วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 803 เธอไปมีเรื่องกับถังหนิงได้อย่างไร

นิตยสารโกลบัลสไตล์ไม่เหมือนนิตยสารชั้นนำที่ถังหนิงเคยร่วมงานด้วย อันที่จริงมันเป็นนิตยสารแต่งบ้าน ทว่าศิลปินเกรดบีหลายคนต่างพยายามแย่งชิงเพื่อให้ได้ขึ้นปก

 

 

สวี่ซินรู้ตัวว่าตัวเองอยู่ในจุดไหน เธอรู้ว่าไม่สามารถรีบร้อนได้ ดังนั้นจึงขอเพียงได้ขึ้นปกนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นฉบับที่จะวางแผงในเดือนพฤษภาคม

 

 

เธอใช้ชีวิตอย่างเพ้อฝัน คิดว่าหากยังกุม ‘ความลับ’ ของถังหนิงไว้ อีกฝ่ายจะเอื้อประโยชน์ให้กับเธอ

 

 

ดังนั้นโกลบัลสไตล์จึงนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น… มันเป็นงานที่ผู้จัดการของเธอพยายามคว้ามานานอย่างไร้ความหวัง

 

 

ในเมื่อผู้จัดการของเธอทำอะไรไม่ได้ อย่างนั้นถังหนิงก็น่าจะทำได้ไม่ใช่หรือ

 

 

ไม่เพียงเรื่องนี้เท่านั้นแต่เธอยังเริ่มจินตนาการไปมากมาย อย่างการไต่เต้าไปอยู่ในระดับเดียวกับถัง

 

 

หนิง หาผู้ชายสักคนและแต่งงานเข้าตระกูลที่ร่ำรวย

 

 

หากแต่…

 

 

วันถัดมาก่อนที่การถ่ายทำจะเริ่ม สวี่ซินเข้าไปหาหลินเฉี่ยนและเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้าง”

 

 

หลินเฉี่ยนมองสวี่ซิน มองข้ามท่าทางเย่อหยิ่งของเธอก่อนพูดอย่างสบายๆ “เมื่อคืนดึกมากแล้วและบรรณาธิการก็หลับแล้ว เดี๋ยวฉันจะติดต่อพวกเขาคืนนี้ ไม่ต้องเป็นห่วง”

 

 

“แล้วฉันจะรอข่าวดี ไม่งั้นอย่ามาโทษฉันว่าทำเรื่องให้เดือดร้อนแล้วกัน”

 

 

หลินเฉี่ยนหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ และไม่ได้แสดงท่าทีมากนัก เธอจะไม่เสียเวลาไปโกรธคนประเภทนี้หรอก

 

 

บรรยากาศระหว่างหญิงสาวทั้งสามคนดูแปลกไปเล็กน้อย แม้แต่ทีมงานยังรู้สึกถึงความผิดปกติและเริ่มซุบซิบกัน

 

 

“นี่ พวกเธอเห็นไหม ทำไมสวี่ซินถึงทำตัวหยิ่งทุกครั้งที่คุยกับผู้ช่วยหลินเลยล่ะ เธอเป็นแค่คนที่ไม่ได้สำคัญอะไร กล้าไปทำตัวอย่างนั้นต่อหน้าพี่หนิงได้อย่างไรกัน”

 

 

“เทียบกันแล้วถังหนิงดูนิ่งเฉยมาก เธอสมเป็นราชินีจริงๆ เธอรู้ว่าจะคุยกับผู้คนยังไง”

 

 

ในจังหวะที่สวี่ซินออกมา เธอหันมามองกลุ่มคนจึงได้ยินบทสนทนาชัดเจน แต่กลับไม่สะทกสะท้านเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในระดับที่จะทำอะไรได้ อย่างไรก็ตามเธอดูถูกถังหนิงอยู่ลึกๆ ดูก็รู้ว่าถังหนิงเป็นแค่ผู้หญิงสำส่อน คนพวกนี้ให้เกียรติเธอไปได้อย่างไร ไม่ยุติธรรมเลย!

