“ซ่งซิน!”
“ฉันได้ยินมาจากเพื่อนหลายๆ คนที่อยู่ในวงการผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กว่าคุณเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในโฆษณาของพวกเขาเลยนะคะ คุณควรจะดีใจนะ คุณกำลังจะได้รับโอกาสแบบรับรองได้มูลค่ามหาศาล” ซ่งซินไม่สนใจเสียงเตือนของลู่เช่อเลย เธอพูดต่อพลางลูบคางตัวเอง “ส่วนเรื่องงานแสดง ฉันคิดว่าคุณน่าจะเกือบอยู่ในจุดที่ได้เล่นบทแม่แล้วละนะ เราควรทำยังไงดี ฉันเห็นภาพคุณไว้ผมหยิกยืนดุด่าลูกของตัวเองออกเลย
“ฉันรู้ว่าถังหนิงมีชื่อเสียงในเรื่องการควบคุมอารมณ์ได้ดี ฉันเลยแน่ใจว่าคุณจะไม่ทำอะไรฉันที่พูดความจริงหรอก จริงไหมคะ”
“เรามีเรื่องไม่พอใจอะไรต่อกันหรือเปล่า” ถังหนิงไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมหญิงสาวคนนี้ถึงจะได้มาปั่นหัวเธออย่างฉับพลันเช่นนี้
“ไม่ค่ะ! เราไม่เคยพบกันมาก่อน” ซ่งซินหยักไหล่ทั้งสองข้าง “แต่ฉันเคยชินกับการเป็นที่หนึ่ง ดังนั้นฉันจะไม่ยอมรับการเป็นที่สองรองใคร ถือว่านี่เป็นคำเตือนก็แล้วกัน”
“ซ่งซิน คุณผู้หญิงของเราอยู่ในวงการนี้มาสิบปี…แต่เธอเป็นแค่หน้าใหม่”
“เธออยู่ในวงการมาตั้งสิบปีแต่ชนะแค่รางวัลนักแสดงหน้าใหม่แค่รางวัลเดียวงั้นเหรอ” ซ่งซินหัวเราะพลางโบกมือทั้งสองข้างไปมา “รีบกลับบ้านไปเถอะ เห็นคุณเดินไปเดินมาในสภาพท้องแปดเดือนแล้วฉันรู้สึกแย่แทน ถึงคุณจะเป็นคนรักของประธานโม่และมีสิทธิ์ได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่ฉันก็จะใช้ความสามารถของฉันจนอยู่เหนือกว่าคุณ”
ลู่เช่อมองถังหนิงด้วยความร้อนรน กลัวว่าเธอจะโกรธ แต่ท่าทีสงบนิ่งของถังหนิงแสดงให้ลู่เช่อเห็นว่าต่อให้เธอโกรธ เธอก็จะไม่แสดงมันออกมาทางสีหน้า
“จำคำที่เธอพูดวันนี้เอาไว้…”
“ฉันจะจำมันให้ดีเลยล่ะ”
ถังหนิงจ้องมองไปยังซ่งซิน ปรายตาพิจารณาอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า รูปลักษณ์ของผู้หญิงคนนี้ดูไม่เลว แต่คนอย่างถังหนิงไม่ได้มีชื่อเสียงในวงการเพียงเพราะมีความมั่นใจเท่านั้น
ในความเป็นจริง ภายในใจของซ่งซินกำลังเต้นระรัว แม้เธอจะฟังดูมีความมั่นใจ แต่ถึงอย่างไรเธอก็กำลังเผชิญหน้าอยู่กับถังหนิง ถังหนิงเคยผ่านประสบการณ์การต่อสู้มาแล้วมากมายในอดีต ดังนั้นคำพูดเพียงไม่กี่คำจึงไม่อาจทำให้เธอกลัวได้
ครั้นแล้วถังหนิงก็ขึ้นรถ ลู่เช่อกระโดดขึ้นไปยังที่นั่งคนขับ จากนั้นทั้งสองจึงขับรถออกไป ปล่อยให้ซ่งซินสูบบุหรี่อยู่เพียงลำพัง “เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจดีนี่ น่าเสียดายที่กำลังจะคลอดลูก”
…
“คุณผู้หญิงอย่าไปสนใจซ่งซินเลยนะครับ เธออาจจะมีพรสวรรค์และก็หยิ่งผยองมากเกินไป”
“อนาคตอยู่ในมือของคนรุ่นใหม่ ถูกของเธอนะ ฉันไม่สาวอีกต่อไปแล้ว” ถังหนิงถอนหายใจ
