เงื่อนไขในการถ่ายทำของ ‘ผู้รอดชีพ’ นั้นยุ่งยากตามคาด เพื่อให้หนังออกมาดี นอกจากการดูแลลูกทั้งสองของเธอแล้ว เวลาที่เหลือทั้งหมดของถังหนิงถูกใช้ไปกับการฝึกร่างกายของเธอ ส่งผลให้เธอเริ่มดูสุขภาพดีมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เริ่มปรากฏให้เห็นชัดขึ้นเช่นกัน
หลังจากเหตุการณ์ของไป๋อวี๋ ความสงบสุขค่อยๆ กลับมาสู่วงการบันเทิงของปักกิ่งอีกครั้ง
ในระหว่างการเตรียมความพร้อมสำหรับรับบทของเธอ ถังหนิงได้มีการอัปเดตสถานะของเธออยู่เป็นระยะ
ทว่าเมื่อถึงเวลาหนึ่งเดือนก่อนการถ่ายทำ ‘ผู้รอดชีพ’ โม่ถิงกลับประสบกับอาการเสียงอื้อในหู้เนื่องจากความเครียด
โม่ถิงต้องการเก็บเรื่องนี้เป็นความลับและแน่นอนว่าถังหนิงไม่รู้เรื่องนี้เลย ในขณะเดียวกัน ลู่เช่ออยู่ระหว่างการขอพักงานเพื่อดูแลหลงเจี่ยระหว่างการคลอด ดังนั้นโม่ถิงจึงเป็นเพียงผู้เดียวที่รู้อาการของตัวเอง
คืนนั้นหลังจากให้นมลูกทั้งสอง ถังหนิงยืนอยู่ด้านหลังของโม่ถิงและบอกเขาว่าพ่อของเฉินซิงเยียนอยู่ๆ ก็กลับมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย กระนั้นเธอต้องประหลาดใจเมื่อโม่ถิงไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ดังนั้นถังหนิงจึงตะโกนถามอีกสองสามครั้งแต่ไม่เพียงโม่ถิงจะไม่ได้ยิน เขายังเอนตัวพิงหนึ่งในคอกกั้นเด็กและค่อยๆ พล็อยหลับไป
เมื่อได้เห็นเช่นนั้น ถังหนิงก็รู้สึกปวดใจ
สำหรับคนภายนอก โม่ถิงเป็นหัวหอกในการตัดสินใจของไห่รุ่ยซึ่งมีเรื่องรอให้เขาตัดสินใจอีกมากมายนับไม่ถ้วน แต่เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน โม่ถิงคือพ่อของเด็กสองคนและต้องการจะเสนอความช่วยเหลือในทุกครั้ง ถังหนิงจำเป็นต้องให้นมลูกทั้งสองทุกๆ ไม่กี่ชั่วโมงและโม่ถิงจะอยู่เคียงข้างเธอทุกครั้ง
เขาไม่เหนื่อยบ้างหรือไง
ถังหนิงวางลูกคนหนึ่งในอ้อมแขนลงก่อนเดินไปอยู่ด้านข้างโมงถิง แต่เมื่อเธอเอื้อมมือไปจับตัวชายคนรัก เธอตระหนักได้ว่าเขาไม่ใช่แค่เผลอหลับไป ตัวเขาร้อนจี๋!
ขณะนี้เป็นฤดูหนาวและอุณหภูมิภายนอกลดต่ำลงจนต้องเปิดเครื่องฮีตเตอร์ ดังนั้นถังหนิงจึงรู้สึกแย่เมื่อเธอคิดว่าโม่ถิงต้องตื่นขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งตลอดทั้งคืนเพื่อนดูแลกั่วกั่ว…
ดังนั้นเธอจึงรีบโทรหาซย่าอวี้หลิง ขอให้เธอมาช่วยดูแลเด็กๆ หลังซย่าอวี้หลิงเดินทางมาถึง หญิงทั้งสองช่วยกันพาโม่ถิงขึ้นไปยังห้องนอน
“หยุดจดจ่อกับตัวเองตลอดเวลาได้แล้วนะ ลูกต้องดูแลโม่ถิงด้วย เด็กๆ ก็สำคัญแต่นั่นหมายความว่าพ่อเด็กไม่สำคัญหรือไง” ซย่าอวี้หลิงดุ “ตั้งแต่ตอนที่พวกลูกแต่งงานกัน เสี่ยวถิงไม่เคยหย่อนยานเรื่องไหนเลย ลูกควรดูแลสุขภาพร่างกายของเขาให้ดี เขาทำงานมาทั้งวันแต่ก็ยังต้องมากังวลเรื่องลูกตอนกลับบ้านอีก”
“ฉันเข้าใจค่ะแม่ ถ้าอย่างงั้นฉันฝากลูกสองคนกับแม่ด้วยนะ”
“ดูแลเขาได้ดีเถอะ” หลังดุว่า ซย่าอวี้หลิงก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อดูแลหลานชายทั้งสองคน
ถังหนิงเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าให้โม่ถิงทันทีและเช็ดตัวให้อีกฝ่าย จากนั้นเธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อลดอุณหภูมิร่างกายของเขา แต่โม่ถิงกลับไม่ตื่นและยังคงหลับต่ออย่างสนิท
ขณะที่เธอมองดูโม่ถิงหลับ ถังหนิงเริ่มหันกลับมาพิจารณาตัวเอง
ตลอดมาโม่ถิงยืนหยัดเพื่อเธอมามากมาย แต่เธอกลับเริ่มเป็นแค่ฝ่ายรับ พวกเธอเป็นคู่ชีวิตกัน ดังนั้นเธอจึงไม่เคยเชื่อว่าจะมีชายคนไหนเกิดมาเพื่อปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งหรือเพื่อหลงใหลในตัวผู้หญิงคนหนึ่งเพราะไม่มีความสัมพันธ์ได้ยืดยาวได้ด้วยการรักใครเพียงข้างเดียว
ผู้หญิงคนอื่นต่างฝันว่าจะได้พบชายรูปงามฐานะร่ำรวยมารักเธอไปตลอดชั่วชีวิต แต่…
ความรักนั้นตั้งอยู่บนการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาแต่ให้และอดทนมานานจนถึงระยะหนึ่ง ความสัมพันธ์ก็จะมาถึงจุดจบ ผู้ชายเองก็เป็นเพศที่เหนื่อยง่ายเสียด้วย…
ดังนั้นเหตุผลที่ถังหนิงได้รับความรักมากมายจากโม่ถิงนั้นใกล้เคียงกับความจริงที่ว่าเธอกระตือรือร้นที่จะพัฒนาความรักและหลงใหลในตัวเขาไม่แพ้กัน
เพราะถึงอย่างไรโม่ถิงก็ตระหนักดีว่าถังหนิงเองพร้อมจะสละทุกอย่างรวมถึงชีวิตของเธอเพื่อเขาเช่นกัน! มีเพียงเมื่อคนสองคนคิดคำนึงถึงกันและกันเท่านั้นถึงจะยืนหยัดผ่านบททดสอบแห่งกาลเวลาไปได้ ความรักไม่ปรานีให้กับความเห็นแก่ตัว
เดิมทีด้วยระดับความเหนื่อยล้าของโม่ถิง ถังหนิงไม่คิดจะปลุกอีกฝ่ายให้ตื่นขึ้น ทว่าเมื่อถึงเวลาตีสอง เขากลับสะดุ้งตื่นขึ้นจนทำให้ถังหนิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงตกใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เมื่อเห็นถังหนิงยังไม่นอน โม่ถิงลุกก็ขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ หลังผ่านไปสองสามวินาที ในที่สุดเขาก็เอ่ยถามขึ้น “ทำไมคุณยังไม่นอนอีกล่ะ”
“คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองมีไข้” ถังหนิงลุกขึ้นจากโซฟาและเอนตัวเข้าหาอ้อมแขนของโม่ถิง “คุณรู้หรือเปล่าว่าทำฉันกลัวแค่ไหน”
“ผมไม่เป็นไรหรอก พักนี้ผมแค่ยุ่งๆ นิดหน่อย”
“ทำไมอยู่ๆ คุณถึงตื่นขึ้นมาล่ะ” ถังหนิงไม่เชื่ออีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าเขาตื่นแทบทั้งคืนจนเขาเป็นหวัดและมีไข้
