เหลืออีกเพียงหนึ่งวันก่อนการแถลงข่าวจะเริ่มขึ้น
ถังหนิงกำลังดูแลลูกทั้งสองของเธออย่างสบายใจอยู่ที่บ้านขณะที่หลงเจี่ยมาหาที่ไฮแอทรีเจนซี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เก็บตัวอยู่ที่บ้านมานานกว่าหนึ่งเดือน ทันทีที่เธอเห็นเด็กน้อยทั้งสองกำลังคลานไปมาอยู่รอบๆ ตัวถังหนิง หลงเจี่ยก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “จากที่เห็น เหมือนคุณจะกำลังมีความสุขกับชีวิตแบบนี้ ในขณะที่โลกภายนอกแทบจะกลับตาลปัตรเพราะคุณเลยนะคะ”
“ใช่ว่าฉันจะฆ่าตัวตายแล้วทำให้เรื่องทุกอย่างมันดีขึ้นได้สักหน่อย” ถังหนิงอุ้มกั่วกั่วขึ้นเพื่อที่เด็กน้อยจะได้หยุดดูดข้อเท้าของถังถัง
“มาคุยเรื่องงานกันดีกว่าค่ะ ฉันดูข้อมูลของคนที่คุณขอแล้วนะ แต่ฉันไม่คิดว่าเราจะมีความสามารถมากพอที่จะเซ็นสัญญากับคนพวกนั้นในคราวเดียวได้ค่ะ อีกอย่างด้วยสถานะของคุณตอนนี้คนพวกนั้นอาจจะไม่เชื่อมั่นในตัวคุณ ดังนั้นเซ็นสัญญาไปทีละคนน่าจะดีกว่าค่ะ” หลงเจี่ยหยิบข้อมูลที่เธอพบออกมา หลังจากคลอดลูก หลงเจี่ยดูราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
แต่ถังหนิงเพียงแค่มองอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร
“มีอะไรงั้นเหรอคะ”
“อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนเรากลับไปตอนเราอยู่ที่เทียนอี้” ตอนนั้นหลงเจี่ยมีความทะเยอทะยานที่จะหางานให้ถังหนิงมาก แต่ถังหนิงเอาแต่ทำให้หลงเจี่ยใจสบายด้วยการเอางานพวกนั้นไปให้โม่อวี่โหรว
“คุณจะช่วยให้ฉันจิตใจสงบโดยการไม่ย้ำให้ฉันนึกตาเบื๊อกหันอวี่ฝานได้ไหมคะ” หลงเจี่ยกลอกตา “กลับมาเข้าเรื่องได้แล้ว”
“ฉันไม่อยากได้คนพวกนี้ ฉันมีคนอื่นอยู่ในใจ” ถังหนิงตอบ “ไว้มาคุยเรื่องนี้กันหลังจากงานแถลงข่าวเถอะ”
“พวกนักข่าวต้องการแค่หนึ่งในสองสิ่งเท่านั้นแหละค่ะ คือถ้าไม่ได้เห็นคุณร้องไห้ขอโทษขอโพย ทุกคนก็อยากเห็นคุณสร้างเรื่องขึ้นมาเหมือนตัวตลก พวกนั้นไม่มีใครใจกว้างหรอกนะคะ” หลงเจี่ยพ่นลมออกทางจมูก “แต่คนพวกนั้นคิดว่าคุณเป็นใครกัน คุณคือถังหนิงและไม่เคยทำอะไรอย่างที่คาดไว้สักอย่าง”
“ถ้างั้นพวกเขาจะไม่ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาอยากเห็นหรอก” ถังหนิงยักไหล่
“เหมือนกับพวกที่กำลังเหยียบย่ำคุณตอนที่คุณกำลังตกต่ำด้วย…
“คนพวกนั้นกำลังจะได้เข้าใจความรู้สึกของการต้องสำนึกว่าเป็นยังไง”
“อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกตั้งหน้าตั้งตารองานแถลงข่าวขึ้นมาแล้วสิ”
ถังหนิงเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
…
ครั้งสุดท้ายที่หลินเฉี่ยนนำเอกสารไปให้ที่ไห่รุ่ย เธอบังเอิญพบกับเฉวียนจื่อเยี่ยที่ระเบียงทางเดิน เขายังดูทรงเสน่ห์เหมือนอย่างเคยและดึงดูดความสนใจในทุกที่ที่เขาไปถึง “ว่าไงครับผู้ช่วยหลิน เราพบกันอีกแล้วนะ”
