วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 783 ใครจะไม่พอใจก็ต้องขอโทษที พวกเขาต้องทนเอา!

เมื่ออำนาจอันแข็งแกร่งอย่างไห่รุ่ยกำลังปกป้องเธอ เฉินซิงเยียนจึงค่อยๆ มีความมั่นใจขึ้นมา ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าเฉินเทียนเหาคือคนที่ทำผิด ไม่ใช่เธอ ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องรู้สึกผิด

 

 

หลังจากที่ไห่รุ่ยปกป้องเฉินซินเหยียนต่อหน้าทุกคน การซุบซิบนินทาภายในวงการก็ลดลง แม้บางคนจะอยากสู่รู้ พวกเขาก็ไม่กล้าถกเถียงประเด็นนี้ในที่สาธารณะอีกแล้ว

 

 

เฉินซิงเยียนเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เหมาะสมกับตัวตนใหม่ของเธอ หญิงสาวเรียนรู้ที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพราะเธอตระหนักแล้วว่าการมีพื้นหลังที่ดีนั้นช่วยให้เธอปกป้องผู้คนรอบๆ ตัวเธอได้

 

 

ไม่นานหลังจากนั้น ไห่รุ่ยก็ปล่อยคำแถลงการณ์เพื่อชี้แจงเรื่องราวทั้งหมด พวกเขาอธิบายว่าพ่อของเฉินซิงเยียนหายตัวไปตั้งแต่อายุได้หกขวบ แต่เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง พ่อของเธอกลับขอเงินจากเธอ ไม่สิ พูดให้ถูกคือเขากลับมาหลอกเอาเงินจากเธอต่างหาก!

 

 

เฉินเทียนเหานั้นมีลูกชายที่ป่วยอย่างสาหัสอยู่จริงๆ ดังนั้นหลังจากที่อันจื่อเฮ่าและไห่รุ่ยช่วยกันเปิดเผยหลักฐานทั้งหมดแล้ว ผู้คนจึงเริ่มรู้สึกเห็นใจเฉินซิงเยียน

 

 

ขณะเดียวกัน ผู้คนในวงการก็อดไม่ได้ที่จะจินตนาการภาพตัวเองที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเธอ หากไม่ใช่เพราะไห่รุ่ย ชีวิตเฉินซิงเยียนคงถูกทำลายเพราะพ่อตัวแสบของเธอไปแล้ว การเป็นศิลปินนั้นไม่ได้สวยหรูอย่างที่โลกภายนอกเห็น มีหลายกรณีที่ครอบครัวของตัวศิลปินเองได้กลายมาเป็นศัตรูตัวฉกาจบนทางเดินสู่ดวงดาวของพวกเขา

 

 

ดังนั้นเพื่อนหลายๆ คนของเธอจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงการสนับสนุนเธอ “ว่ากันตามตรงแล้ว ถ้าจะโทษใครเรื่องนี้ละก็ คนคนนั้นต้องไม่ใช่เฉินซิงเยียนล่ะนะ”

 

 

“การมีฆาตกรเป็นพ่อมันไม่ใช่เรื่องสวยหรูอย่างแน่นอน แต่การมีนายใหญ่เป็นพี่ชายคนโตนั้นต้องทำให้ชีวิตของเธอสมบูรณ์ขึ้นมากแน่”

 

 

“ด้วยการปกป้องจากไห่รุ่ย เฉินซิงเยียนจะต้องข้ามผ่านอุปสรรคนี้ไปได้อย่างแน่นอน ฉันคิดว่าตอนนี้ทุกคนควรจะเลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้วนะ”

 

 

ในตอนท้าย ไห่รุ่ยก็จ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่สมาชิกครอบครัวของเหยื่อ ทว่านั่นไม่ได้รวมถึงสมาชิกครอบครัวที่บังคับให้เฉินซิงเยียนคุกเข่าและเรียกร้องเงินจากเธอ

 

 

ไห่รุ่ยอยากจะเตือนไม่ให้ทุกคนเล่นแง่ต่อหน้าราชาแห่งวงการบันเทิง เพราะโม่ถิงไม่ได้จ้างทนายความของเขาไว้เปล่าๆ

 

 

ที่สำคัญที่สุดของจุดยืนของโม่ถิง

 

 

นักข่าวคนหนึ่งหยุดโม่ถิงระหว่างที่เขากำลังเดินอยู่แล้วขอให้เขาแสดงความคิดเห็นของตัวเอง ชายหนุ่มตอบกลับไปเพียงแค่ว่า “ผมคิดว่ามุมมองของผมชัดเจนด้วยการกระทำของไห่รุ่ยครับ แม้นามสกุลของเฉินซิงเยียนจะเป็นเฉิน เธอก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลโม่ ผมหวังว่าพวกคุณทุกคนจะจดจำเรื่องนี้เอาไว้และไม่มีวันลืมมันไป”

