“งั้นก็มารอดูกันว่าเธอวางแผนจะข่มขู่ฉันยังไง” ถังหนิงก้มหน้าทว่าเห็นได้ชัดว่าเธอฉลาดและมองการณ์ไกล ถังหนิงเกลียดการถูกข่มขู่แต่ใครบางคนกลับอยากที่จะขุดหลุมฝังตัวเอง
สวี่ซินคิดว่าเธอจะทำอะไรตามใจชอบที่กองถ่ายได้เพียงเพราะเธอหลับนอนกับผู้กำกับหรือ
เป็นที่ชัดเจนว่าเธอไม่รู้ว่าวิธีการเล่นเกมความลับที่แท้จริงเสียเลย
ระหว่างถ่ายทำสวี่ซินคิดว่าตัวเองกุมความลับของถังหนิงไว้ ในขณะที่เข้าฉากด้วยกันเธอจึงส่งสายตาให้ถังหนิงอย่างมีความนัย เธอคาดหวังให้ถังหนิงตอบกลับแต่อีกฝ่ายกลับทำเพียงเหลือบมองเธอและยังคงไม่สนใจอะไร
สวี่ซินอึ้งไปเล็กน้อย ไม่อยากเชื่อว่าถังหนิงจะไม่รู้สึกผิดใดๆ แม้แต่นิด เธอจึงมองไปที่ถังหนิงอีกครั้งและทำท่าว่าจะไปคุยกับเธออีกด้านแต่ถังหนิงก็ยังเมินเฉยใส่เธอเช่นเคย
สวี่ซินไม่สบอารมณ์แต่ทว่าในที่สุดก็ยอมแพ้พลางนั่งลงเงียบๆ ที่มุมหนึ่ง เธอรอจนกระทั่งถังหนิงถ่ายทำเสร็จและนั่งลงเพื่อทานมื้อกลางวันก่อนที่ตัวเองจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ และเอ่ย “พี่หนิง ที่ฉันขอให้พี่ไปเจออีกด้านหนึ่งเพราะมีบางอย่างจะคุยกับพี่ค่ะ”
“ว่ามาสิ…” ถังหนิงตอบทั้งที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา
สวี่ซินหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าตัวเองอย่างไม่พอใจก่อนเอาให้ถังหนิงดู “นี่เป็นรูปที่ฉันถ่ายเมื่อเช้านี้ค่ะ”
ถังหนิงปรายตามอง เธอถ่ายรูปแผ่นหลังอันหล่อเหลาของโม่ถิงไว้
“ฉันยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดี แต่พี่คิดว่าตัวเองดีแค่ไหนกัน ถ้าฉันเผยรูปนี้กับสาธารณชนภาพลักษณ์ภรรยาที่แสนดีและคุณแม่ผู้น่ารักของพี่ก่อนหน้านี้คงจะย่อยยับไม่มีชิ้นดี”
“แล้วยังไงล่ะ”
“ฉันไม่ได้จะแย่งบทนักแสดงนำหญิงของพี่ แค่ขอความช่วยเหลือจากพี่ ยังไงมันก็ไม่ง่ายที่ฉันจะมาอยู่ในจุดนี้ได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พี่ควรทำในฐานะรุ่นพี่ในวงการเหรอคะ ยิ่งเพราะฉันกุมความลับของพี่ไว้ในมือด้วยแล้ว…”
“อย่าลืมว่าเธอกับผู้กำกับเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน” ถังหนิงโต้กลับ
“แต่พี่ไม่มีหลักฐานนี่คะ อีกอย่างพี่คงจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้เพราะคงไม่ดีกับตัวพี่เองถ้าการถ่ายทำหนังจะต้องหยุดชะงักไป” สวี่ซินว่าขึ้นอย่างถือดี “ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะคะ คิดไม่ถึงเลยว่าถังหนิงผู้หยิ่งยโสก็เป็นเหมือนแค่คนทั่วไป”
“จะให้ฉันช่วยเธอยังไงล่ะ” ถังหนิงถามขณะกลั้นหัวเราะเอาไว้
“ฉันอยากให้พี่แนะนำฉันเข้าวงการโฆษณาค่ะ ฉันจะได้มีพื้นที่สื่อและโอกาสจะมีชื่อเสียงมากขึ้น” สวี่ซินเอ่ยอย่างหน้าไม่อาย “ไม่อย่างนั้นเราทั้งสองคนคงจะอยู่ไม่สุขนะคะ”
