หลังเดินทางกลับมาถึงจีน เดิมทีถังหนิงอยากจะนั่งคุยดีๆ กับเฉินซิงเยียน แต่คู่แม่ลูกไม่ต้องการถึงโม่ถิงกับถังหนิงมาเกี่ยวพันด้วย ทั้งสองจึงหลบไปซ่อนตัว
แต่ทำไมทั้งสองต้องหลบซ่อนด้วย พวกเธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
เพื่อการนี้ ถังหนิงจึงไปยังอะพาร์ตเมนต์ของอันจื่อเฮ่าด้วยตัวเอง ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในตัวบ้านซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีคู่รักอาศัยอยู่ที่นี่ ถังหนิงก็อดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ “การถูกทิ้งไม่ได้รู้สึกดีเลยใช่ไหมล่ะ”
“อาฮะ!” อันจื่อเฮ่านั่งลงบนโซฟาและเริ่มดื่มไวน์เข้าไป เขาอยู่ในชุดลำลองสีเทาดูไม่เป็นทางการซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยาก “แต่ผมเข้าใจเธอนะ ผมรู้ว่าเธอไม่อยากเอาผมไปเกี่ยวพันด้วย แต่ความจริงคือผมต่างหากที่ไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้ดี”
“งั้นคุณวางแผนจะทำอะไรล่ะ” ถังหนิงถามพลางนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้าม
“ผมปล่อยให้เธอสูญเสียตัวตนในฐานะนักแสดงไม่ได้ ต่อให้เธอคิดจะวางมือจากวงการนี้จริงๆ ผมก็อยากให้เป็นการตัดสินใจของเธอไม่ใช่เพราะแรงกดดันจากสังคม” อันจื่อเฮ่าตอบพลางจิบไวน์ในมือ
“เราเฝ้ามองดูซิงเยียนเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ เธอเปลี่ยนจากเด็กสาวที่ไม่ประสีประสามาเป็นเธอในตอนนี้ ต้องขอบคุณคุณนะ” ถังหนิงลุกขึ้นยืนและเดินไปด้านข้างของอันจื่อเฮ่าก่อนจะตบลงบนไหล่ของเขาเบาๆ “เดิมทีฉันคิดว่าคุณจะถอดใจเรื่องเฉินซิงเยียนไปแล้ว แต่จากที่เห็น ฉันคงไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นแล้วละ”
“ถังหนิง ที่จริงผมต้องการให้โม่ถิงพูดอะไรบางอย่าง เขาไม่เคยยอมรับตัวตนของเฉินซิงเยียนอย่างเป็นทางการเลย แต่ถ้าเขาไม่อยากทำ ผมก็ไม่บังคับหรอกนะ” อันจื่อเฮ่าพูดกับถังหนิง “ถึงเฉินซิงเยียนจะไม่เคยต้องการเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เธอต้องการพลัง”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการให้” ถังหนิงกล่าวก่อนจะออกจากอพาร์ตเมนต์ของอันจื่อเฮ่า
หลายครั้ง โลกก็ไม่ได้ยุติธรรมนัก บางคนใจดี ใสซื่อและไม่เคยทำอะไรผิด แต่เพราะความเกี่ยวพันทางสายเลือด ทำให้คนเหล่านั้นต้องถูกบังคับให้แบกรับปัญหาที่พวกเขาไม่อาจรับมือได้ มีคนบนโลกใบนี้อีกมากมายแค่ไหนที่ต้องทนแบกรับความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นจากครอบครัวของตัวเองเอาไว้โดยไม่อาจพูดอะไรออกมาได้
ถังหนิงไม่ต้องการให้เฉินซิงเยียนต้องแบกรับความเจ็บปวดแบบนี้
แม้เฉินซิงเยียนจะไม่อาจปฏิเสธความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่เธอมีกับชายคนนี้ได้ แต่เธอทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ
ครั้นกลับมาถึงบ้าน ถังหนิงก็พูดต่อรองกับโม่ถิง “เราควรหาซิงเยียนให้พบโดยเร็วที่สุด เธอไม่ควรเป็นที่ต้องปิดปากเงียบแล้วยอมจำนนแบบนี้”
ที่สำคัญที่สุด เหตุการณ์ในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับแม่ของโม่ถิง โม่ถิงจะปล่อยให้ไป๋ลี่หวาเจ็บปวดกับผลจากกระทำของคนห่วยแตกได้อย่างไร