 

 

ทันทีที่โม่ถิงพูด คำพูดของเขานั้นมีความหมายมากกว่าคำพูดเป็นพันๆ คำที่ร้อยเรียงกันมา

 

 

ถึงใครจะไม่พอใจกับคำพูดนี้ ก็ต้องขอโทษที พวกเขาต้องทนเอา

 

 

พี่ชายที่เป็นเช่นนี้นั้นเท่และทรงอำนาจ คำพูดของเขาทำให้หนทางของเฉินซิงเยียนราบรื่นขึ้นมากมายนัก

 

 

 

 

“ปีนี้มีพิธีมอบรางวัลอยู่หลายงานและก็มีออแกไนเซอร์หลายเจ้าที่ส่งคำเชิญมาให้เธอ มีงานไหนที่เธออยากไปร่วมเป็นพิเศษไหม” อันจื่อเฮ่าและเฉินซิงเยียนเพิ่งย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ๆ กับไฮแอทรีเจนซี่ แม้จะเทียบกับละแวกสำหรับคนรวยและมีอำนาจไม่ได้ แต่ก็ยังอยู่ในเครือไฮแอท ดังนั้นมันจึงปลอดภัยกว่าละแวกอื่นๆ

 

 

“ฉันอยากเจอเฉินเทียนเหา” เฉินซิงเยียนพลันพูดแกมขอร้องกับอันจื่อเฮ่า

 

 

อันจื่อเฮ่าเข้าใจว่ายังมีเรื่องที่รบกวนใจเฉินซิงเยียนอยู่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เฉินเทียนเหาไปอยู่ที่ไหนและทำไมเขาถึงจากไป นี่คงเป็นคำถามบางส่วนที่เธอต้องการคำตอบ

 

 

ดังนั้นหลังจากเงียบกันอยู่ชั่วครู่ อันจื่อเฮ่าก็พยักหน้า “ฉันจะเตรียมการให้เอง”

 

 

“ขอบคุณนะจื่อเฮ่า”

 

 

แม้มันจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความช่วยเหลือจากไห่รุ่ย เฉินซิงเยียนก็จัดการปลีกตัวออกจากปัญหาที่เฉินเทียนเหาก่อเอาไว้ ดังนั้นสื่อมวลชนจึงไม่กล้าดึงเธอเข้าไปผสมโรงด้วยอีกและเปลี่ยนไปสนใจเรื่องอื่นแทน แต่แน่นอนว่าเรื่องราวของเฉินเทียนเหานั้นยังคงดึงดูดความสนใจคนในปักกิ่งได้อย่างมากมายเช่นเดิม

 

 

เพราะถึงอย่างไร มันก็เป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่และเฉินเทียนเหาก็ไม่มีทางหนีโทษประหารไปได้

 

 

ในคืนที่เฉินซิงเยียนจะเข้าไปที่เรือนจำ หญิงสาวมีงานอีเวนต์ที่ต้องไปเข้าร่วมด้วย เดิมทีหญิงสาวรู้สึกแย่และโกรธเกรี้ยว แต่หลังจากได้พบกับเฉินเทียนเหา ความรู้สึกทั้งหมดนั้นก็หายไป

 

 

ขณะที่อยู่ห่างกันเพียงแค่กระจกกั้น เฉินซิงเยียนนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทว่าเฉินเทียนเหาตัวสั่นพลางอ้อนวอน “ซิงเหยียน ช่วยพ่อด้วย”

 

 

ในตอนนั้น เฉินซิงเยียนรู้สึกว่าไม่ว่าชายคนนี้จะมีความลับอะไร ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว

 

 

“พี่ชายฉันช่วยชดเชยให้กับคนที่คุณทำร้ายแล้ว ส่วนลูกชายที่กำลังป่วยหนักของคุณก็กำลังได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์อยู่เช่นกัน แต่เขาจะถูกส่งตัวไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลังจากที่รักษาตัวเสร็จ ส่วนคุณน่ะ ก็สมควรจะตายอยู่แล้วนี่ ว่าไหม”

 

 

“ฉันเป็นพ่อเธอนะ ใจจืดใจดำกันแบบนี้ได้ยังไง”

 

 

“รอความตายของคุณไปเถอะค่ะ เฉินเทียนเหา ทีแรกฉันอยากจะถามว่าทำไมคุณถึงทิ้งแม่กับฉัน แต่หลังจากได้เห็นหน้าคุณแล้ว ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่คุณทิ้งพวกเราไป เพราะนั่นคือการปล่อยให้พวกเราได้เป็นอิสระยังไงล่ะ”

 

 

“ซิงเหยียน ฟังพ่อนะ อย่าไป…”

 

 

