอยู่ที่นั่นอีกพักหนึ่งก่อนจะกลับไปยังกองถ่าย
แต่เธอไม่รู้เลยว่าทันทีที่เธอกลับออกไป คนสองคนที่เหลือจะส่งสายตาให้กันและจบด้วยการนอนบนเตียงเดียวกันอย่างรวดเร็ว