กลางดึกคืนหนึ่ง ณ บ้านตระกูลเฉวียน
เฉวียนจื่อเยี่ยนั่งพิงอยู่บนโซฟาพลางดื่มไวน์จากแก้วที่อื่นในมือ เขาอยู่ในชุดนอนผ้าบางเบาแต่เครื่องแต่กลับไม่มีทำความร้อนอยู่ในห้อง
พ่อบ้านสูงวัยเดินเข้ามาในห้องพน้อมผ้าห่มผืนหนา “นายน้อยครับ อากาศเย็นอย่างนี้…”
“เจอเฉี่ยนเฉี่ยนหรือยังครับ” เฉวียนจื่อเย่ถามทั้งดวงตาปรือขณะที่ยกแก้วไวน์ขึ้นจรดริมฝีปาก การกระทำของเขาแฝงไปด้วยรังสีร้ายกาจ ยากที่จะทำให้เขาละเลยความสนใจ
“ไม่ครับ ดูเหมือนอยู่ๆ คุณหนูรองก็หายเข้าไปในกลีบเมฆ เราตามหาทั่วปักกิ่งแล้วแต่ไม่เจอเธอเลยครับ” พ่อบ้านตอบกลับ “นายน้อยครับ ทำไมเราไม่…”
“ออกไปได้แล้วครับ” เฉวียนจื่อเย่รู้ว่าพ่อบ้านต้องการบอกอะไรจึงเอ่ยปากไปอย่างเย็นชาเช่นนี้ “คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ลุงก็รู้ดีว่าเฉี่ยนเฉี่ยนมีความหมายยังไงกับผม”
อีกฝ่ายถอนใจออกมาก่อนเอ่ย “ผมจะตามหาเธอต่อไป หวังว่านายหญิงกับคุณชายจะไม่ทราบเรื่องนะครับ”
ช่วยจื่อเยี่ยว่าอย่างไม่ยี่หระ “รู้แล้วจะทำไมล่ะ”
เดิมทีเขาและหลินเฉี่ยนไม่มีเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด หากเขาหวังในตัวเธอจะให้ทำตัวเป็นพี่ชายเธอได้อย่างไร
“คุณหนูรองคงไม่อยากให้คุณทำแบบนี้ นายหญิงเองก็ไม่ค่อยสบาย เธอคงไม่อยากให้คุณทำให้ท่านไม่พอใจ”
“เรื่องแบบนี้มันน่าตลกจะตายไป” เฉวียนจื่อเยี่ยปาแก้วในมือจนแตก แสดงท่าทีหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะตัดขาดกับตระกูลเฉวียนและค่อยแต่งงานกลับเข้ามาอยู่ในตระกูลเอง ฟังดูเป็นยังไงบ้างล่ะ”
พ่อบ้านไม่ได้ตอบรับกลับไป
อันที่จริงเขาอยากให้เฉวียนจื่อเยี่ยแสดงภาพยนตร์มากกว่านี้เจ้าตัวจะได้รู้จักผู้หญิงคนอื่นๆ มากขึ้น แม้ว่าจะคบกับหญิงสาวในวงการบันเทิงเขาก็จะยอมรับมัน
“หลินเฉี่ยน เธอกล้าคิดหนีฉันไปอย่างนั้นเหรอ”
…
ฟังอวี้ยังตามสืบเรื่องของหลินเฉี่ยนต่อ หลังเสร็จสิ้นเขาจึงนำเรื่องกลับไปรายงานโม่ถิง “เฉวียนจื่อเยี่ยไม่ได้เดินเกมเหมือนอย่างคนธรรมดา แต่ว่าเขาตามติดหลินเฉี่ยนอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนเขาก็จะหาทางมาอยู่ใกล้ๆ
“แต่ฝ่ายหลินเฉี่ยนไม่ยอม เธอปฏิเสธเฉวียนจื่อเยี่ยมาตลอดหลายปี แม้ว่าแต่ก่อนขาจะจูบและแตะเนื้อต้องตัวเธอแต่เธอก็ไม่เคยยอมให้เขาทำอย่างนั้นอีกครับ”
“น่าสนใจดีนี่…”
“คุณจะเก็บคนอันตรายอย่างนั้นให้อยู่ข้างๆ ถังหนิงเหรอครับ” ฟังอวี้ถามย้ำ “ถ้าเฉวียนจื่อเยี่ยรู้เรื่องนี้เข้าคงต้องเกิดเรื่องวุ่นวายในปักกิ่งอีกแน่”
“ตราบใดที่ถังหนิงชอบเธอมันไม่สำคัญอะไรหรอก” โม่ถิงตอบกลับอย่างเรียบเฉย
หน้าที่การงานของถังหนิงนั้นมั่นคงทว่าไม่มั่นคงเพียงพอ
รางวัลเดียวไม่พอที่จะการันตีสถานะของเธอให้เหมือนเดิมได้ตลอด ดังนั้นโม่ถิงจึงไม่ได้วางแผนที่จะให้เธอลาวงการการแสดงเพราะต้องการช่วยพาเธอไปให้ถึงฝัน สำหรับเรื่องอื่นๆ เขารู้ว่าถังหนิงสามารถชั่งใจระหว่างข้อดีข้อเสียได้ด้วยตัวเอง ในเวลาเช่นนี้เขารู้ว่าเธอต้องการคนที่เชื่อใจได้อยู่ข้างกาย และดูเหมือนหลินเฉี่ยนจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตามโม่ถิงไม่คิดว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับถังหนิงในคืนนั้น
…
ในขณะที่พวกเขาถ่ายทำฉากตอนกลางคืน ผู้กำกับต้องการให้บรรยากาศดูน่ากลัวมากขึ้นทางทีมงานจึงสร้างฝนเทียมขึ้นมาในขณะที่ถังหนิงจะตกลงไปในบ่อน้ำ
“พี่หนิง ฉากต่อไปค่อนข้างอันตรายมาก แน่ใจเหรอคะว่าจะไม่ใช่ตัวแสดงแทน” หลินเฉี่ยนเริ่มรู้สึกกังวลขณะที่มองทีมงานเตรียมฉาก
“ไม่ต้องหรอก” ถังหนิงเข้าใจว่าหลินเฉี่ยนยังไม่ชินกับวิธีการทำงานของเธอ เธอไม่เคยใช้ตัวแสดงแทนเพราะทุกครั้งที่คิดถึงตัวแสดงแทนจะนึกถึงเฉินซิงเยียน หากวันนี้เฉินซิงเยียนต้องตกลงไปในบ่อน้ำครอบครัวของเธอจะรู้สึกเจ็บปวดเพียงไหน
หลินเฉี่ยนมองไปที่อุปกรณ์ในมือของทีมงานและเอ่ยเตือน “ทำให้มั่นใจว่าพี่หนิงจะปลอดภัยด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วง บ่อน้ำนี้ไม่ลึกมากและเราได้เตรียมการไว้ก่อนแล้ว”
“แต่ว่าการโดดลงไปจากที่สูงขนาดนั้นก็อาจทำให้บาดเจ็บได้นะคะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยย้ำ
ถังหนิงสัมผัสได้ว่าหลินเฉี่ยนเป็นห่วงเธอจากใจจริง อีกฝ่ายมาอยู่ที่นี่เพื่อแสดงความขอบคุณ คนบางคนก็เป็นเช่นนั้น ตราบใดที่คุณทำดีกับพวกเขา เขาก็ยินดีจะตอบแทนกลับด้วยทั้งชีวิต
“ฉันรู้ๆ ฉันจะระวังตัวอย่างแน่นอน”
“เอาละ ถังหนิง มาเริ่มถ่ายกันเถอะ” ทีมงานเข้าประจำที่ของตัวเองทันทีที่ผู้กำกับสั่ง
ในตอนนี้ถังหนิงถูกผูกตัวไว้ด้วยเชือก
“เธอต้องระวังตัวด้วยนะ”
ในขณะที่หลินเฉี่ยนมองดูถังหนิง ทันใดนั้นเธอรู้สึกเหมือนเห็นภาพนี้มาก่อน เธอนึกถึงตอนที่เฉวียนจื่อ
เหยี่ยถ่ายทำฉากที่คล้ายคลึงกัน
เธอจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เฉวียนจื่อเยี่ยทำเพื่อเธอได้ดี หากแต่ฝืนตัวเองไม่ให้ตอบรับความรู้สึกของเขาเพราะไม่ต้องการทรยศคุณนายเฉวียน
ย้อนกลับไปสมัยที่พวกเขายังเป็นนักเรียน หลินเฉี่ยนเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ต่อเฉวียนจื่อเยี่ย ทว่าคุณนาย
เฉวียนเตือนเธอไม่ให้ไปล่อลวงลูกชายตน หากเธอทำเช่นนั้นคุณนายเฉวียนจะยอมฆ่าตัวตายดีกว่าต้องทนเห็นหลินเฉี่ยนต้องกลายมาเป็นลูกสะใภ้ของเธอ
ความละอายใจทั้งหมดตลอดหลายปีก่อนทำให้หลินเฉี่ยนยืนกรานที่จะปฏิเสธความรู้สึกของเฉวียนจื่อ
เหยี่ย
เธอไม่ได้สนใจศักดิ์ศรีของตัวเองเพียงแค่รู้สึกเกลียดชังเท่านั้น
“พี่หนิง! พระเจ้า พี่หนิง…”
ในจังหวะที่ทุกคนได้ยินเสียงเชือกขาดพวกเขาก็นิ่งงันไป ถังหนิงตกลงไปในบ่อน้ำจริงๆ
หลินเฉี่ยนรีบวิ่งมาด้านหน้าและหันไปทางทีมงาน “หยุดฝนค่ะ!”
จากนั้นเธอวิ่งไปที่บ่อน้ำ ตั้งท่าจะโดดลงไปด้วยตัวเองแต่ถูกทีมงานรั้งไว้ “คุณลงไปไม่ได้มันอันตราย”
“ถ้าถังหนิงลงไปได้ทำไมฉันจะทำไม่ได้ล่ะคะ” หลินเฉี่ยนมัดเชือกไว้กับตัวเองและสั่ง “เร็วเข้า! ช่วยเอาฉันลงไปที”
เธอลงไปในบ่อน้ำอย่างไม่ลังเล “พี่หนิง… พี่หนิง…”
“ฉันไม่เป็นไร” ถังหนิงตอบ “ฉันแค่มองไม่ค่อยเห็นเฉยๆ ”
หลินเฉี่ยนหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดไฟฉายทันที และเห็นว่าถังหนิงนั่งอยู่ที่ก้นบ่อพร้อมแขนที่เต็มไปด้วยเลือด
“เจ็บมากไหมคะ”
“ไม่เท่าไร ฉันทนได้ เธอลงมาด้านล่างนี้คนเดียวได้ยังไง”
หลินเฉี่ยนลงมาถึงก้นบ่อและรีบตรวจดูอาการบาดเจ็บของถังหนิง “ดูเหมือนแขนคุณจะครูดตอนที่ตกลงมา เจ็บที่อื่นบ้างไหมคะ”
“อย่าตื่นตูมเกินไปสิและไม่ต้องบอกถิงเรื่องนี้ด้วย ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ถังหนิงสั่งทันที “เป็นเรื่องปกติที่จะบาดเจ็บในกองถ่าย”
“คุณกลัวประธานโม่เป็นห่วงเหรอคะ” หลินเฉี่ยนเผยความรู้สึกที่แท้จริงของถังหนิง “แน่นอนว่าเราสามารถเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ แต่ทีมงานต้องหาคำตอบว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นดังนั้นพวกเขาจะได้ระวังให้มากขึ้น”
ถังหนิงมองหลินเฉี่ยนและคิดได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้บอบบางอย่างที่เห็นภายนอก จริงๆ แล้วเธอเข้มแข็งไม่น้อย
“พี่หนิง ผู้ช่วยหลิน คุณสองคนไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นเราจะดึงพวกคุณขึ้นมาแล้วนะครับ” เสียงทีมงานคนหนึ่งดังมาจากปากบ่อ จากนั้นถังหนิงและหลินเฉี่ยนก็ถูกดึงขึ้นไป
ในตอนนั้นเองที่ผู้กำกับตะโกนต่อว่าผู้ช่วยฝ่ายอุปกรณ์
ขณะเดียวกันสวี่ซินที่กำลังดูการถ่ายทำอยู่ใกล้ๆ และมองอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่ถูกถอดจากตัวถังหนิงอย่างไม่สำนึก
แม้ว่าถังหนิงจะเก่งกาจแต่สุดท้ายเธอก็ยังได้รับบาดเจ็บไม่ใช่หรือ
เธอคิดว่าไม่มีใครเทียบตัวเองได้จริงๆ หรือ
“ผมตรวจสอบดีแล้วจริงๆ นะครับผู้กำกับ ผมทำแล้วจริงๆ ”
“อย่างนั้นก็ตรวจดูอีกครั้งค่ะ” หลินเฉี่ยนขึ้นเสียงใส่ทีมงานคนหนึ่งทันที