“สวัสดีค่ะ คุณเฉวียน แย่หน่อยนะเพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน” หลินเฉี่ยนตอบอย่างไร้เยื่อใย
“หมายความว่าไง”
“หมายความว่าอย่างนั้นแหละ” ทันทีที่พูดจบ หลินเฉี่ยนก็หันหลังกลับแต่เฉวียนจื่อเยี่ยคว้ามือของเธอและรั้งเธอเอาไว้
“ฉันเข้าไห่รุ่ยมาเพราะเธอนะ”
“ฉันไม่เคยขอให้คุณทำแบบนั้น” หลินเฉี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูนิ่มนวลขึ้นเล็กน้อย “คุณพี่ชายคะ ฉันบอกคุณไปชัดเจนแล้วว่าคุณมีชีวิตของคุณ ฉันมีชีวิตของฉัน เราไม่สามารถใช้เส้นทางร่วมกันต่อไปได้อีก ต่อไปพี่ก็จะแต่งงานและฉันก็จะพบที่ของฉัน”
“พูดคำพวกนี้ออกมาไม่เสียใจบ้างหรือไง” เฉวียนจื่อเยี่ยถาม “มีส่วนไหนของร่างกายเธอบ้างที่ฉันไม่เคยเห็นหรือไม่เคยสัมผัส”
“ตอนฉันใส่ชุดว่ายน้ำ ผู้ชายคนอื่นก็จะได้เห็นร่างกายของฉัน ตอนฉันไปนวด หมอนวดก็ได้สัมผัสร่างกายของฉัน ดังนั้นคุณไม่ได้พิเศษไปกว่าคนอื่น” หลินเฉี่ยนกล่าวก่าอนจะปัดแขนของเฉวียนจื่อเยี่ยทิ้ง “ไปทำเรื่องที่คุณควรทำเถอะ”
“เธอทำแบบนี้เพราะกังวลเรื่องแม่ฉันใช่ไหม”
“อย่าพูดถึงแม่คุณเลย” ว่าแล้วหลินเฉี่ยนก็เดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับ
ขณะเดียวกัน เฉวียนจื่อเยี่ยเผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา “เป็นเพราะแม่ฉันจริงๆ สินะ”
“จื่อเยี่ย ฉันมีความรู้สึกว่าเฉี่ยนเฉี่ยนไม่ได้แค่กลัวว่าแม่นายจะรู้เรื่องหรอกนะ คิดให้ดีสิ กี่ครั้งแล้วที่นายยอกเฉี่ยนเฉี่ยนว่านายจะจัดการกับแม่ของนาย แต่เฉี่ยนเฉี่ยนไม่เคยเชื่อนายเลย แถมทุกครั้งที่นายพูดถึงแม่ เฉี่ยนเฉี่ยนจะรังเกียจแบบสุดๆ …”
“นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่” เฉวียนจื่อเยี่ยหันกลับไปมองผู้จัดการของเขา
“ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเฉี่ยนเฉี่ยนกับแม่ของนายแน่ ทางที่ดีนายควรหาให้เจอนะ
“นายกับเฉี่ยนเฉี่ยนเคยสนิทสนมกันมาก อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้นายสองคนกลายเป็นแบบนี้ ไม่ใช่แค่เพราะเฉี่ยนเฉี่ยนเปลี่ยนไปหรอก”
เฉวียนจื่อเยี่ยตกอยู่ในห้วงความคิด หลังจากนั้นสักครู่ ท่าทีชั่วร้ายเล็กๆ กลับมาปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง “ทำตารางคืนพรุ่งนี้ให้ว่างนะ ฉันจะกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้าน”
“เข้าใจแล้ว…”
“แล้วหามาด้วยว่าเฉี่ยนเฉี่ยนพูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง”
เขากำลังหมายถึงคำพูดของเฉี่ยนเฉี่ยนที่ว่าพวกเขาจะไม่มีวันได้พบกันอีก
…
งานแถลงข่าวของไห่รุ่ยจัดขึ้นที่โกลเดนฮอลของโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง
เวลาที่ลู่เช่อตั้งไว้คือสิบโมงครึ่ง
ทุกคนเป็นอย่างที่หลงเจี่ยคาดการณ์ พวกเขาต่างรอดูว่าถังหนิงจะแก้ตัวอย่างไร ไม่ก็จะร้องไห้อย่างร้าวรานและร้องขอความเห็นใจ เพราะปัญหาที่เธอกำลังประสบคราวนี้นั้นใหญ่ยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
