ไม่แน่ชัดว่าถังหนิงออกมาแถลงข่าวกี่ครั้งแล้วนับตั้งแต่เธอเปิดตัว ดังนั้นครั้งนี้จึงไม่แตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ มีนักข่าวมากมายพร้อมกับเสียงชัตเตอร์ระรัวดังมาจากกล้องถ่ายรูปสีดำจำนวนมากจนมองดูราวกับเป็นทะเลกล้อง
คนเหล่านี้ต่างต้องการข่าวที่ช็อกสะเทือนวงการแม้ข่าวนั้นจะไม่เป็นความจริงก็ตาม
ไม่เพียงเท่านั้น ทุกคนต่างมาพร้อมกับดวงตาที่ตั้งข้อสงสัย ราวกับพวกเขาเป็นเครื่องยนต์ที่ไร้หัวใจ
ถึงแม้ถังหนิงจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการตายของสวี่ซิน แต่เธอยังคงแสดงความเคารพด้วยการใส่ชุดเดรสยาวสีดำและแต่งหน้าเพียงบางๆ เท่านั้น
ทุกคนมองดูถังหนิงขณะที่เธอก้าวขึ้นไปบนเวทีด้วยรองเท้าส้นสูงสีดำโดยมีบอดีการ์ดบางส่วนเดินประกบไปด้วย ขณะเดียวกันโม่ถิงนั่งอยู่ที่ด้านล่างเวที วันนี้เขามีหน้าที่เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น
แต่การมีตัวตนของโม่ถิงสร้างความหวาดกลัวและความรู้สึกอันหลากหลายให้กับบรรดานักข่าว
ถังหนิงหันมามองดวงตา ‘แสวงหาความจริง’ หลายคู่ที่อยู่ด้านล่างเวที จากนั้นเธอจึงกล่าวกับทุกคน “สวัสดีค่ะทุกท่าน”
“ถังหนิง ทุกคนกำลังรอฟังความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับเหตุการณ์ของสวี่ซิน” บรรดานักข่าวพูดขึ้นอย่างร้อนใจ “คุณช่วยบอกพวกเราได้ไหมว่าข่าวลือพวกนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า อะไรเป็นสาเหตุการฆ่าตัวตายของสวี่ซิน”
“ใช่ค่ะ ถังหนิง การตายของสวี่ซินเป็นปริศนาสำหรับทุกคน คุณช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ปริศนา?” ถังหนิงอดไม่ได้ที่จะพูดย้ำคำพูดนี้ “มันเป็นปริศนาได้ยังไงคะ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดคดีนี้ไปแล้ว พวกคุณต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่ยอมเชื่อเรื่องนี้”
บรรดานักข่าวมองถังหนิงด้วยความข้องใจ พวกเขาไม่เชื่อเพราะคำตอบมันง่ายเกินไป
เพียงเพราะความกลัวที่พวกเขามีต่อโม่ถิงทำให้พวกเขายังไม่ใช้คำพูดที่หยาบคายออกมา
“เรื่องของสวี่ซินส่งผลกระทบถึงอาชีพของคุณแล้ว ไม่ว่ายังไงคุณควรบอกความจริงกับทุกคน”
นักข่าวพยายามกดดันถังหนิงด้วยการระบุถึงอาชีพของเธอ…
ถังหนิงยิ้มและมองไปยังนักข่าวพวกนั้น หลังเวลาผ่านไปชั่วครู่ ในที่สุดเธอก็พูดขึ้น “ก็ได้ค่ะ ในเมื่อพวกคุณต้องการความจริง ฉันก็จะให้ความจริงกับพวกคุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของบรรดานักข่าวลุกโชนขึ้นทันที
ไม่ว่าถังหนิงจะพูดความจริงหรือสร้างเรื่องขึ้นมาก็ตาม มันจะกลายเป็นพาดหัวข่าว กระแสและรางวัลสำหรับการทำภารกิจได้สำเร็จของพวกเขา
“สวี่ซินกับฉันแค่ร่วมงานกันในหนังเรื่องหนึ่ง เราไม่ได้รู้จักกันดีนักและไม่เคยแข่งขันกันในด้านใดๆ …”
“คุณกำลังพยายามจะปฏิเสธความสัมพันธ์กับสวี่ซินงั้นเหรอคะ” นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น “คุณกล้าพอที่จะพูดว่าคุณไม่ได้กดดันอะไรเธอเลยไหม”
ถังหนิงตอบคำถามอันบาดลึกนั้นด้วยการหัวเราะคิกคัก “ใช่ค่ะ ฉันกดดันเธอ”
ถังหนิงนั้นไร้จุดด่างพร้อยมาโดยตลอด แต่เธอกลับกำลังยอมรับต่อหน้าทุกคนว่าเธอกดดันสวี่ซิน!