“ก็ปกติเราตื่นมาให้นมเด็กๆ เวลานี้” โม่ถิงถอนหายใจ “มันน่าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของนาฬิกาชีวิตผมไปแล้ว ผมเลยตื่นโดยอัตโนมัติในเวลานี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น น้ำตาก็เริ่มไหลรินออกจากดวงตาทั้งสองข้างของถังหนิง “คุณทุ่มเทความรักมากมายขนาดนี้ให้ฉันกับลูกได้ยังไงกัน คุณรู้หรือเปล่าว่าแค่นี้ฉันก็กระอักความรักของคุณแล้วนะ”
“แล้วพวกเด็กๆ …”
“คุณแม่กำลังดูแลพวกเขาอยู่” ถังหนิงตอบ “พรุ่งนี้ฉันจะให้ลู่เช่อจองตั๋วไปมัลดีฟส์ให้เราสองคน ไปพักผ่อนกันสักสองสามวันนะ”
“ผมไม่ได้ป็นอะไร”
“คุณต้องพักผ่อนบ้าง” ถังหนิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันไม่ได้กำลงปรึกษาเรื่องนี้กับคุณนะ ฉันกำลังบอกให้คุณฟังฉัน… โอเคไหม”
โม่ถิงมองลึกเข้าไปในดวงตาของถังหนิง ท้ายที่สุดเขาดึงเธอมาไว้ในอ้อมแขนและตอบ “ขอเวลาผมจัดการงานสักหน่อยนะ ตกลงไหม”
“ตกลงค่ะ” ถังหนิงพยักหน้า
หลายครั้งที่ถังหนิงนึกสงสัยว่าโม่ถิงต้องเหนื่อยเพราะความเอาแต่ใจของเธอหรือเปล่า หากเธอไม่ได้เลือกที่จะกลับมาถ่ายละครและอยู่บ้านดูแลเขากับลูกๆ ทุกอย่างจะง่ายขึ้นสำหรับเขาไหม ดังนั้นถังหนิงจึงมีแผนการอื่นหลังการถ่ายทำ ‘ผู้รอดชีพ’ สิ้นสุดลง
โม่ถิงมองดูถังหนิงและสังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งแปลกไปในแววตาเธอ แม้เขาจะอยู่ในสถาพนี้เขาก็ยังอ่านเธอออกด้วยการมองเพียงครั้งเดียว
“คิดว่าผมไม่รู้เหรอว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ต้องคิดจะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ติดบ้านเลยนะ” โม่ถิงขู่อีกฝ่ายขณะที่เขาแขนของเขาโอบรอบคอของถังหนิง
แน่นอนว่าโม่ถิงก็ยังคงเป็นโม่ถิงอยู่วันยังค่ำ แม้เขาจะป่วย เขาก็ยังเป็นราชันจอมบงการสุดโหดอยู่ดี…
ถังหนิงมองโม่ถิงด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเธอจึงเอาแก้มของตัวเองไปถูคอของอีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าไข้ของเขาลดไปหมดแล้วก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
“คุณเกิดมาเป็นนักแสดง ผมไม่มีวันยอมให้คุณมีความคิดอื่นแน่”
“ถ้างั้นคุณต้องรับประกันด้วยว่าคุณจะไม่มีวันป่วยอีก” ถังหนิงขู่ “คุณต้องรู้ด้วยว่าฉันปวดใจแค่ไหนเพราะคุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โม่ถิงก็โอบกอดถังหนิงไว้แนบแน่น
ในช่วงชีวิตที่ทั้งเนิบช้าและยาวนานนี้ ครั้งหนึ่งเขาเคยรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะอดทนกับอะไรสักอย่าง แต่นับตั้งแต่เขาได้ครองรักกับถังหนิง เขารู้สึกว่าหากแม้เขาจะต้องใช้ชีวิตไปอีกร้อยปี เขาก็ไม่รู้สึกว่ามันยากที่จะอดทนเลยสักนิด
ดังนั้นถังหนิงอยากจะไปมัลดีฟส์ใช่ไหม
เมื่อเขาคิดดูดีๆ เขาสองคนไม่ได้ไปเที่ยวกับมาพักใหญ่แล้ว…
แต่ถ้าหากาทั้งคู่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์ครั้งใหญ่เกิดขึ้นในระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่ ถังหนิงคงจะไม่รีบร้อนเดินทางไปต่างประเทศ
…
ขณะเดียวกัน พ่อของเฉินซิงเยียนก็กลับมาปรากฏตัว…
แต่กระนั้นเฉินซิงเยียนกลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด ไม่เพียงแค่พ่อของเธอจะแต่งงานใหม่ เขายังมีลูกชายอายุสิบขวบอีกด้วย
ที่จริงเธอกลัวเกินกว่าจะบอกเรื่องนี้กับไป๋ลี่หวาเพราะ…
“ซิงเยียน พ่อขอโทษแต่พ่อต้องการเงิน!”