สวี่ซินคิดว่าด้วยสถานะของถังหนิงในตอนนี้เธอคงต้องสนใจในชื่อเสียงของตัวเองอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการมีสามีเป็นโม่ถิงด้วยแล้ว หากเธอทำเรื่องไม่ยั้งคิดลับหลังโม่ถิงคงจะทำให้ตัวเองตกเป็นศัตรูของไห่รุ่ย จึงรู้สึกว่าหลักฐานที่มีอยู่ในมือช่างมีค่าเสียเต็มประดา
ทว่าในความเป็นจริงแล้ว
…ถังหนิงนั้นไม่ได้สะทกสะท้านใดๆ “ฉันเกลียดเวลามีคนพยายามข่มขู่ฉัน ยิ่งเมื่อพวกเขาไม่มีอะไรดีในตัวเอง ถ้าเธออยากจะแฉฉันก็ทำเลย ทำตามที่เธอต้องการได้เลย”
สวี่ซินนิ่งไป “พี่ไม่สนใจเลยเหรอ เป็นไปไม่ได้น่า ฉันรู้ว่าพี่ชอบเล่นสงครามประสาทกับคนอื่น ดี ถ้างั้นฉันจะให้เวลาพี่กลับไปคิดวันหนึ่ง เลือกเอาว่าจะให้ฉันปิดความลับของพี่ไว้หรือทำลายชื่อเสียงให้สิ้นซาก”
พูดจบสวี่ซินก็เดินจากไป
หลินเฉี่ยนกลับมาในเวลาต่อมา เธอมุ่นคิ้วเมื่อเห็นสวี่ซินเดินออกมา “มันเกิดขึ้นแล้ว เธอพยายามจะข่มขู่คุณสินะคะ”
“ใช่ เป็นอย่างนั้นล่ะ” ถังหนิงพยักหน้ารับ
“เธอต้องการอะไรเหรอคะ”
“เธอเป็นพวกละโมบโลภมากสุดๆ เธออยากได้ทุกอย่างนั่นแหละ” ถังหนิงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“ฉันขอภาพจากกล้องวงจรปิดในโรงแรมไว้แล้วค่ะ ไม่ว่าสวี่ซินจะพยายามแฉอย่างไรเธอก็จะพบแค่ว่าประธานโม่เข้าไปในห้องคุณค่ะ” หลินเฉี่ยนเก็บหลักฐานไว้ในมือ “ว่าแต่คุณมีแผนจะจัดการกับสวี่ซินยังไงเหรอคะ ยังไงซะผู้กำกับก็เข้ามาเกี่ยวพันด้วย”
“เป็นอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ ไม่มีหลักฐานและผู้กำกับเองก็ไม่ยอมรับ ฉันคงทำได้แค่กล่าวหาเธอ” ถังหนิงมองหลินเฉี่ยนด้วยท่าทีมีความหมายแฝง “ฉันคิดว่าถ้ามีหลักฐานเรื่องคงง่ายขึ้นมาก”
“ห้องของผู้กำกับอยู่ในมุมอับค่ะ กล้องไม่สามารถจับภาพอะไรได้จากตรงสุดทางเดิน” หลินเฉี่ยนตอบ “เรื่องทั้งหมดนี้ชักน่าสนใจแล้วสิ”
ถังหนิงมองไปที่หลินเฉี่ยนอย่างพินิจพิเคราะห์และเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีกังวลแม่แต่น้อย เธอใจเย็นมากทีเดียว
น่าเสียดายที่คนที่จิตใจมั่นคงเช่นนี้จะได้เป็นแค่ผู้ช่วยของเธอ
“เธอแน่ใจว่าอยากจะซ่อนอยู่ด้านหลังฉันไปตลอดชีวิตเหรอ จะช้าหรือเร็วเฉวียนจื่อเยี่ยก็ต้องหาเธอเจออยู่ดี”
เมื่อได้ยินชื่อของเฉวียนจื่อเยี่ยหลินเฉี่ยนก็นิ่งงันไป เธอไม่ได้พูดอะไรมากและทำเพียงตอบกลับไป “ไว้ค่อยคิดตอนที่เกิดเรื่องเถอะนะคะ”
ในขณะเดียวกันโม่ถิงที่สังเกตเห็นแผลบนแขนของถังหนิงได้ส่งคนไปสืบและพบว่าเธอตกลงไปในบ่อน้ำ และยังรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังหาคนผิดที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของเธอ เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากซื้อยาที่ดีที่สุดและให้คนไปส่งให้เธอ
ถังหนิงเข้าใจว่านี่เป็นสิ่งที่แสดงความห่วงใยของโม่ถิงและยังเป็นคำเตือนเช่นกัน เขากำลังเตือนไม่ให้เธอบาดเจ็บอีก!
“ประธานโม่ใส่ใจคุณดีจังเลยนะคะ” หลินเฉี่ยนถอนหายใจออกมาอย่างชื่นชม “เขาดีอย่างไม่มีข้อสงสัยเลยล่ะ…”
“ระหว่างการถ่ายทำบ่ายนี้จับตาดูสวี่ซินไว้ด้วยล่ะ ตอนนี้เธอทำตัวอวดดีเหลือเกินเพราะคิดว่าตัวเองกำลังควบคุมผู้กำกับและข่มขู่ฉันอยู่ในเวลาเดียวกัน”
“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่หนิง ฉันจะจับตาดูแมลงวันสกปรกน่ารำคาญไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ” หลินเฉี่ยนตอบกลับอย่างขึงขัง
อย่างที่คาดไว้สวี่ซินรู้สึกหงุดหงิดที่วันหน้านี้ไม่สามารถข่มขู่ถังหนิงได้ เธอจึงจงใจสร้างเรื่องให้ถังหนิงระหว่างการถ่ายทำในช่วงบ่าย
“สวี่ซิน! เธอทำอะไรน่ะ” ผู้กำกับตะโกนลั่น
เจ้าของชื่อมองผู้กำกับก่อนขยี้ตา “ขอโทษด้วยค่ะ ผู้กำกับ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไร”
“เธอจะทำให้ถังหนิงเล่นซ้ำๆ แบบนี้ไม่ได้นะต่อให้เธอไม่เหนื่อยแต่ถังหนิงจะเหนื่อยเอานะ” ผู้กำกับเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “เราจะถ่ายกันอีกครั้ง ถ้าครั้งนี้ไม่ผ่าน วันนี้สวี่ซินก็ไม่ต้องถ่ายแล้ว”
อย่างไรก็ตามหลังการถ่ายทำหลายครั้ง สวี่ซินหาข้อแก้ตัวมากมายและผู้กำกับยอมเชื่อ
ถังหนิงรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินผิดกับสวี่ซินที่พึงพอใจ นั้นเป็นความตั้งใจลึกๆ ของเธอ เธอต้องการให้ถงหนิงรู้ว่าผู้กำกับฟังเพียงแต่เธอและให้อภัยในทุกอย่างที่เธอทำลงไป
เธอยังเดินมาหาถังหนิงและกระซิบข้างหู “ทำไมไม่ให้ฉันแนะนำพี่ให้ผู้กำกับล่ะ ฉันไม่ถือที่จะใช้ผู้ชายร่วมกันหรอกนะคะ”
ถังหนิงปรายตามองอีกฝ่ายแต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไปก่อนหันไปพูดกับผู้กำกับ “ผู้กำกับคะ ทำไมไม่ให้ฉันลองเล่นบทของสวี่ซินและสาธิตให้เธอดูล่ะคะ”
ผู้กำกับมองหญิงสาวทั้งสองคนก่อนตอบตกลงในที่สุด “เอาสิ ถังหนิง ทำให้สวี่ซินดูหน่อยว่าต้องทำยังไง…”