“แต่… คุณเพิ่งจะยี่สิบเจ็ด”
ยี่สิบเจ็ดก็เป็นอายุที่ไม่อาจเสี่ยงโชคและทำตัวเล่นไปเรื่อยอย่างสะเพร่าได้อีกแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเธอแต่งงานกับโม่ถิงและกำลังจะคลอดลูก นับจากนี้ไป ศึกต่างๆ ในวงการบันเทิงจะเปลี่ยนเป็นอาวุธที่เธอใช้สำหรับปกป้องครอบครัวของเธอ เธอไม่สนุกกับชื่อเสียงและเกียรติยศที่มากับมันอีกต่อไป
“มีบริษัทผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กมาติดต่อฉันจริงเหรอ” ถังหนิงรู้สึกขัดใจกับคำพูดของซ่งซินเล็กน้อย การถูกเรียกว่าแก่เป็นจุดอ่อนที่ฝังลึกอยู่ในใจผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าพวกเธอจะพยายามซ่อนไว้แค่ไหน ก็ยังรู้สึกเจ็บนิดๆ อยู่ดี เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีทางย้อนเวลาถอยหลังไปได้
“ไม่มีครับ…” ลู่เช่อตอบอย่างหนักแน่น
ถังหนิงหัวเราะออกมาอย่างอ่อนโยน เพราะลู่เช่อไม่เคยโกหกได้แนบเนียน
ใช้เวลาไม่นาน ทั้งสองก็เดินทางกลับมาถึงไฮแอทรีเจนซี่ เนื่องจากเป็นเวลาค่ำแล้ว ป้าไป๋จึงได้เตรียมอาหารมื้อสุขภาพไว้เสร็จเรียบร้อยและรอคอยการกลับมาของถังหนิง
“เสี่ยวหนิง คุณลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน มีสายไม่ได้รับนิดหน่อยตอนช่วงบ่าย” ป้าไป๋กล่าวพลางชี้ไปที่ห้องนอนชั้นบน
ถังหนิงคว้าโทรศัพท์ของเธอและนั่งลงบนโต๊ะกินข้าว เมื่อเห็นว่าสายที่ไม่ได้รับเหล่านั้นเป็นของฮั่วจิงจิง เธอจึงรีบโทรกลับทันที เป็นเวลาพักใหญ่แล้วที่ทั้งสองไม่ได้คุยกัน
“หนิง…”
ทันทีที่เธอได้ยินน้ำเสียงฮั่วจิงจิง ท่าทีของถังหนิงเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที เธอสัมผัสได้ว่าฮั่วจิงจิงกำลังเสียใจ “เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยจากการไปปาร์ตี้มื้อค่ำ ตอนแรกฉันอยากจะไปหาเธอแต่เธอไม่อยู่บ้าน” ฮั่วจิงจิงทำเสียงให้สดใสขึ้น
“เธอทะเลาะกับฟังอวี้งั้นเหรอ” ถังหนิงถาม
“เธอคงได้ยินว่าไห่รุ่ยเพิ่งเซ็นสัญญากับ ‘อาวุธลับ’ ที่ชื่อซ่งซินใช่ไหม” ฮั่วจิงจิงพลันระบุถึงอีกคน “ผู้หญิงคนนี้เกรี้ยวกราดน่าดู”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ฟังอวี้เพิ่งดูแลเรื่องของผู้หญิงคนนี้ก่อนหน้านี้ แต่เพราะเขาเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว เพื่อเห็นแก่ฉัน เขาเลยตัดสินใจกระจายงานออกไปให้คนอื่นๆ ฉันไม่แน่ใจว่าฉันประสาทเสียไปเองหรือเปล่า แต่ฉันรู้สึกว่าซ่งซินเป็นคนพยาบาทและฉันดันไปตกหลุมพรางของผู้หญิงคนนี้เข้า” ฮั่วจิงจิงกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
นี่ทำให้ถังหนิงใจหาย ในวงการนี้ฮั่วจิงจิงผ่านประสบการณ์มามากมาย หากฮั่วจิงจิงรู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง ก็จะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
“ช่วยอธิบายในรายละเอียดให้ฟังทีได้ไหม”
“ก่อนหน้านี้ ตอนที่ฉันไปพบลูกค้าที่โรงแรมเพื่อหารือเรื่องงาน อยู่ๆ ผู้ช่วยของฉันก็หายตัวไปจากห้องหลายนาที ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ระหว่างที่ฉันกำลังกินมื้อกลางวันอยู่กับฟังอวี้เมื่อบ่ายวันนี้ ฟังอวี้กลับได้รับรูปผู้ชายคนหนึ่งอยู่กับฉันตามลำพังในห้องของโรงแรม
“ฉันถามฟังอวี้เรื่องนี้ เขาก็อธิบายว่าเขาได้รับอีเมลนิรนาม”
“ฉันมั่นใจว่าฟังอวี้รู้ความจริงทั้งหมด เธอไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกนะ” ถังหนิงปลอบโยนอีกฝ่าย “อีกอย่าง เธอจะสงสัยว่าเรื่องคราวนี้เป็นฝีมือซ่งซินไม่ได้”
“เหตุผลเดียวที่ฉันสงสัยซ่งซินเพราะผู้หญิงคนนั้นเคยเตือนให้ฉันระวังตัว”
“คราวหน้าก็ระวังให้มากกว่านี้นะ” ถังหนิงเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงระแวดระวัง
“ฉันไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้พอได้เอาเรื่องนี้ออกจากอกก็รู้สึกดีขึ้นเยอะ” ทีปลายสาย เสียงจากด้านหลังของฮั่วจิงจิงเริ่มดังเจี๊ยวจ๊าวขึ้น “ตอนนี้ฉันต้องไปแล้ว ฉันกำลังมารับเสี่ยวเย่ว์ที่โรงเรียน ตอนนี้เริ่มเย็นแล้วด้วย”
“ขับรถดีๆ นะ”
ฮั่วจิงจิงมีสถานะสูงในไห่รุ่ย หากซ่งซินทะเยอทะยานมาก ฮั่วจิงจิงจะต้องแสดงตัวเป็นภัยคุกคามอย่างแน่นอน
แต่ยังไม่แน่ว่าแผนการชั่วร้ายของฮั่วจิงจิงคืออะไร
เพื่อให้สบายใจ ถังหนิงจึงสั่งลู่เช่อ “ส่งข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับซ่งซินมาให้ฉันที”
“โอเคครับ” ลู่เช่อตอบ
ลู่เช่อรีบกลับไปยังเอเจนซี่อย่างรวดเร็ว นอกจากการตักเตือนซ่งซินด้วยคำพูดแล้วเขายังส่งข้อมูลบางส่วนไปให้ถังหนิงด้วย
หลังมื้อเย็น ถังหนิงเอนตัวลงบนโซฟาและอ่านข้อมูลของซ่งซิน ปรากฏว่าผู้หญิงคนนี้มีพื้นเพดีทีเดียว คนในครอบครัวของเธอทั้งสามรุ่นเป็นคนมีชื่อเสียงทั้งสิ้น!
คืนนั้นในระหว่างที่โม่ถิงไม่อยู่ ถังหนิงเผลอหลับไปที่ห้องนั่งเล่นและฝันร้าย ในความฝัน ซ่งซินกำลังบีบคอของเธอและเตะท้องของเธอด้วย
ถังหนิงสะดุ้งตื่น…
แต่เธอต้องประหลาดใจเมื่อเธอได้กลับมานอนอยู่ที่เตียงและมีโม่ถิงอยู่เคียงข้างเธอตามที่สัญญากันไว้
ถังหนิงรีบโอบกอดอีกฝ่ายเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองลง “ฉันไม่ได้กำลังฝันไปใช่ไหม”
“โง่น่า” โม่ถิงตบที่หลังหัวของเธอเบาๆ และกอดเธอแน่น “เร็วเข้า ได้เวลาตื่นไปกินอาหารเช้าแล้วนะ”
“อือฮึ” ถังหนิงเปิดผ้าห่มออกเพื่อลุกขึ้นจากเตียง แต่ทันใดนั้น โม่ถิงก็บอกเธอด้วยน้ำเสียงนุ่ม “มีบางอย่างเกิดขึ้นกับฮั่วจิงจิง”