เธอกดดันสวี่ซิน!
กดดัน!
“ในเมื่อคุณกดดันเธอ แล้วทำไมถึงไม่ยอมรับว่าการตายของเธอเกี่ยวข้องกับคุณล่ะ”
“พวกคุณไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมฉันถึงกดดันเธอ” น้ำเสียงถังหนิงดังขึ้นอย่างฉับพลัน “ในคืนหนึ่ง โม่ถิงมาเยี่ยมฉันที่กองถ่าย แต่เนื่องจากการที่เขาเดินทางกลับตั้งแต่เช้าตรู่ เขาจึงไม่ได้แจ้งทีมงานคนไหนว่าเขามาเยี่ยมฉัน
“ขณะที่ฉันกำลังมาส่งเขากลับ สวี่ซินถ่ายภาพโม่ถิงจากด้านหลัง เธอจำเขาไม่ได้และคิดว่าฉันกำลังมีชู้
“เพราะเหตุนี้ สวี่ซินพยายามข่มขู่ฉันและบอกให้ฉันช่วยหางานให้เธอ จากนั้นเธอขอให้ผู้ช่วยของฉันติดต่อบรรณาธิการของโกลบัลสไตล์ เพื่อที่เธอจะได้ขึ้นปกหนังสือฉบับเดือนพฤษภาคม แต่ฉันบอกกับนิตยสารฉบับนั้นโดยตรงว่าไม่ให้ใช้สวี่ซินแทน หลังจากนั้นสามีของฉันได้มาเยี่ยมฉันที่กองถ่ายอีกครั้งเพื่อชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น นี่คือลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“เธอข่มขู่ฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่ยอมรับเรื่องนี้ แต่ฉันไม่ได้เปิดโปงวิธีสกปรกของเธอกับใคร พวกคุณอยากให้ฉันทำอะไรอีล่ะคะ
“หลังจากเหตุการณ์นั้น เราก็ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันอีก ดังนั้นทำไมฉันถึงควรแสดงความรับผิดชอบในการตายของเธอด้วย”
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมสวี่ซินถึงต่อว่าคุณแม้แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เธอจะตายด้วยล่ะ” นักข่าวคนหนึ่งถาม
“ฉันคิดว่าคุณควรถามคำถามนั้นกับสวี่ซินแทนนะคะ” ถังหนิงตอบ
“ถังหนิง คุณควรจะตระหนักว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหนนะ คุณจัดงานแถลงข่าววันนี้เพื่อที่คุณจะได้รักษาอาชีพที่กำลังร่วงไปแล้วของตัวเอง”
“ขอโทษนะคะ อาชีพของฉันสำคัญ แต่ฉันจะไม่ทำสิ่งที่ขัดกับความตั้งใจของฉันและขอโทษพวกคุณหรอก ทำไมฉันถึงควรลดตัวเองลงต่อหน้าพวกคุณด้วย” ถังหนิงถามด้วยน้ำเสียงทรงพลัง “แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองยังไม่เคยสร้างความลำบากอะไรให้ฉันเลย แล้วพวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร”
“คุณเป็นศิลปิน ดังนั้นพวกเรามีหน้าที่ต้องจับตาดูการกระทำของคุณ”
“ถ้างั้นในฐานะพลเมืองธรรมดาคนหนึ่ง คุณได้ทำหน้าที่ของตัวเองในการเชื่อมั่นต่อกฎหมายและเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมแล้วหรือยัง ในฐานะผู้ทำข่าว พวกคุณได้สืบหาความจริงและเคารพต่อความเป็นจริงโดยไม่อคติแล้วหรือยัง ฉันไม่อาจสร้างเรื่องอย่างที่พวกคุณต้องการและฉันไม่คิดจะทำแบบนั้นด้วย พวกคุณอยากจะจับตาดูฉันงั้นเหรอ พวกคุณก็แค่มาที่นี่เพื่อตั้งข้อสงสัยในตัวฉันเท่านั้น…”
“พวกเราแค่กำลังสืบหาความจริง…”
“การตายของสวี่ซินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน นั่นคือความจริง” ถังหนิงตอบอย่างหนักแน่น “ต่อให้ฉันรู้ว่าพวกคุณจะไม่เชื่อฉันต่อให้ฉันพูดจนปากเปียกปากแฉะ มันก็คือความจริง ถ้าพวกคุณไม่เชื่อฉัน ฉันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“เช่นเดียวกับอาชีพของฉัน ถ้าแค่ปกป้องเกียรติของตัวเองยังทำไม่ได้แล้วนับประสาอะไรกับอาชีพของตัวเองล่ะ”
ถังหนิงสงบตัวเองลงหลังสูดหายใจเข้าลึก “ฉันจะจดจำนักข่าวทุกคนที่มาในวันนี้ หลังจากนี้สามปีมาดูกันว่าพวกคุณหรือฉันที่จะยังอยู่”
“คุณแทบจะไม่เหลืออะไรแล้วยังมีหน้ามาหาเรื่องพวกเราอีก”
“ฉันขอพูดเป็นครั้งสุดท้าย ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการตายของสวี่ซิน จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นสิทธิ์ของพวกคุณ!” พูดจบ ถังหนิงก็ก้าวลงจากเวทีปล่อยให้บรรดานักข่าวอยู่กับความผิดหวัง
เกิดอะไรขึ้นกับวิธีการประชาสัมพันธ์ตามปกติของถังหนิง
ทำไมคราวนี้เธอถึงไม่ทำอะไรเลยล่ะ
ความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้วว่าแม้แต่บางคนที่มีพื้นเพมั่นคงในวงการบันเทิงก็ยังสามารถกลายเป็นดาวดับแสงได้
และการแถลงข่าวของถังหนิงในวันนี้หมายความว่าเธอกำลังจะสูญเสียสถานะที่เธอสร้างสมมาตลอดระยะเวลากว่าสองปี
เดิมทีบรรดานักข่าวมีความตั้งใจที่จะสร้างความลำบากให้ถังหนิง แต่พวกเขาตระหนักได้ว่าการตอบสนองของถังหนิงในวันนี้ทำให้พวกเขากลายเป็นพวกน่ารังเกียจและเห็นแก่ตัว
นักแสดงเจ้าของรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมคนใหม่ถูกนักข่าวต้อนจนจนมุมถึงขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่านักข่าวของปักกิ่งนั้นร้ายกาจแค่ไหน
ในวันนั้น หลินชงจากหวาหรงก็มาปรากฏตัวด้วย แต่หลังจากถูกถังหนิงชนะใจได้ในอดีต เขาจึงไม่ได้มีส่วนร่วมในการกดดันถังหนิง
เขาเพียงแค่หัวเราะใส่พวกนักข่าวที่อยู่รอบข้างเขา “เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการตายของสวี่ซินจริงๆ นั่นแหละ”
“เหอะ คุณคงเชื่อทุกอย่างที่เธอพูดสินะ”
“แน่นอน ถังหนิงเป็นคนมีเส้นแบ่ง ไม่เหมือนนายกับฉัน” หลินชงกล่าว ก่อนที่เขาจะคว้ากล้องของตัวเองและกลับไปยังสตูดิโอของเขา
ถังหนิงช่วยแนะนำสตูดิโอของเขาและเขาก็บริหารจัดการมันมาเป็นอย่างดี
“คนพวกนั้นไม่รู้หรอกว่าถังหนิงไม่ได้มีแค่เส้นแบ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นด้วย
“นักข่าวทุกคนที่มาในวันนี้จะได้รับผลกรรมของตัวเอง…”