 

 

“พี่หนิงคะ ฉันโทรไปหารองประธานฟังแล้ว เขาบอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยและจะเป็นคนจัดการเองค่ะ แต่นอกจากเขาจะโน้มน้าวบรรณาธิการของโกลบัลสไตล์ไม่ให้เลือกสวี่ซินแล้วยังทำให้เธอไม่ได้งานใดๆ แม้แต่งานที่เซ็นสัญญาไปแล้วด้วยค่ะ!”

 

 

“การถ่ายทำจะเริ่มแล้ว ฉันจะไปเตรียมตัวนะ” ถังหนิงพยักหน้ารับอย่างรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง วงการนี้เป็นสิ่งที่เธอหลงใหลดังนั้นเธอจะไม่ยอมปล่อยให้สวี่ซินมามีผลกับอารมณ์ของตัวเองระหว่างการแสดง

 

 

มันไม่จำเป็น

 

 

“ไม่ต้องห่วงค่ะ” หลินเฉี่ยนแย้มยิ้ม

 

 

ถิงหนิงยิ้มตอบก่อนตรงไปยังที่ถ่ายทำ

 

 

เหตุผลที่ถังหนิงไม่รู้สึกว่าสวี่ซินเกะกะขวางตาในฉากเพราะเธอจดจ่อกับการแสดงของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะกำลังแสดงอยู่กับใครสิ่งที่เธอเห็นมีแค่ตัวละครในภาพยนตร์ของพวกเขาเท่านั้น

 

 

อย่างไรก็ตามสวี่ซินนั้นเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เธอส่งสายตาให้ถังหนิงไม่เลิก ไม่ว่าเธอจะเป็นนักแสดงเกรดหรือตัวประกอบเธอก็ไม่ต่างไปกับผู้หญิงที่ชอบสร้างความวุ่นวายไปทั่ว

 

 

ไม่นานการถ่ายทำในช่วงเช้าก็เสร็จสิ้น หลินเฉี่ยนเข้ามาหาถังหนิงพร้อมเสื้อคลุมในมือ หลังจากสวมให้อีกฝ่ายก็ปล่อยให้เธอได้ทานมื้อกลางวัน ทว่าสวี่ซินกลับตามพวกเขามา…

 

 

เพื่อเลี่ยงไม่ให้สวี่ซินเข้าไปยุ่มย่ามกับถังหนิง พลันหลินเฉี่ยนก็หันมาพูด “รอฟังข่าวนะคะ…”

 

 

หลังได้รับคำตอบสวี่ซินก็หยุดตามไปเอง ได้แต่ปลื้มปริ่มอยู่ในอกกับปกหน้าที่กำลังจะได้ขึ้น

 

 

ความจริงแล้วเธอรู้สึกในใจอยู่เช่นนี้จนกระทั่งช่วงบ่ายและปล่อยให้มันส่งผลต่อการแสดงของตัวเอง

 

 

แม้ว่าสวี่ซินจะเป็นคนรักลับๆ ของเขา แต่ผู้กำกับก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่าเธอ “สวี่ซิน มัวแต่ฝันกลางวันอะไรอยู่ เธอแสดงเป็นหรือเปล่าเนี่ย”

 

 

“ผู้กำกับคะ ฉันเหนื่อยนี่คะ…” เธอร้องโอดโอย

 

 

“ขนาดถังหนิงยังไม่บ่นว่าเหนื่อยเลย เธอจะร้องคร่ำครวญไปทำไมกัน” ผู้กำกับถาม “ตอนนี้เธอได้แต่เป็นตัวถ่วงของถังหนิงนะ ไม่ได้ดูเหมือนนักแสดงเลยสักนิด”

 

 

สวี่ซินไม่ชอบคำวิจารณ์เช่นนี้แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ อย่างไรตอนนี้ก็เป็นช่วงกลางวันและเธอไม่สามารถแสดงความรักกับผู้กำกับได้แต่อย่างใด จึงทำได้เพียงยอมรับทุกคำตำหนิที่เขาต่อว่าเธอ

 

 

