ผู้จัดงานเลือกใช้ชื่อการประกวดเป็นภาษาอังกฤษว่า เจอร์นีย์ (Journey) เพราะจดจำง่ายและยังต้องการสร้างภาพลักษณ์ของความเป็นการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่
รอบแรกของการประกวดคือการแบ่งการออดิชั่นเป็นสามรอบ ตั้งแต่การคัดตัวเบื้องต้น รอบสามร้อยคนสุดท้าย ไปจนถึงรอบหนึ่งร้อยคนสุดท้าย โดยใช้การคัดเลือกที่เข้มงวดที่สุด จะไม่มีโอกาสครั้งที่สองและการเตรียมแผนอื่นๆ ไว้ นั่นหมายความว่ามีเพียงคนที่ผ่านเข้ารอบหนึ่งร้อยคนสุดท้ายเท่านั้นที่มีสิทธิ์รู้รายละเอียดการแข่งขันในรอบถัดไป
เริ่มตั้งแต่การคัดตัวเบื้องต้น การประกวดจะถ่ายทอดสดทุกวันเสาร์ เวลาหากโมงเย็น และเป็นอย่างที่คาดไว้ ผู้เข้ารอบหนึ่งร้อยคนสุดท้ายจะถูกตัดสินภายในหนึ่งเดือน
การแข่งขันดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่วัน ผู้เข้าแข่งขันเตรียมพร้อมกับการไปฟาดฟันกับคู่ต่อสู้ในรอบต่อไป นี่เป็นความเป็นจริงที่โหดร้ายเบื้องหลัง เจอร์นีย์ (การเดินทาง) ที่พวกเขาเลือกเดิน
“มีคนที่ผ่านรอบออดิชั่นไม่น้อย ดังนั้นอย่าประมาทเพราะคิดว่ายังมีที่ว่างสำหรับรอบหน้าอีกเยอะ คุณจะผ่อนคลายบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ต้องเข้าใจไว้ว่าการประกวดครั้งนี้สำคัญกับคุณขนาดไหน” หลินเฉี่ยนเอ่ยเตือนหลังจากไปส่งซิงหลานที่บ้าน ระหว่างที่เธอเข้ามาในห้อง เธอถือโอกาสสำรวจห้องของอีกฝ่าย “คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้ค่ะ มันธรรมดาเกินไป คุณต้องย้ายออก”
“ว่าแต่มันจะไม่ทำให้น้องสาวฉันสงสัยเหรอคะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ นับตั้งแต่คุณเซ็นสัญญากับจู้ซิงมีเดีย เรื่องส่วนตัวของคุณจะถูกเก็บเป็นความลับ นอกเสียจากคุณจะเปิดเผยออกมาเอง” หลินเฉี่ยนกล่าวรับรอง “น้องสาวคุณจะคิดว่าคุณเป็นครูอยู่เงียบๆ ที่โรงเรียนสอนดนตรีค่ะ”
“โอเคค่ะ ฉันจะทำตามที่เอเจนซี่จัดการให้”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะพาคุณไปทานมื้อเย็นก่อนแล้วค่อยกลับบ้านมาเก็บของกันนะคะ” สุดท้ายหลินเฉี่ยนจึงพาซิงหลานมีทานอาหารเย็นที่โรงแรม ทว่าหลังจากที่พวกเขานั่งลงได้ไม่นาน ก็เริ่มได้ยินคนอื่นพูดถึงการประกวด ไม่ว่าอย่างไรด้วยการทุ่มทุนสร้างเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มันจึงกลายเป็นประเด็นในการพูดถึงไปโดยปริยาย
“คุณเองก็เข้าร่วมการประกวดเหมือนกันนี่คะ ออดิชั่นผ่านหรือเปล่าคะ”
“คิดว่าน่าน่าของเราเป็นใครกันล่ะ เธอสวยแล้วก็เสียงดีมาก เธอเกิดมาเพื่อเป็นดาวเด่นเลยล่ะ”
เมื่อได้บินบทสนทนาจากโต๊ะข้างๆ หลินเฉี่ยนส่ายหน้าและมองไปที่ซิงหลาน “จำชื่อของเด็กที่ชื่อน่าน่าไว้ให้ดีนะคะ ฉันมั่นใจว่าเธอจะตกรอบในรอบต่อไปแน่”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ! เธอสวยออกอย่างนั้น” หญิงสาวในชุดเดรสยาวสีขาวพร้อมรูปร่างหน้าตาที่สวยหวาน ไม่ว่าจะมองอย่างไรเธอก็ต้องทำสำเร็จแน่
“คุณคิดว่านี่เป็นการประกวดนางงามเหรอคะ เชื่อฉันสิ ข่าวคาวๆ จะต้องออกมาในไม่ช้าแน่ๆ”
โชคชะตาและชื่อเสียงเป็นสิ่งล่อตาล่อใจที่ใครก็อยากได้ เมื่อได้ครอบครองมันครั้งหนึ่งแล้วก็คงจะไม่โง่ที่จะปล่อยให้หลุดมือไป
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ที่คุณไม่ทำตัวเด่นอย่างนี้ก็ดีมากแล้วล่ะค่ะ” ซิงหลานไม่ได้ถูกใครมองเป็นศัตรู อย่างน้อยในตอนนี้ก็จะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นกับเธอ หลินเฉี่ยนพึงพอใจที่เป็นเช่นนี้ แต่แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณคำแนะนำจากถังหนิง
ซิงหลานเผยรอยยิ้มเป็นการตอบรับ
การแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในอีกหกวัน อย่างไรก็ตามถังหนิงไม่ได้รีบร้อนที่จะฝึกซิงหลานเหมือนอย่างคนอื่นๆ และไม่ได้จ้างผู้เชี่ยวชาญมาฝึกให้เธอร้องเพลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ เธอกลับบอกให้อีกฝ่ายทำตัวให้ผ่อนคลาย ซิงหลานไม่ได้มีความสามารถด้อยไปกว่าคนอื่น สิ่งที่เธอขาดมีเพียงจิตใจที่เข้มแข็งและความมั่นใจเท่านั้น
ในไม่ช้าการประกวดรอบถัดไปได้ถูกจัดขึ้นภายในสนามกีฬาปักกิ่ง หลินเฉี่ยนมากับซิงหลานเหมือนเช่นเคย
ครั้งนี้เป็นรอบของการคัดออก ผู้เข้าแข่งขันจะถูกแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละห้าคน แต่จะมีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
หญิงสาวทั้งสองคนมองเห็นน่าน่าแสนสวยในสนามกีฬามาแต่ไกล และเหมือนเช่นเคยที่เธอแต่งตัวมาอย่างงดงาม ไม่ว่าใครมองไปที่เธอก็ไม่อาจละสายตาไปได้ หากแต่เป็นอย่างที่หลินเฉี่ยนว่าไว้เมื่อวันก่อน หญิงสาวคนนี้กำลังจะตกรอบในวันนี้
“ไปรับหมายเลขของคุณสิคะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยเตือนซิงหลาน หลังจากได้หมายเลขประจำตัวมาแล้ว ผู้เข้าแข่งขันก็ถูกแบ่งออกไปรวมกับผู้แข่งขันในกลุ่มเดียวกัน และอดทนเฝ้ารออย่างใจเย็น
อย่างไรก็ตามหลังจากซิงหลานเจอกลุ่มของตัวเอง เด็กสาวคนอื่นมองเธอด้วยความรังเกียจ อันที่จริงท่าทีของพวกเธอเผยให้รู้ว่าไม่ได้ใส่ใจเธอนักและไม่ได้มองเป็นคู่แข่งเพราะเธอดูไม่ได้สะดุดตาแม้แต่น้อย
ในที่สุดครั้งนี้ซิงหลานก็เข้าใจว่าทำไมหลินเฉี่ยนถึงต้องการให้เธอดูบ้านนอก หากไม่ได้แสดงตัวเป็นคู่แข่ง… ฝ่ายศัตรูก็จะมองข้ามพวกเขาไป
“ครั้งนี้เราจะทำยังไงกันดีคะ” ซิงหลานเอ่ยถามข้างหูหลินเฉี่ยน
“ร้องเพลงที่คุณมั่นใจและซ่อนความสามารถที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ มันยังไม่ถึงเวลาที่คุณจะทำให้ทุกคนตะลึงค่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ดังนั้นในขณะที่ผู้แข่งขันคนอื่นๆ ทำการแสดง ร้องเพลงจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา ซิงหลานกลับตั้งใจทำการแสดงด้วยอารมณ์ที่มั่นคงแทน
เช่นเคยเหมือนในรอบออดิชั่น เธอรักษาภาพลักษณ์เรียบง่ายและธรรมดาของตัวเองไว้ หากแต่ในครั้งนี้มีหนึ่งในคณะกรรมการผู้มีประสบการณ์ซึ่งได้เข้าร่วมการตัดสินในรอบออดิชั่น ดังนั้นเมื่อเห็นซิงหลาน เขาก็รู้สึกสนใจในตัวเธอทันที
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้บอกกับกรรมการท่านอื่น เพราะต้องการเวลาในการพิสูจน์ความสามารถของเธอ หากเขาพูดไปตอนนี้ก็จะทำให้ความคาดหวังในตัวเธอของทุกคนเพิ่มมากขึ้น
“สาวน้อย เริ่มได้เลยครับ” กรรมการส่งสัญญาณให้เริ่ม
ครั้งนี้ซิงหลานไม่ได้ร้องเพลงเด็ก เธอกลับเลือกเพลงที่อบอุ่นและฟังสบายหูมาร้องแทน หลังจากได้ยินผู้เข้าแข่งขันคนอื่นร้องเพลงจนสุดเสียงชวนให้ปวดหู การได้ฟังเพลงสบายๆ เช่นนี้จึงเป็นการเยียวยาหูของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
น้ำเสียงซิงหลานยังฟังสะอาดหูเหมือนเช่นเคย เธอร้องเพลงพร้อมรอยยิ้มที่หวานและอบอุ่น เหมือนอย่างที่ถังหนิงทำ แค่ปล่อยให้ท่วงทำนองลื่นไหลไปตามธรรมชาติ พร้อมกับความหมายที่ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยตัวเอง
หากจะมีใครสักคนที่วิพากษ์วิจารณ์การร้องเพลงของเธอ คงไม่มีอะไรให้ต้องพูดมากนัก แต่เมื่อพูดถึงน้ำเสียงของเธอ มันเป็นเสียงที่มั่นคงและฟังสบายหูไม่น้อย
จากหญิงสาวทั้งห้าคน จะมีเพียงคนเดียวที่ผ่านเข้ารอบต่อไป ซึ่งมีโอกาสเพียงหนึ่งในหน้า หรือยี่สิบ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ความเป็นไปได้นั้นนับว่าไม่มากไม่น้อย แต่หากพวกเขาเสียโอกาสนี้ไป จะไม่มีวันกลับมาแก้ไขได้อีก
ไม่นานหญิงสาวทั้งห้าคนก็เดินขึ้นมาบนเวที ถึงเวลาที่จะกำหนดโชคชะตาของพวกเธอแล้ว
ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ไม่แม้แต่จะสนใจผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ ที่ยืนทางด้านซ้ายว่าจะมีโอกาสชนะแม้แต่น้อยมาก่อน
พวกเขาล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย นี่มันวงการบันเทิงนะ ไม่ใช่ที่ที่ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ คนไหนจะเข้ามาก็ได้
ทว่าผิดกับที่พวกเขาคาดไว้ คณะกรรมการกลับประกาศชื่อของซิงหลานออกมาจริงๆ
“ยินดีด้วยครับ ซิงหลาน คุณได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มและผ่านเข้ารอบต่อไป เตรียมตัวสำหรับการประกวดในสัปดาห์หน้าด้วยนะครับ”
ซิงหลานโค้งให้คณะกรรมการเป็นการขอบคุณ ในขณะที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ตกอยู่ในความตกใจ
“อะไรกันน่ะ”
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น”
“ทำไมผู้หญิงบ้านนอกแบบนั้นถึงชนะไปได้ล่ะ”
“ต้องมีบางอย่างไม่ยุติธรรมแน่ๆ ”
ในเวลาเดียวกัน ซิงหลานไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งที่คนอื่นพูดกัน เธอเดินลงจากเวทีอย่างสง่าผ่าเผยก่อนกลับไปหาหลินเฉี่ยน “ฉันผ่านเข้ารอบสามร้อยคนสุดท้ายได้แล้วค่ะ ตอนนี้ฉันต้องเตรียมตัวประกวดอาทิตย์หน้า”
“วันที่คุณผ่านเข้ารอบร้อยคนสุดท้าย คุณจะได้เจอกับอาจารย์ของคุณค่ะ นั่นจะเป็นวันที่การแข่งขันที่แท้จริงเริ่มขึ้นค่ะ”
นั่นเป็นสิ่งที่ถังหนิงวางแผนที่จะประกาศกับทุกคนว่าเธอกลับมาแล้ว!
การตอบรับของสื่อในตอนนั้น…
…คงจะน่าขบขันอย่างแน่นอน