ทว่าเฉินซิงเยียนกลับรู้สึกว่าเธอไม่มีอะไรจะพูดกับชายคนนี้อีก

 

 

ดังนั้นหญิงสาวจึงกระแทกโทรศัพท์ลงกับแท่นวาง

 

 

ผู้คนพูดกันอยู่บ่อยๆ ว่าครอบครัวนั้นควรจะให้อภัยกันได้เสมอ เพราะหลังจากที่พวกเขาตายไป พวกเขาก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

 

 

ทว่าเฉินซิงเยียนก็ยังเลือกที่จะไม่ให้อภัยเขา

 

 

เฉินเทียนเหามองเฉินซิงเยียนด้วยความสิ้นหวัง เธอคือความหวังเดียวของเขา เขาคิดว่าเธอจะไม่สามารถทนดูเขาถูกตัดสินโทษประหารด้วยการยิงเป้าได้ แต่ว่า…

 

 

…เฉินซิงเยียนนั้นลุกขึ้นแล้วเดินจากไปจริงๆ …

 

 

“ลูกสาวพ่อ…ซิงเหยียน…ลูกทิ้งพ่อไปแบบนี้ไม่ได้นะ

 

 

ซิงเหยียน…

 

 

พ่อผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ พ่อไม่ควรเล่นยาและดื่มเหล้าเลย ซิงเหยียน ช่วยพ่อด้วย”

 

 

 

 

ระหว่างทางกลับบ้าน อันจื่อเฮ่ากุมมือเฉินซิงเยียนเอาไว้ด้วยความกลัวว่าเธอจะหนาว “ยังอารมณ์เสียอยู่เหรอ”

 

 

“การคิดถึงเรื่องที่เขากำลังจะตายมันน่าอารมณ์เสียอยู่แล้วล่ะ แต่…เขาก็สมควรได้รับมัน” เฉินซิงเยียนตอบด้วยความจริงจัง จากนั้นหญิงสาวก็สูดหายใจเข้าลึกและดึงสติกลับมา “อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปแล้ว ฉันต้องกลับไปเป็นปกติ ฉันไม่อยากให้เหตุการณ์อย่างนี้มาทำร้ายแม่กับฉันอีก”

 

 

“ตอนนี้เธอคือเจ้าหญิงผู้เป็นที่รักของไห่รุ่ยแล้วนะ” อันจื่อเฮ่าผลักหัวของเฉินซิงเยียนเบาๆ “เลิกทำตัวเป็นเด็กๆ ได้แล้ว จดจ่อกับเรื่องการแสดงให้ดีแล้วเดินตามทางของเธอเถอะ”

 

 

เฉินซิงเยียนกลับบ้านมาพร้อมรางวัลเล็กๆ ของปีนั้นด้วยความประหลาดใจ แม้มันจะไม่ใช่รางวัลใหญ่โต แต่มีนักแสดงคนไหนบ้างล่ะที่ไม่ได้เริ่มจากจุดเล็กๆ แล้วค่อยๆ พัฒนาตัวเองขึ้นไป

 

 

แน่นอนว่าถังหนิงนั้นเป็นข้อยกเว้น

 

 

เมื่อเห็นเฉินซิงเยียนมีความสุข อันจื่อเฮ่าเองก็เริ่มรู้สึกมีความสุขเช่นกัน เธอมีความสุขแม้เธอจะไม่เคยคิดถึงรางวัลใหญ่ๆ เลยก็ตาม

 

 

“ในอนาคต ฉันจะชนะรางวัลให้ได้เยอะๆ เลย”

 

 

“ไหนๆ ก็คุยเรื่องนี้กันแล้ว พิธีมอบรางวัลเฟยเทียนได้เริ่มเปิดโหวตรางวัลสาขา ‘ละครเรื่องโปรดของผู้ชม’ แล้วนะ ถ้ามีเวลา เธอควรรวบรวมแฟนคลับของตัวเองแล้วบอกให้พวกเขาโหวตให้ ‘หวงเฟยยอดสตรี’ ของถังหนิงด้วย”

 

 

“พี่หนิงไม่จำเป็นต้องใช้แฟนคลับของฉันหรอกค่ะ” เฉินซิงเยียนนั้นช่างสังเกต แม้จะยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าใครจะได้รางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม แต่ถังหนิงไม่มีทางปล่อยรางวัลสาขา ‘ยอดนิยม’ ไปแน่

 

 

แม้มันจะไม่ได้สำคัญต่อใจของเธอเท่าไหร่ก็ตามที

 

 

‘ผู้รอดชีพ’ กำลังจะเริ่มถ่ายทำและถังหนิงก็จดจ่ออยู่กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ทว่าช่วงนี้กั่วกั่วกลับเริ่มป่วยบ่อยขึ้น…

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset