วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 804 คุณเข้าใจผิดแต่ไม่ใช่สำหรับผม

“ถังหนิง เธอโกรธฉันจริงๆ สินะ” สวี่ซินบุกเข้ามาในห้องถังหนิงอย่างเกรี้ยวกราดด้วยตั้งใจจะมาหาเรื่อง ทว่าเธอกลับพบถังหนิงอยู่กับโม่ถิง คู่รักกำลังจะออกจากห้องไปข้างนอก

 

 

เวลาช่างเหมาะเจาะเหลือเกิน

 

 

สวี่ซินสงสัยว่าประธานโม่จะรู้สึกโกรธมากแค่ไหนหลังจากรู้ว่าถูกภรรยาของตัวเองนอกใจ

 

 

ดังนั้นเธอจึงเร่งฝีเท้าจนตามทันคู่รักก่อนที่พวกเขาจะลงบันไดไป “พี่หนิงค่ะ มีบางอย่างที่ฉันอยากคุยกับพี่เป็นการส่วนตัวค่ะ เราออกมาคุยกับหน่อยได้ไหมคะ”

 

 

อย่างไรก็ตามถังหนิงไม่ได้ทำตามที่เธอขอก่อนตอบ “ฉันไม่มีอะไรปิดบังสามีของฉัน ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาเลย”

 

 

“พี่แน่ใจเหรอคะ” สวี่ซินถามด้วยวี่แววไม่เป็นมิตร “พี่ไม่กังวลว่าฉันจะเปิดเผยเรื่องแย่ๆ ของพี่ให้ประธานโม่รู้เหรอคะ”

 

 

“ก็ลองดูสิ” ถังหนิงตอบอย่างตรงไปตรงมา แน่นอนว่าสายตาของเธอฉายแววน่ากลัวพอๆ กัน

 

 

อีกฝ่ายจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของถังหนิงและเห็นว่าเจ้าตัวไม่ได้กลัวเลย ดังนั้นเธอจึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา เปิดรูปที่ถ่ายไว้ก่อนหน้านี้และเอาให้โม่ถิงดู “ประธานโม่คะ ผู้หญิงคนที่อยู่ข้างๆ คุณ ภรรยาที่คุณรักนักหนา… เธอแอบนอกใจลับหลังคุณค่ะ!”

 

 

พูดจบเธอก็รอดูชะตากรรมของถังหนิง ผู้ชายคนนี้คือโม่ถิง หากถังหนิงไม่โดนตบหน้าสักฉาดคงจะน่าแปลกใจ แต่ทว่า…

 

 

…โม่ถิงทำเพียงมองไปที่สวี่ซินอย่างเย็นชาโดยไม่พูดออกมาสักคำ

 

 

“ประธานโม่คะ”

 

 

โม่ถิงมองหน้าจอและส่งคืนให้เจ้าของเครื่อง “ครั้งหน้าอย่าแอบถ่ายหลังของผมอีก ฝีมือการถ่ายรูปของคุณมันแย่”

 

 

หลังจากได้ยินเช่นนั้น สวี่ซินมองโม่ถิงด้วยความตกใจ…

 

 

“นี่คือสิ่งที่คุณเรียกว่าหลักฐานเหรอ”

 

 

ในที่สุดเธอก็รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ชายคนที่แอบออกมาจากห้องของถังหนิงคืนนั้นคือโม่ถิง เธอไม่เพียงแต่คิดว่าถังหนิงมีชู้แต่ยังพยายามจะข่มขู่อีกฝ่ายอีกด้วย!

 

 

ทันใดนั้นสวี่ซินรู้สึกอับอายเหลือทน “ขอโทษค่ะ… ฉันขอโทษ แต่ฉันคิดว่าตัวเองคงเข้าใจผิดไปเอง”

 

 

“คุณเข้าใจผิดแต่ไม่ใช่สำหรับผม” โม่ถิงจับมือถังหนิงและประสานนิ้วเข้าด้วยกันแน่น “คุณทำบางอย่างที่ภรรยาผมเกลียดมากที่สุด คิดว่าผมจะจัดการกับคุณยังไงดีล่ะ”

 

 