เธอได้รับสายจากผู้จัดการของตัวเองในไม่ช้า รู้ทันทีว่าเป็นเรื่องความคืบหน้าเกี่ยวกับหน้าปกนิตยสาร เธอจึงขอเวลานอกทันทีและวิ่งไปในมุมอับเพื่อรับโทรศัพท์

 

 

“สวี่ซิน…”

 

 

“เดือนพฤษภาคมนี้ถ่ายปกวันไหนเหรอคะ” สวี่ซินถาม

 

 

“เธอพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ” ผู้จัดการของเธองุนงง

 

 

“ไม่ได้โทรหาฉันเรื่องหน้าปกนิตยสารโกลบัลสไตล์เหรอคะ” เธอเอ่ยด้วยความมั่นใจเสียเหลือเกิน

 

 

“อืม ก็จริงที่บรรณาธิการของโกลบัลสไตล์โทรมาน่ะนะ…”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันได้งานนี้แล้วใช่ไหมคะ” เธอตัดบทอย่างภาคภูมิใจ “ฉันคว้างานนี้มาได้ด้วยตัวเอง ฉํนทีใช่ไหมคะ”

 

 

“ไม่ ฉันจะถามว่าเธอไปมีปัญหากับไห่รุ่ยได้ยังไง บรรณาธิการของโกลบัลสไตล์โทรมาหาฉันเป็นการส่วนตัวและบอกว่าไม่ให้เราไปเหยียบเอเจนซี่ของพวกเขาอีก บอกว่าจะไม่ใช้เธอเป็นนางแบบเพราะไห่รุ่ยเตือนพวกเขาเอาไว้ ไม่อย่างนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับบางอย่างที่จะตามมา”

 

 

“อะไรนะคะ” สวี่ซินอึ้งไป เธอไม่อยากจะเชื่อสื่งที่ผู้จัดการของตัวเองพูด “เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า”

 

 

“ไม่ บรรณาธิการบอกฉันชัดเจนว่าถังหนิงสั่งไม่ให้พวกเขาเลือกเธอ!”

 

 

ได้ยินดังนั้นทั้งร่างของเธอก็สั่นเทาไปด้วยความโกรธ…

 

 

“ที่สำคัญคือไม่ใช่แค่โกลบัลสไตล์แต่นิตยสารทุกหัวที่มีความเกี่ยวข้องกับไห่รุ่ยบอกชัดเจนว่าพวกเขาจะไม่รับเธอเข้าพิจารณาใดๆ แม้แต่สัญญาที่เราเซ็นไปก่อนหน้านี้ก็ถูกยกเลิกในนาทีสุดท้าย”

 

 

“เธอไปมีเรื่องกับถังหนิงได้ยังไง” ผู้จัดการของเธอรู้สึกโมโห มันไม่ง่ายสำหรับเธอที่จะหาศิลปินที่อยู่ในวงการนี้เป็นเลย ทั้งตอนนี้เธอยังถูกทำลายเสียย่อยยับด้วย

 

 

“ตอนนี้พวกเธอสองคนทำงานด้วยกันอยู่ไม่ใช่เหรอ”

 

 

สวี่ซินไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดคุยกับผู้จัดการของตัวเองอีกต่อไปในขณะที่กดวางสายและรีบไปที่ฉากถ่ายทำ จากนั้นจึงเข้าไปหาถังหนิงและกดเสียงถามอีกฝ่าย “เธอทำให้ฉันของขึ้น อีกไม่นานฉันจะเอาคืนเธอแน่”

 

 

ถังหนิงยกยิ้มบางๆ และรอจนกระทั่งถึงเวลาพักของเธอก่อนจะต่อสายหาโม่ถิง “ถิงคะ… คุณอยู่ที่ไหน”

 

 

“ผมจะไปถึงที่ถ่ายทำภายในอีกครึ่งชั่วโมงครับ”

 

 

“โอเคค่ะ ฉันจะรอคุณนะ” แม้ว่าซูซิ่นจะไม่มีผลอะไรกับเธอแต่มันก็ยังน่ารำคาญที่มีแมลงคอยมาบินข้างหูอย่างนี้

 

 

ดังนั้นบางอย่างถึงไม่จำเป็นต้องปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไปอีก

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset