ถังหนิง อีกแล้ว! ทำไมต้องเป็นถังหนิงทุกที!
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจความรู้สึกของความพ่ายแพ้
“เป็นเพราะความสามารถของเธอที่ทำให้ฉันแพ้ให้เธอ” พูดจบในที่สุดสวี่ซินก็เดินจากผู้กำกับไป แต่เมื่อเห็นหลายคนให้ความเคารพถังหนิงก็ทำให้เลือดในกายของเธอเดือดพล่านขึ้นมา
“ในที่สุดก็กำจัดตัวรังควานออกไปได้…” ผู้กำกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกในขณะที่มองสวี่ซินเดินจากไป
เขามักจะมีท่าทีเฉยเมยกับคนบางคนขึ้นมาเอง แน่นอนว่าในกรณีของสวี่ซินนั้น เจตนาของเธอไม่ได้บริสุทธิ์ใจเสียทีเดียวเธอจึงไม่สมควรได้รับความเห็นใจแต่อย่างใด
ทว่าหลังจากที่สวี่ซินผละจากผู้กำกับ เธอไม่ได้ออกมาจากกองถ่ายทันที แต่กลับเข้าไปหาถังหนิงและจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ฉายแววไปด้วยความเกลียดชัง “เรื่องระหว่างเรายังไม่จบหรอกนะ”
“ถึงเวลาที่เธอต้องไปรายงานตัวสำหรับหนังเรื่องใหม่ของเธอแล้วนี่…” ถังหนิงเอ่ยเตือน
“ตอนนี้ฉันกำลังเกลียดได้ทีเลยล่ะ” ”
“เธอคงเกลียดตัวเองที่เอาตัวเข้าแลกให้กับผู้ชายแต่ไม่ได้อะไรกลับมาสักอย่างสินะ” ถังหนิงตอกกลับเข้าอย่างจัง
“ถังหนิง ฉันจะไม่ยอมเลิกราแค่นี้แน่” สวี่ซินประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคน ดูเหมือนเธอจะถึงขีดจำกัดของตัวเองเสียแล้ว ทุกคนต่างมองตรงไปที่หญิงสาวทั้งสามคนและเริ่มคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สวี่ซินไม่ได้อธิบายอะไรก่อนที่หันหลังเดินจากไป
ทันที่ที่สวี่ซินออกไปทุกคนก็หันมามองถังหนิง
เกิดอะไรขึ้นเหรอ
ทำไมสวี่ซินถึงอารมณ์เสียขนาดนั้นกัน
“ฉันว่าคนเลวๆ คงไม่เคยสำนึกว่าตัวเองทำผิด พวกเขาได้แต่เอามาตรฐานความดีไปตัดสินคนอื่น ในขณะที่ตัดสินตัวเองด้วยมาตรฐานความชั่ว” หลินเฉี่ยนถอนใจออกมา
“ถังหนิง เตรียมตัวสำหรับฉากต่อไปได้เลย” เสียงผู้กำกับดังก้องไปทั่วกองถ่าย ทันทีที่เธอได้ยินก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนเดินออกไป…
หลังจากสวี่ซินจากไปทีมงานก็ไม่ได้พูดถึงเธอแม้แต่น้อย ที่แน่ๆ คือเธอได้เริ่มงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ในขณะที่ ‘ผู้รอดชีพ’ ยังคงถ่ายทำต่อไป
อย่างไรก็ตาม ด้วยว่าถังหนิงไม่ได้เจอลูกของตัวเองมาสักพักหนึ่งแล้ว ผู้กำกับจึงให้เวลาพักกับเธอหลังจากถ่ายทำฉากที่สำคัญๆ บางฉากจนเสร็จสิ้น เธอจะได้คลายความคิดถึงลงบ้าง
เดิมทีโม่ถิงอยากจะขับรถมารับเธอแต่ถังหนิงรู้สึกปวดใจเมื่อนึกถึงงานที่เขาต้องสะสางมาตลอดทั้งวัน จึงบอกให้หลินเฉี่ยนขับรถให้แทน
เวลาสี่ทุ่ม ถังหนิงกำลังพักผ่อนอยู่ที่เบาะหลังของรถตู้
หลินเฉี่ยนเหลือบมองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลัง เมื่อเห็นว่าถังหนิงกำลังนอนหลับอย่างเงียบเชียบเธอจึงตัดสินใจลดความเร็วลง
ทว่าไม่นานหลังจากนั้น หลินเฉี่ยนก็สังเกตเห็นรถสีดำที่กำลังขับตามพวกเขามา
เธอกลัวว่าจะเป็นพวกแอบถ่ายหรือบางทีเธออาจจะคิดไปเอง จึงจงใจหักเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ หากแต่ก็เป็นอย่างที่สงสัย รถคันนั้นขับตามเธอมา
หลินเฉี่ยนตื่นตระหนกเล็กน้อยในขณะที่ขับรถกลับไปที่ถนนใหญ่ ในตอนนี้เอง จู่ๆ รถคันนั้นก็เปิดไฟหน้าจนสุดและพุ่งตรงมาทางหลินเฉี่ยน กระแทกรถตู้เข้ากับขอบทางด้านขวาของถนน
ถังหนิงรู้สึกถึงความผิดปกติ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นรถกำลังจะชนอย่างรุนแรงเข้าทางด้านซ้ายของรถตู้ของพวกเขา
“พี่หนิงคะ รีบโทรหาตำรวจเลยค่ะ เป็นฝีมือของสวี่ซิ่น เธอเสียสติไปแล้ว”
“สักครู่นะ” ถังหนิงหยิบโทรศัพท์ออกมา ในจังหวะที่เธอจะกดต่อสายรถสีดำก็ได้วิ่งมุ่งหน้าตรงเข้าชนที่ด้านข้างรถตู้
เสียงดังลั่นทำให้ทุกคนต่างตกใจ รถตู้ที่ถังหนิงนั่งอยู่ถูกกระแทกจนเสียรูปไปข้างหนึ่ง…
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากส่งเสียงเรียก คนคนนี้ไปโกรธแค้นมาขนาดไหนกัน
…
กลางดึกคืนนั้นระหว่างที่โม่ถิงกำลังพาลูกชายของตัวเองเข้านอน อยู่ๆ กั่วกั่วก็เริ่มร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
ซย่าอวี้หลิงรีบเข้ามาช่วยทันที หลังจากตรวจดูอย่างละเอียดก็พบว่าไม่ได้มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา
“หนูก็สบายดีนี่นา ทำไมอยู่ดีๆ ถึงร้องไห้ออกมาอย่างกับจะขาดใจอย่างนั้นล่ะลูก”
ในเวลาเดียวกัน ถังถังกลับนอนนิ่งอย่างกับท่อนไม้ ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาเขาก็คงยังไม่รู้สึกตัว
“เสี่ยวหลิงไม่ได้กลับบ้านมาสักพักแล้ว เขาคงคิดถึงแม่ของเขา”
“แม่ครับ ช่วยดูลูกๆ ให้สักครู่ได้ไหมครับ ผมจะไปโทรศัพท์สักหน่อย…”
แม้ว่าเขาจะต่อสายหาถังหนิงอยู่หลายครั้งแต่ก็โทรไม่ติด ในตอนที่เริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้รับสายจากลู่เช่อ “ประธานครับ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับคนผู้หญิงครับ”
คิ้วของโม่ถิงขมวดเครียดเคร่งในทันที
…
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ข่าวภาคค่ำค่ะ ข่าวด่วนในคืนนี้ ถังหนิง นักแสดงสาวชื่อดังได้ประสบอุบัติเหตุเมื่อคืนนี้ในเวลายี่สิบสองนาฬิกาสี่สิบเอ็ดนาที บริเวณจงซานหวน จากคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์เธอถูกรถยนต์สีดำคันหนึ่งซึ่งเป็นคันที่ตั้งใจชนรถตู้ของเธอไล่ตาม เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและเกิดความวุ่นวายขึ้นในที่เกิดเหตุ จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่ค่ะ…”
ก่อนหน้านี้ซย่าอวี้หลิงเพียงแค่เห็นว่าโม่ถิงรีบออกจากบ้านไปอย่างกระวนกระวาย แต่เธอไม่รู้ว่าทำไมเพราะไม่ทันได้ถามเขา ทว่าหลังจากได้ยินข่าวในโทรทัศน์ เธอก็นิ่งค้างไปด้วยความตะลึงและตกอยู่ในอาการเสียขวัญ
เป็นความจริงที่อุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แม้แต่สื่อยังเพิ่งทราบข่าวเรื่องนี้ ด้วยความรีบไปทำข่าว ณ ที่เกิดเหตุ นักข่าวบางคนถึงกับใส่เสื้อผ้ากลับด้าน
หากแต่ไม่มีใครล่วงรู้ความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ สื่อจึงทำได้เพียงสันนิษฐานไปพร้อมๆ กับสาธารณชน
คำว่า ‘อุบัติเหตุทางรถยนต์ถังหนิง’ กระโดดขึ้นเป็นคำค้นหาอันดับแรกอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในเวลานี้
[ใครเป็นคนทำร้ายพวกเขากันนะ ใครจะไปมีความแค้นได้ขนาดนั้น]
[ฉันดูวิดีโอจากคนที่ผ่านไปมาแล้ว ให้ตายเถอะ รถตู้ของถังหนิงกระเด็นไปอีกข้างและถูกชนจนเสียรูปไปเลย]
[รถตู้สภาพแบบนี้แล้ว มีโอกาสไม่มากที่คนด้านในจะไม่ได้รับบาดเจ็บ]
[เธอเพิ่งได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมไปเมื่อไม่นานนี้เอง น่าเสียดายจัง]
…
ลู่เช่อและโม่ถิงรีบมาที่โรงพยาบาลที่หญิงสาวทั้งสามคนเข้ารับรักษาตัว ลู่เช่อกันสื่อต่างๆ เอาไว้ในขณะที่โม่ถิงปิดกั้นทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขา สายตาของเขาฉายแววเย็นชา เพียงแวบเดียวที่มองก็เพียงพอให้ใครๆ ล่าถอยกลับไป
“คุณโม่คะ คุณนายโม่อยู่ในห้องนี้ค่ะ” พยาบาลเอ่ยพร้อมผายมือไปทางห้องฉุกเฉินตรงหน้าพวกเขา “แต่ว่าตอนนี้ยังเข้าไปไม่ได้นะคะ”
“หลบไป” โม่ถิงกดเสียงข่มขู่
อีกฝ่ายตัวสั่นไปด้วยความกลัว เธอจึงไม่อาจห้ามโม่ถิงได้ในขณะที่เขาบุกเข้าไปในห้อง
“ถิงคะ…”
ตอนนี้หมอกำลังพันแผลบนแขนของถังหนิงที่อยู่บนเตียง โชคดีที่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บที่อื่นด้วย
โม่ถิงผลักหมอออกไปด้านข้างและเข้ามากอดถังหนิงไว้ทันที ดึงเธอเข้ามาชิดอกอย่างแนบแน่น “โชคดีที่คุณไม่เป็นอะไรมาก โชคดีจริงๆ …”
“ฉันสบายดีค่ะ” ถังหนิงปลอบชายที่กำลังตัวสั่นในอ้อมแขนของเธอ “ฉันรอดมาได้อย่างหวุดหวิดเลยล่ะค่ะ”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เพราะในจังหวะนั้นเธอคิดว่าตัวเองจะตายเสียแล้ว
ทว่าหากเธอตายไป จะเกิดอะไรขึ้นกับโม่ถิงกับลูกชายของเธอกัน
หากเธอตายไปพวกเขาจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่โดยไม่มีเธอได้อย่างไร
เมื่อคิดได้เช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มร่วงหล่นลงมาจากดวงตาของเธอ “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ”
“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณโม่ คุณนายโม่ เป็นแค่อาการช็อกเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีอะไรรุนแรงครับ ส่วนคนไข้อีกสองคนบาดแผลของเขาไม่ได้สาหัสมากเช่นกัน คุณไม่ต้องกังวลไปนะครับ”
หากแต่ในช่วงเวลานี้โม่ถิงจะสนใจเรื่องของคนอื่นไปได้อย่างไรกัน