เขากำลังจะยื่นมือมาช่วยเธอเอง
ในวันถัดมาข่าวที่เฉวียนจื่อเยี่ยแอบนัดพบกับผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งจึงถูกเปิดเผยขึ้น ซิงหลานไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรแต่ไม่ใช่สำหรับเฉวียนจื่อเยี่ย
ดังนั้นด้วยความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยในครั้งนี้ของเฉวียนจื่อเยี่ยก็ทำให้แผนของถังหนิงและหลินเฉี่ยนพังไม่เป็นท่า
เฉวียนจื่อเยี่ยเป็นที่รู้จักดีว่ามีเสน่ห์เหลือร้าย แต่เขาก็แทบจะไม่เคยมีข่าวฉาวใดๆ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงตัวว่าพวกเขาเป็นคู่รักกันแต่ก็ยังพอรู้ว่ามีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนต่อกัน
เพราะไม่ง่ายที่สื่อจะได้ข้อมูล พวกเขาจึงเกาะติดซิงหลานอย่างที่คาดไว้และเริ่มขุดประวัติในอดีตของเธอ บางทีแม้แต่บรรพบุรุษของเธอก็ยังไม่อาจหนีการถูกขุดคุ้ยไปได้
ซิงหลานจึงตกอยู่ในความสนใจของสื่อไปในพริบตา แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใครในทันที แต่ก็รู้ว่าเธอเข้าร่วมการประกวดร้องเพลงเจอร์นีย์
ทันทีที่หลินเฉี่ยนเห็นบทความ พลันเธอก็เข้าไปดูแลซิงหลานและต่อสายหาถังหนิง “ขอโทษค่ะ พี่หนิง เฉวียนจื่อเยี่ยเขามาตามหาฉันเองค่ะ”
“ฉันคิดไว้แล้วเชียว ตอนนี้ข่าวก็คงกระจายไปไหนต่อไหนแล้วล่ะ หลายๆ อย่างจะอยู่เหนือการควบคุมของเรา” ถังหนิงอธิบาย “ฉันมั่นใจว่าเธอรู้ว่าการถูกเปิดเผยตัวเร็วเกินไปจะส่งผลเสียกับซิงหลาน ไม่เพียงแต่น้องสาวของเธอจะเจอตัวเธอ แต่เหตุการณ์ขโมยของก่อนหน้านี้จะถูกขุดคุ้ยขึ้นมาด้วย”
“ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดีค่ะ พี่หนิง” หลินเฉี่ยนรู้สึกเครียดเล็กน้อยเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้
“ฉันคิดอะไรออกแล้ว แต่กลัวว่าเธอจะไม่เห็นด้วยน่ะสิ” อยู่ๆ ถังหนิงก็เอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปชั่วขณะ
“เร็วเข้าค่ะ บอกฉันมาสิคะ พี่หนิง”
“เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉวียนจื่อเยี่ยกับสาธารณชน นั่นเป็นทางเดียวที่จะปกป้องซิงหลานได้ แต่ว่ามันอาจจะยากสำหรับเธอไปสักหน่อย”
หลังจากได้ยินคำแนะนำของถังหนิง หลินเฉี่ยนก็ตกอยู่ในความเงียบไปชั่วครู่หนึ่งก่อนตอบกลับ “พี่หนิง ฉันตกลงค่ะ แต่คุณให้ฉันตัดสินใจว่าจะทำยังไงได้ไหมคะ”
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ ดังนั้นเธอมีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่เธอจำเป็นต้องรีบก่อนที่คนอื่นจะฉีกซิงหลานเป็นชิ้นๆ ด้วย”
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะเริ่มเตรียมการเดี๋ยวนี้เลย” พูดจบหลินเฉี่ยนก็วางสายไป
ถังหนิงมองโทรศัพท์และสูดหายใจเฮือกใหญ่ เธอก้มลงมองเจ้าลูกชายที่กำลังคลานอยู่ข้างๆ ก่อนอุ้มเขาขึ้นมาในอ้อมแขน “เจ้าตัวป่วน พ่อกลับมาแล้วเหรอครับ”
โม่ถิงก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นและรับจื่อซีมาจากถังหนิง “ผมเห็นข่าวเรื่องที่เฉวียนจื่อเยี่ยไปสร้างไว้แล้ว ตราบใดที่เรื่องระหว่างเขากับหลินเฉี่ยนยังไม่จบก็จะต้องเสี่ยงแบบนี้อยู่ตลอด”
“ฉันรู้ค่ะ ฉันถึงแนะนำทางแก้ให้หลินเฉี่ยนไปแล้ว สุดแล้วแต่ว่าเธอจะเลือกอะไรระหว่างตระกูลเฉวียนหรืออาชีพการงานของตัวเองแล้วล่ะค่ะ” ถังหนิงตอบ “เฉวียนจื่อเยี่ยคอยดูหลินเฉี่ยนอยู่ไม่ห่าง แต่เธอก็ดื้อรั้นเหลือเกิน ฉันว่าหนทางของพวกเขายังอีกยาวไกลค่ะ”
“ป่า…ป๊า…” ระหว่างที่ทั้งคู่พูดคุยเรื่องงานกัน คำพูดที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็ออกมาจากปากของจื่อซี
เขาเรียกพ่อของเขา!
คำแรกที่เขาพูดได้คือ ป่าป๊า !
ถังหนิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย “ทำไมกันล่ะเนี่ย”
“จื่อเฉินจะต้องพูดว่าหม่าม้าได้คำแรกแน่นอนครับ” โม่ถิงเอ่ยปลอบในขณะที่อุ้มจื่อซีไว้ในอ้อมแขน “ไม่มีอะไรให้ต้องอิจฉาเลยครับ”
“ฉันจะยกโทษให้ทั้งสองคนเพราะฉันรักคุณแล้วกันนะคะ”
เพราะเรื่องของลูกชายที่ดึงความสนใจของถังหนิงไป เธอจึงไม่ได้กังวลเท่ากับหลินเฉี่ยน แน่นอนว่าเพราะพวกเขาต่างวางพนันหมดหน้าตักไว้กับซิงหลาน หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าตัว จู้ซิงมีเดียจะเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่จะต้องปิดตัวลง
ดังนั้นหลังจากมื้อเย็นระหว่างที่ถังหนิงกล่อมลูกเข้านอน โม่ถิงจึงขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานและต่อสายหาลู่เช่อ “เรียกสื่อเข้ามาและพยายามเลี่ยงอย่าให้เป็นเรื่องใหญ่”
ลู่เช่อเป็นคนฉลาด เขาจึงเข้าใจทันทีว่าโม่ถิงหมายถึงอะไร “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ท่านประธาน”
…
ในเวลาเดียวกันนั้นหลินเฉี่ยนกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก หากเฉวียนจื่อเยี่ยไม่ก่อเรื่องขึ้น เธอคงจะสามารถเลี่ยงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลเฉวียนได้ ความรังเกียจที่ปรากฏบนใบหน้าของคุณนายเฉวียนลอยขึ้นมาในหัวเมื่อคิดว่าตัวเองจะเปิดเผยตัวว่าเป็นคุณหนูรองตระกูลเฉวียน
หากแต่เพื่อซิงหลานแล้วเธอรู้สึกว่ามันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอจะเสียสละตัวเองได้ ดังนั้นในขณะที่เธอยังมีโอกาสเธอจะใช้โอกาสนี้บอกให้เฉวียนจื่อเยี่ยรู้ว่าไม่ต้องมาเสียเวลากับเธออีกต่อไป
“หลินเฉี่ยน อีกไม่นานน้องสาวของฉันจะเจอตัวฉันใช่ไหมคะ” ซิงหลานเอ่ยถาม “ฉันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ค่ะ”
“คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก” หลินเฉี่ยนเดินมาอยู่ข้างๆ อีกฝ่าย “เชื่อฉันสิคะ หลังจากคืนนี้ไป ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมค่ะ”
ซิงหลานพยักหน้ารับและตบไหล่หลินเฉี่ยนเบาๆ “อย่านอนดึกนักนะคะ”
หลินเฉี่ยนส่งยิ้มให้เป็นการตอบรับ ก่อนจะหยิบรูปครอบครัวและติดต่อสื่อ “พวกคุณหยุดขุดคุ้ยเรื่องของซิงหลานได้แล้วนะคะ เฉวียนจื่อเยี่ยมาที่บ้านของเธอเพราะเขามาตามหาฉันค่ะ”
นักข่าวที่ถือสายอยู่อีกฝั่งถือโทรศัพท์ค้างไว้และหัวเราะออกมากับคำอธิบายของหลินเฉี่ยน “คุณเป็นผู้จัดการนะครับ ทำไมเฉวียนจื่อเยี่ยต้องมาตามหาคุณด้วย คุณนี่โกหกไม่เป็นเลยนะ”
“เพราะฉันเป็นน้องสาวของเขาค่ะ” หลินเฉี่ยนว่าขึ้นก่อนส่งรูปครอบครัวของตัวเองไปให้ “ฉันเป็นลูกสาวที่ตระกูลเฉวียนรับมาเลี้ยงค่ะ พูดอีกอย่างก็คือฉันเป็นน้องสาวของเฉวียนจื่อเยี่ย ทีนี้เชื่อฉันหรือยังล่ะคะ”
นักข่าวมองรูปและพยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าคุณจะอยากชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่างสินะครับ งั้นพรุ่งนี้ผมจะเปิดเผยรูปนี้ คิดว่าน่าจะนับเป็นข้อมูลจากแหล่งข่าวโดยตรงได้นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ นักข่าวชิน”
หลังจากติดต่อสื่อ หลินเฉี่ยนคว้ากุญแจรถและขับตรงไปยังห้องของเฉวียนจื่อเยี่ย
ทันทีที่พ่อบ้านเห็นเธอ เขาก็อึ้งไปเล็กน้อย “คุณหนูรอง…”
“นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณค่ะ” หลินเฉี่ยนเดินผ่านพ่อบ้านไปและเจอเจ้าของห้องกำลังอ่านบทอยู่ในห้องนอนของเขา “ฉันเพิ่งจะบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเรากับสื่อไป ตอนนี้ฉันเปิดเผยตัวตนของฉันกับทุกคนแล้ว พอใจนายแล้วใช่ไหม”
เฉวียนจื่อเยี่ยมุ่นคิ้ว ไม่แน่ใจว่าทำไมอยู่ๆ เธอถึงตัดสินใจบุ่มบ่ามแบบนี้ “ทำไมเธอถึงทำอย่างนั้นล่ะ”
“นายถามตัวเองดีกว่าไหม ทำไมนายต้องทำให้ดูเหมือนมีบางอย่างคลุมเครือระหว่างนายกับซิงหลานด้วย เธอไม่ต้องการถูกเปิดเผยตัว นายทำให้ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากการเสียสละตัวเองเพื่อเธอ” หลินเฉี่ยนพูดด้วยท่าทีเย็นชา “เธอเป็นคนน่าสงสารที่ถูกแย่งรางวัลที่สมควรจะเป็นของเธอไป นายช่วยเลิกทำร้ายเธอเพราะความสุขของตัวเองได้ไหม
“แล้วก็เลิกทำร้ายฉันสักทีได้ไหม”
“หลินเฉี่ยน…”
“นายไม่อยากรู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างฉันกับแม่นาย นายควรจะเลิกตามสืบได้แล้ว เดี๋ยวฉันจะเล่าให้นายฟังเอง เป็นเพราะว่าแม่นายเกือบจะขายฉันเพื่อผลประโยชน์ของตัวเธอเอง เธอบอกว่าฉันเป็นแค่ลูกเลี้ยงที่ตระกูลเฉวียนให้ข้าวให้น้ำดูแลมาหลายปี และมันถึงเวลาที่ฉันต้องตอบแทน! …
“เธอมัดฉันเอาไว้และส่งฉันไปให้ผู้ชายถึงบนเตียง ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนที่เข้าใจฉัน ป่านนี้ฉันคงมีลูกไปกี่คนแล้ว และแน่นอนว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันเต็มใจให้เกิดขึ้น…
“เฉวียนจื่อเยี่ย ฉันเกลียดแม่ของนาย ฉันเลยอดเกลียดนายไปด้วยไม่ได้ รู้แล้วก็เลิกตามรังควานฉันสักที สำหรับฉันแล้วนายมันน่ารำคาญเป็นบ้าเลย”
…