แต่ถังหนิงผู้ไม่เคยโอนอ่อนให้ใครจะยอมคุกเข่าและร้องขอความเมตตาอย่างนั้นหรือ
ทุกคนต่างได้แต่คาดเดา
[ดูจากการที่ไห่รุ่ยกล้าจัดงานแถลงข่าว ต้องหมายความว่าโม่ถิงมั่นใจว่าจะผลักสถานการณ์ได้แน่]
[ฉันแน่ใจว่าทุกคนเคยเห็นมาแล้วว่าถังหนิงประชาสัมพันธ์เก่งแค่ไหน]
[ถ้าคราวนี้ยังใช้อุบายอะไรได้อีก ถังหนิงคงเป็นเทวดาแล้วล่ะ]
[ใช่ไหมล่ะ ยังไงมันก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอฆ่าใครบางคนตายไปแล้ว]
[พวกเธอไม่เคยได้ยินหรือไง เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนพูดถึงถังหนิง ทุกคนจะนึกถึงฆาตกรคนหนึ่ง มันทำให้ทุกคนกลัวจนพวกเขายกเลิกงานโฆษณาทั้งหมดของเธอไปเลยนะ]
[เราควรรอดูก่อนว่าถังหนิงจะออกมาพูดว่ายังไง]
แน่นอนว่าถังหนิงยังคงมีแฟนคลับที่ซื่อสัตย์กับเธออยู่
[ฉันยังเชื่อว่าถังหนิงของพวกเราจะให้คำอธิบายที่น่าพอใจ]
[ถังหนิงเคยช่วยสภาพจิตใจของฉันคงที่และมันจะไม่มีวันเปลี่ยนไป]
[ต้องเป็นเรื่องยากสำหรับถังหนิงของฉันแน่เลยที่ต้องเป็นผู้บริสุทธิ์แต่ถูกใส่ร้ายแบบนี้]
สุดท้ายก่อนที่ถังหนิงจะทันได้ปรากฏตัวในงานแถลงข่าว ทุกคนก็ได้เริ่มพากันถกเถียงแล้ว ผู้คนมากมายกำลังเฝ้ารอดูชะตากรรมของถังหนิงและท่ามกลางคนเหล่านั้น มีหลายคนพร้อมที่จะซ้ำเติมถังหนิงขณะที่เธอล้ม
“คุณพร้อมไหม” โม่ถิงถามหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ในรถ “ผมจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการแถลงข่าววันนี้ คุณจะพูดและทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ แต่ในขณะเดียวกันคุณต้องคิดถึงผลที่ตามมาด้วยนะครับ”
“ตกลงค่ะ ฉันคิดทุกอย่างมาละเอียดถี่ถ้วนแล้ว” ถังหนิงพยักหน้า “ให้ฉันเผชิญหน้ากับเรื่องนี้เอง ฉันไม่ต้องการการประชาสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น ฉันแต่ต้องการการเริ่มต้นใหม่”
โม่ถิงลูบหัวของถังหนิง ใครจะอยากปล่อยให้คนรักของตัวเองถูกทุกคนฉะด่ากัน ใครจะไปรับไหว แต่ถังหนิงไม่ใช่คนทั่วไปและเธอไม่เคยตอบสนองแบบธรรมดาด้วย
“เรามาถึงแล้วนะ”
“ใช่ เรามาถึงแล้ว” ถังหนิงพยักหน้า “คุณโม่จะเข้ามาแบกรับคำตำหนิร่วมกับฉันไหมคะ”
โม่ถิงไม่ตอบ กลับกัน เขาก้าวออกจากรถก่อนจะเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่งเพื่อเปิดประตูและยื่นมือให้ถังหนิง
ในขณะนั้น บรรดานักข่าวเริ่มเข้ามารายล้อมพวกเขา แต่เมื่อมีโม่ถิงอยู่ใกล้ๆ พวกนักข่าวไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาใกล้จนเกินไป
ไม่ว่าจะอย่างไร ความจริงก็กำลังจะได้รับการเปิดเผยในการแถลงข่าวอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
ต่อให้พวกเขาวิ่งไล่ถังหนิงเพื่อเค้นเอาคำตอบ เธอก็ไม่ตอบพวกเขาอยู่ดี…
“ไปกันเถอะ งานแถลงข่าวกำลังจะเริ่มแล้ว”