ดังนั้นโม่ถิงจึงโทรหาลู่เช่อ “หาที่อยู่ของแม่ฉันกับเฉินซิงเยียนเดี๋ยวนี้ หลังพบสองคนนั้นแล้วให้พาพวกเธอกลับมาทันที”
…
สุดท้ายเฉินเทียนเหาทำให้คนเสียชีวิตถึงสองคนโดยเป็นชายวัยกลางคนหนึ่งคนและอีกคนเป็นชายหนุ่ม ท่ามกลางบรรดาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ หนึ่งในนั้นมีสถานะทางสังคมที่ค่อนข้างพิเศษ เขาเป็นลูกชายของเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลปักกิ่ง ในวันนั้นเขาเพียงแค่ออกมาใช้เวลากับเพื่อนๆ โดยไม่คาดคิดว่าจะต้องประสบกับโศกนาฏกรรมเช่นนี้
ครั้งนี้ เฉินเทียนเหาไม่อาจหนีรอดจากการลงโทษไปได้ แต่ไป๋ลี่หวาและเฉินซิงเยียนที่ถูกดึงมาเกี่ยวข้องด้วยกำลังจะต้องเผชิญกับความทรมานจากความเป็นจริง
แม้เฉินซิงเยียนจะได้แสดงในหนังหลายเรื่องและไปออกรายการมากมาย ที่จริงเธอก็ไม่ได้มีเงินเก็บอะไรมากมายนัก หากเธอต้องการที่จะจ่ายค่าชดเชยให้กับหนึ่งครอบครัว เงินที่เธอมีก็ถือว่าเหลือแหล่ แต่เมื่อต้องชดเชยให้กับหลายครอบครัวเช่นนี้ ต่อให้เธอล้มละลายก็ไม่อาจจ่ายค่าชดเชยให้พวกเขาได้ทั้งหมด
เฉินซิงเยียนกับไป๋ลี่หวาปรึกษากันเองและตัดสินใจที่จะไปขอขมาสองครอบครัวที่ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป ดังนั้นในช่วงเช้าตรู่ ทั้งสองนำทุกสิ่งที่จำเป็นไปปรากฏตัวที่หน้าบ้านหลังแรก แต่กระนั้นพวกเธอกลับถูกคนในครอบครัวนั้นไล่ตะเพิดออกมาทันที
“ไสหัวไป คิดว่าที่นี่จะตอบรับคนอย่างพวกแกหรือไง อย่ามาทำให้สามีของฉันต้องตายอย่างไม่สงบเลย”
ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของชายวัยกลางคนที่เสียชีวิต เธอกำลังโศกเศร้าเป็นอย่างมาก ดังนั้นทันทีที่เธอเห็นเฉินซิงเยียน เธอจึงมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับตอนที่อยู่ที่สถานีตำรวจด้วยการคว้าเสื้อของเฉินซิงเยียนและเริ่มทุบตีอีกฝ่าย โดยที่เฉินซิงเยียนไม่ได้โต้ตอบอะไรเลย
“คุณนายคะ ถ้าคุณต้องการจะตีใครแล้วละก็มาตีฉันเถอะ อย่าตีลูกสาวฉันเลย”
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา มาแสแสร้งเล่นละครแบบนี้เพื่ออะไร รีบไสหัวไปซะ…”
“ชิ้ว!” สมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ พากันพลักไสแม่ลูกทั้งสองออกไปจากบ้านของตน จากที่เห็นดูเหมือนการได้รับการอโหสิกรรมจะเป็นไปไม่ได้
แน่นอนว่าเฉินซิงเยียนเข้าใจความรู้สึกของคนเหล่านั้นดี แต่เธอจะทำอะไรได้อีก ถ้าเธอสามารถทำให้คนตายฟื้นคืนได้ เธอก็ยินดีที่จะยอมสละชีวิตของตัวเองด้วยซ้ำ
หลังจากนั้น เฉินซิงเยียนและไป๋ลี่หวาก็เดินทางไปยังบ้านหลังที่สอง แต่แน่นอนว่าครอบครัวนั้นก็ปฏิบัติกับพวกเธอในแบบเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดแตกต่างกันเลย
แต่กระนั้นทั้งสองก็ยังยืนกรานที่จะไปยังโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมบรรดาเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือลูกชายของเจ้าหน้าที่รัฐบาล
“พวกแกคิดว่าการซื้อของขวัญไม่กี่อย่างแล้วมาพูดขอโทษจะช่วยให้ชีวิตของเพื่อนฉันกลับมาดีเหมือนเดิมได้อย่างงั้นเหรอ บอกอะไรให้นะว่าไม่มีทาง ฉันจะให้พวกแกต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”
“พวกเราไม่ได้มาเพื่อขอโทษแทนผู้ชายคนนั้น เราแค่ต้องการทำในสิ่งที่เราทำได้เท่านั้น” ไป๋ลี่หวากล่าวอย่างใจเย็น
“ไม่จำเป็น ยกเว้นพวกแกจะคุกเข่าขอขมา ไม่งั้นก็อย่าหวังว่าฉันจะยกโทษให้”
ชายคนนั้นกำลังนั่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล โดยมีหลายส่วนของร่างกายถูกเข้าเฝือกและพันไว้ด้วยผ้าพันแผลอีกหลายจุด
ขณะเดียวกัน สมาชิกครอบครัวเขากลับทำให้เรื่องยิ่งบานปลายด้วยการโทรเรียกสื่อมาเป็นพยานในเหตุการณ์นี้ด้วย “รีบมาดูซะสิ คนที่พวกคุณเรียกว่าไอดอลมันก็แค่ลูกสาวของไอ้ฆาตกร… คนพวกนี้ต้องเจอไม้แข็งแบบนี้นี่แหละ ทุกคนในครอบครัวของมันก็ต้องโดนแบบเดียวกันด้วย”
“ถ้าฉันคุกเข่า พวกคุณจะยกโทษให้พวกเราใช่ไหม”
“คุกเข่าก่อนสิ!” บรรดาสมาชิกครอบครัวของชายคนนั้นออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงรุนแรง
แม้สองแม่ลูกจะเตรียมใจรับการถูกเย้ยหยันไว้แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาจริง ทั้งสองกลับรู้สึกผิดและมีความรู้สึกต่างๆ มากมายเกิดขึ้นจนเต็มหัวใจ
แม้เป็นเช่นนั้น ไป๋ลี่หวายังคงตัดสินใจที่จะคุกเข่าลง ขณะนั้นเอง ชายคนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของเธอและดึงตัวเธอขึ้นมา “คุณป้าลุกขึ้นยืนเถอะครับ”
เฉินซิงเยียนกับไป๋ลี่หวามองอันจื่อเฮ่าด้วยความช็อก พวกเธอไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะมาปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้เพื่อช่วยพวกเธอ
“พวกคุณสองคนไม่ได้ทำอะไรผิด พวกคุณไม่จำเป็นต้องขอโทษ”
“แกหมายความว่ายังไงที่ว่าพวกมันไม่ได้ทำอะไรผิด พ่อมันฆ่าคนตายนะ!” สมาชิกครอบครัวคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านหลังตะโกนขึ้น กระนั้นอันจื่อเฮ่าได้หันกลับไปตอบคนคนนั้น “เธอรู้ดีว่าพ่อของเธอฆ่าคนตาย”
“พ่อของเด็กนี่ฆ่าคนตาย ดังนั้นมันก็ต้องชดใช้ไม่ใช่หรือไง”
“ไม่ใช่ เธอไม่จำเป็นต้องชดใช้อะไรทั้งนั้น ไม่มีกฎหมายข้อไหนระบุว่าลูกจะต้องชดใช้ในสิ่งที่พ่อแม่ของตัวเองทำ ผู้กระทำผิดจะต้องได้รับการลงโทษ แต่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น ผมจะไม่ยอมให้เธอยืนถูกพวกคุณกล่าวหาอยู่แบบนี้” อันจื่อเฮ่าชี้แจ้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“พวกเรารู้สึกเสียใจกับความเจ็บปวดที่พวกคุณได้รับ ดังนั้นพวกเราจึงมากล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจรวมทั้งจ่ายค่าชดเชยให้ แต่พวกเราจะไม่ยอมให้เกิดการทำร้ายร่างกายหรือถูกต่อว่าเพราะผู้หญิงสองคนนี้ก็เป็นเหยื่อของเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เหมือนกัน
“พ่อของผู้หญิงคนนี้หายตัวไปตั้งแต่เธออายุหกขวบ และทันทีที่เขากลับมาปรากฏตัว เขาก็ฆ่าคนตาย ความเจ็บปวดนี้ใครจะเป็นคนรักษาให้เธอ”
บรรดาสมาชิกครอบครัวต่างพากันจ้องหน้าอันจื่อเฮ่าแต่ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ
ขณะนั้นเอง ในที่สุดลู่เช่อก็พบตัวสองแม่ลูกตามคำสั่งของโม่ถิงและเตรียมพร้อมที่จะพาทั้งสองกลับไปยังไฮแอทรีเจนซี่…