“พี่หนิง ฉันจะไม่ทำอย่างนี้อีก พูดกับประธานโม่ให้ฉันหน่อยนะคะ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว” สวี่ซินอ้อนวอนออกมาทันที

 

 

แต่ถังหนิงกลับทำเพียงปรายตามองเธออย่างไม่ใส่ใจก่อนจับมือเดินออกไปจากโรงแรมไปกับโม่ถิง

 

 

เธอกำลังจะแขวนคอสวี่ซิน เจ้าตัวจะได้เข้าใจถึงความกลัวที่แท้จริง

 

 

ดังนั้นความหวาดกลัวของเธอจึงก่อตัวเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ไม่ว่าอย่างไรใครๆ ต่างก็พูดว่าถัง

 

 

หนิงไม่เคยปล่อยศัตรูของตัวเองไปง่าย แล้วเธอจะขอความช่วยเหลือจากใครได้อีกล่ะ

 

 

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง สวี่ซินจึงไปตามหาหลินเฉี่ยน

 

 

เมื่อเห็นหลินเฉี่ยนนั่งทานอาหารอยู่เธอรีบวิ่งไปร้องไห้ใส่และนั่งลงข้างๆ “ผู้ช่วยหลิน…”

 

 

“มีอะไรเหรอคะ” หลินเฉี่ยนถามอย่างใจเย็น “เมื่อเช้าคุณไม่ได้สนุกอยู่กับการข่มขู่พี่หนิงเหรอคะ ตอนนี้มาร้องไห้ทำไมล่ะ”

 

 

“ฉันเข้าใจพี่หนิงผิด ช่วยขอให้เธอเมตตาและให้อภัยฉันหน่อยได้ไหม ถ้าเรื่องนี้ถูกแฉมันคงไม่ดีกับตัวหนังเหมือนกัน” สวี่ซินพยายามใช้ภาพยนตร์เป็นข้ออ้างในการหยุดถังหนิงไว้

 

 

“ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ถังหนิงคำนึงถึงภาพรวมอยู่แล้วล่ะค่ะ” เธอตอบ

 

 

“จริงเหรอ”

 

 

“เชื่อฉันสิคะ” หลินเฉี่ยนยิ้มอย่างมั่นใจพร้อมดวงตาที่ฉายแววใจดี

 

 

สวี่ซินกลืนน้ำลายลงคอ รู้ว่าตัวเองทำพลาดครั้งใหญ่ เธอไม่มีหน้าจะมาเจออีกฝ่ายอีกแล้ว จึงตรงกลับไปที่ห้องของตัวเอง ระหว่างการถ่ายทำในคืนนั้น ถังหนิงไม่ได้พูดอะไรเธอจึงถอนใจออกมาอย่างโล่งอก…

 

 

หากแต่… ในระหว่างมื้อกลางวัน หลินเฉี่ยนได้พูดกับผู้กำกับเป็นการส่วนตัว

 

 

“ผู้กำกับคะ คุณรู้หรือเปล่าว่าพี่หนิงถูกใครบางคนข่มขู่” เธอถามขึ้น “และคุณรู้หรือเปล่าว่าเป็นใคร”

 

 

แม้ว่าผู้กำกับจะพอคาดเดาได้ว่าเป็นสวี่ซินแต่เขาไม่กล้าที่จะเอ่ยชื่อของเธอ อย่างไรเขาก็รู้สึกผิดเช่นกัน

 

 

“ถังหนิงรู้ถึงความเป็นมืออาชีพของคุณในฐานะผู้กำกับและเราก็ไม่มีสิทธิ์ไปคาดคั้นเรื่องส่วนตัวของคุณ เราหวังว่าคุณจะมีสตินะคะ ความจริงที่สวี่ซินกล้าพอที่จะข่มขู่ถังหนิงทำให้เห็นแล้วว่าเธอทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ…

 

 

“ฉันหวังว่าคุณจะคำนึงถึงภาพรวมและปกป้องชื่อเสียงของภาพยนตร์ไว้ นี่คือสิ่งที่ประธานโม่หวังในตัวคุณมากที่สุดค่ะ”

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้นใบหน้าของผู้กำกับก็ขึ้นสี เขาไม่สบายใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะถูกเปิดเผยความลับ

 

 

“ส่วนจะต้องทำอย่างไร ฉันมั่นใจว่าคุณหาทางแก้ไขเรื่องนี้เองได้อย่างง่ายๆ ในขณะเดียวกันถังหนิงจะลืมเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจนกว่าจะถ่ายทำเสร็จสิ้นค่ะ”

 

 

เขาเข้าใจว่าเธอหมายความว่าอย่างไร สวี่ซินไม่ใช่คนที่ควรจะเก็บไว้ข้างกายนานนัก

 

 

ดังนั้นคำพูดของเธอจึงเป็นคำเตือนที่เฉียบคม…

 

 

…ว่าถึงเวลาที่ต้องจบปัญหาแล้ว

 

 

การมีเรื่องกับถังหนิงไม่ต่างกับการเป็นศัตรูกับไห่รุ่ยทั้งหมด

 

 

สวี่ซินคนนี้ช่างกล้าเหลือเกิน

 

 

ถังหนิงได้ทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเขาด้วยการให้หลินเฉี่ยนทิ้งคำใบ้ไว้ให้เขามากพอแล้ว นั่นจึงเป็นสิทธิ์เดียวของเขาที่จะยอมรับความหวังดีนี้

 

 

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับถังหนิง”

 

 

“หลังลุกจากที่นี่ไป ฉันจะลืมทุกอย่างเช่นกัน คุณก็ไม่ต้องกังวลเหมือนกันนะคะ”

 

 

ผู้กำกับพยักหน้าเป็นการขอบคุณหลินเฉี่ยนและถังหนิง

 

 

หากเขาปล่อยให้สวี่ซินทำเรื่องนี้ให้เลยเถิดและมันถูกเปิดเผยเข้า คงไม่อาจคาดคิดได้ว่าจะมีสิ่งใดตามมาบ้าง…

 

 

ดังนั้น… เขาจึงรู้ดีว่าควรมองการณ์ไกลเข้าไว้

 

 

 

 

คืนนั้นโม่ถิงและถังหนิงออกไปทานมื้อเย็น เมื่อเห็นว่าสวี่ซินไม่ได้ทำให้ถังหนิงสะทกสะท้านแต่อย่างใด โม่ถิงก็ส่งยิ้มให้ก่อนถามขึ้น “คุณรู้ไหมครับว่าผมหงุดหงิดนิดหน่อยเพราะวันนี้มีคนมาใส่ร้ายภรรยาผม”

 

 

“ไม่มีอะไรต้องหงุดหงิดนี่คะ มันไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะ” ถังหนิงตอบ “ไม่มีประโยชน์ที่จะเสียเวลาไปกับคนที่ไม่สำคัญอะไรหรอกนะคะ”

 

 

“ผมหงุดหงิดเพราะเธอกล้ามาข่มขู่คุณครับ” โม่ถิงวางเนื้อเสต็กที่เขาหั่นให้ตรงหน้าถังหนิง “เธอช่างกล้าที่จะทำมันลงไปจริงๆ นั่นแหละค่ะ”

 

 

ถังหนิงก้มหน้าและนิ่งคิดชั่วครู่ก่อนเงยหน้าขึ้นและเอ่ย “ถิงคะ… ฉันมาคิดๆ แล้ว อันที่จริงฉันก็คิดเรื่องนี้มานานแล้วแต่ไม่แน่ใจว่าคุณจะเห็นด้วยหรือเปล่า”

 

 

โม่ถิงวางมีดส้อมในมือลงก่อนใช้ผ้าเช็ดริมฝีปากให้ถังหนิง จากนั้นจึงว่าขึ้นอย่างรักใคร่ “บอกผมมาสิ คุณก็รู้ว่าผมไม่คยปฏิเสธคุณได้”

 

 

ทว่าถังหนิงส่ายหน้าและมองโม่ถิงอย่างแน่วแน่ “ฉันจะบอกคุณหลังถ่ายเรื่อง ‘ผู้รอดชีพ’ เสร็จค่ะ”

 

 

“โอเคครับ อย่างนั้นผมจะรอนะ” โม่ถิงลูบศีรษะเธอด้วยท่าทีที่ดูแลเธอราวกับอัญมณีล้ำค่าเหมือนอย่างเคย แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพ่อแม่ลูกสองแล้วก็ตาม

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset