“คุณหนูรอง…” พ่อบ้านเดินตามมาด้านหลังหลินเฉี่ยนและได้ยินคำพูดเสียดแทงของเธอ
ในขณะที่มองไปที่อาการตกตะลึงของเฉวียนจื่อเยี่ย ความเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้นในหัวใจเธอเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรตั้งแต่ยังเล็กเธอก็เชื่อใจพี่ชายของตัวเองมาโดยตลอด แม้ว่าสิ่งที่คุณนายเฉวียนทำกับเธอในอดีตจะทำให้ใจของเธอปวดร้าวไปหมดก็ตาม
“คุณพ่อบ้านคะ ฝากดูแลเขาด้วยนะคะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยก่อนหันเดินออกไป
เฉวียนจื่อเยี่ยมองอีกฝ่ายเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย และเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา “ดูสิว่าเธอใจร้ายขนาดไหน…”
“นายน้อยครับ ถ้าสิ่งที่คุณหนูรองพูดเป็นเรื่องจริง คุณจะทำยังไงต่อไปเหรอครับ” พ่อบ้านถามขึ้นอย่างกลัดกลุ้ม “ถ้าคุณผู้หญิงทำอย่างที่เธอพูดจริงๆ อย่างนั้น…”
“มันก็ดูเหมือนเป็นสิ่งที่เธอน่าจะทำนั่นแหละ” เฉวียนจื่อเยี่ยยกแขนขึ้นไปด้านหลัง แม้ว่าเขาจะดูไม่สนใจอะไร หากแต่ลึกๆ แล้วเขาก็ไม่อาจยอมให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินเฉี่ยนห่างเหินกันไปอย่างนี้ “ว่าแต่ผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ ถ้าหลินเฉี่ยนไม่ยอมแต่งงานกับผม เห็นทีผมคงต้องอยู่เป็นโสดแบบนี้ไปตลอดชีวิต”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ”
เฉวียนจื่อเยี่ยหัวเราะและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
มีบางอย่างที่เขาไม่รับรู้จะดีกว่า ถ้าเขารู้ว่ามันจะทำให้ตัวเองเจ็บปวดมากอย่างนี้ เขาคงจะไม่กดดันหลินเฉี่ยนขนาดนั้น
…
ในวันถัดมาด้วยการเปิดเผยตัวของหลินเฉี่ยน ความสนใจของสื่อจึงมุ่งไปที่เธอและเลิกขุดคุ้ยเรื่องของซิงหลานอีก
หลินเฉี่ยนเป็นน้องสาวของเฉวียนจื่อเยี่ยและเป็นลูกบุญธรรมของตระกูลเฉวียน เธอมีแม้แต่รูปถ่ายครอบครัวเป็นหลักฐาน ดังนั้นตัวตนของหลินเฉี่ยนจึงเป็นเรื่องจริงอย่างไร้ข้อโต้แย้ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากกลับมาถึงบ้าน หลินเฉี่ยนทิ้งตัวนอนบนเตียงร้องไห้ตลอดทั้งคืน ด้วยเธอไม่เคยเผยด้านที่อ่อนแอของตัวเองออกมาในยามที่มีผู้คนอยู่รายล้อม
นอกจากนี้ด้วยการควบคุมของไห่รุ่ย ข่าวจึงไม่ได้ลามไปไกลจนไม่สามารถแก้ไขได้
โชคไม่ดีนักที่หลี่ชั่นรู้แล้วว่าคนที่ชื่อ ซิงหลาน ในข่าวจริงๆ แล้วคือพี่สาวของเธอ
พวกเธอเป็นฝาแฝดกัน ดังนั้นต่อให้ซิงหลานจะปลอมตัวมากแค่ไหนและคนภายนอกจะไม่สังเกตเห็น แต่เธอก็ยังคงเป็นพี่สาวของหลี่ชั่น
แม้จะเหลือบมองแค่แวบเดียว หลี่ชั่นก็ยังจำได้ว่าเป็นพี่สาวของเธอ จริงๆ แล้วต่อให้ถ้าถูกเผาเป็นเถ้าถ่านเธอก็ยังจำพี่สาวของตัวเองได้อยู่ดี
หากแต่เธอไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่แรก กลับมาดูที่โรงเรียนสอนดนตรีให้เห็นกับตาตัวเอง
“พี่สาวที่รัก เธอนี่มันไม่รู้จักยอมแพ้เลยใช่ไหม”
“หลี่ชั่น ตอนนี้เราจะทำยังไงต่อไปดี” ผู้จัดการของเธอเอ่ยถาม
“เราจะทำอะไรได้ล่ะ แน่นอนว่าเราต้องสั่งสอนบทเรียนไม่ให้เธอประเมินตัวเองสูงไปอีก” พูดจบเธอก็ยกแว่นกันแดดขึ้นมาสวมก่อนส่งสัญญาณให้รีบออกรถ
ที่อยู่ของซิงหลานปรากฏในข่าว แม้ว่าสื่อจะไม่ได้ให้ความสนใจมากแต่มันก็ทำให้หลี่ชั่นตามหาตัวเธอได้ง่ายขึ้นมาก
ผู้จัดการของหลี่ชั่นติดสินบนกับพนักงานรักษาความปลอดภัยและได้เลขห้องของซิงหลานมา หญิงสาวทั้งสองคนรีบขึ้นลิฟต์ ไม่นานพวกเธอก็กำลังกดกริ่งอยู่หน้าประตูห้องของซิงหลาน
ซิงหลานคิดว่าเป็นหลินเฉี่ยน แต่เมื่อเปิดประตูออกมาและเห็นว่าเป็นหลี่ชั่น เธอก็นิ่งค้างไป
“อะไรกันล่ะเนี่ยพี่สาว ดูท่าทางไม่ต้อนรับฉันเลยนะ” หลี่ชั่นผลักซิงหลานเข้าไปด้านในและก้าวเข้าไปในห้อง “ดูสภาพเธอสิ เธอกำลังจะได้แจ้งเกิด แต่เธอก็ยังไม่มีบ้านหลังใหญ่ให้อยู่ ในขณะที่พ่อกับแม่ให้เงินฉันไปซื้อวิลล่า แต่พวกท่านกลับไม่ได้นึกถึงเธอเลย”
“ถ้าเธอมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ ถ้าไม่มีก็ออกไปได้แล้ว” ซิงหลานหันไปและพยายามที่จะควบคุมอารมณ์อย่างถึงที่สุด
“พี่สาวที่รัก เธอคิดว่าตัวเองจะชนะการประกวดนี้จริงๆ เหรอ” หลี่ชั่นเดินมาหาซิงหลานก่อนยกมือบีบแก้มของอีกฝ่าย เล็กของเธอจิกเข้าไปในผิวของซิงหลานจนเกือบได้แผล “ใครมันทำให้เธอมั่นใจจนทำอย่างนี้กัน”
“ถ้าเธอจะมาเพื่อพูดแค่นี้ก็กลับไปได้แล้ว” ซิงหลานสั่ง
หลี่ชั่นเหลียวมองผู้จัดการพลางพยักพเยิดอย่างมีเลศนัย
ผู้จัดการเข้าใจสถานการณ์ เธอจึงเข้าไปจิกผมของซิงหลานทันทีและอัดเธอเข้ากับกำแพง
เธอมีดีกรีถึงเทควันโดสายดำ…
ซิงหลานจะสู้เธอกลับได้อย่างไร
“เธอต้องลืมว่าตัวเองยังถูกตราหน้าว่าเป็นหัวขโมยอยู่แน่ๆ เธอกล้าไปลงประกวดลับหลังฉันได้ยังไงกัน หลี่ซิน เธอลืมไปแล้วเหรอว่าฉันสามารถแฉเรื่องจริงให้สื่อรู้ได้น่ะ”
ชื่อจริงของซิงหลานคือหลี่ซิน ถังหนิงต้องการทำสิ่งตางๆ ให้เธอสบายใจแต่เธอกลับถูกสื่อจับได้
“น่าทึ่งที่เธอผ่านไปถึงรอบสามร้อยคนสุดท้ายได้ แต่ฉันจะบอกเธอให้ว่าถ้าเธอไม่ประกาศถอนตัวจากการประกวดก่อนรอบต่อไป ฉันจะแฉความลับของเธอให้ทุกคนรู้…
“จำไว้ว่าเธอมีเวลาคิดแค่ไม่กี่วัน” พูดจบหลี่ชั่นก็ออกไปพร้อมผู้จัดการของเธอ เป็นจังหวะที่หลินเฉี่ยนสังเกตเห็นว่ามีหญิงสาวสองคนออกมาจากห้องของซิงหลาน ทีแรกเธอยังไม่รู้ว่าเป็นใครแต่ทันทีที่เห็นเลือดบริเวณศีรษะของซิงหลาน เธอก็รีบวิ่งไปหยุดหลี่ชั่นที่กำลังจะออกไปด้านนอกอาคารทันที
“เดี๋ยวก่อน”
“เธอกล้ามาขวางทางฉันได้ยังไงกัน” หลี่ชั่นกดเสียงข่มขู่ “ไม่รู้หรือยังไงว่าฉันเป็นใคร”
“หลี่ชั่น เธอเป็นผู้จัดการของพี่สาวเธอ” ผู้จัดการของหลี่ชั่นบอก
“เธอเองหรอกเหรอ” หลี่ชั่นมองพิจารณาหลินเฉี่ยนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “ฉันว่าคุณอย่าเสียเวลากับนังนั่นดีกว่า เพราะเธอกำลังจะถอนตัวจากการประกวดแล้วล่ะ”
“ใครเป็นคนทำร้ายซิงหลานก่อนหน้านี้” หลินเฉี่ยนสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่แววตาของเธอส่งประกายเชือดเฉือน
“เธอไม่ได้บังเอิญไปเดินชนอะไรเองหรอกเหรอ” หลี่ชั่นหัวเราะ “พอได้แล้วล่ะ เลิกมาวุ่นวายกับฉันสักที ต่อให้เธอเป็นน้องสาวของเฉวียนจื่อเยี่ย ฉันก็ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอจะดีนักหรอกนะ อีกอย่างฉันไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องกลัวเขาด้วย”
หลินเฉี่ยนอยากจะฝืนตัวเองเอาไว้ แต่ทว่า..
…หัวใจเธอร่ำร้องให้ฉีกผู้หญิงคนนี้ออกเป็นชิ้นๆ ไม่อย่างนั้นจะต้องเสียใจในอนาคต
“เธออยากจะทำร้ายฉันหรือไง เตือนไว้ก่อนนะว่าคนที่อยู่ข้างหลังฉันตอนนี้เป็นเจ้าของสายดำเทควันโด”
หลินเฉี่ยนอยากจะจัดการพวกเธอซะเดี๋ยวนี้ หากแต่อยู่ๆ ซิงหลานก็วิ่งออกมาพร้อมบาดแผลของเธอ “หลินเฉี่ยน… ปล่อยพวกเธอไปเถอะ…”
อย่างไรก็ตามหลินเฉี่ยนกลับไม่ยอมปล่อยให้พวกเธอไปไหนพร้อมปิดประตูหน้าและใช้ตัวบังเอาไว้ จากนั้นจึงต่อสายหาหลงเจี่ย “หลงเจี่ย ฉันมีปัญหาที่ดูเหมือนจะจัดการไม่ได้ค่ะ ฉันอยากให้คุณช่วย”
“โอ้ เธอกำลังโทรขอความช่วยเหลือเหรอ ได้สิ ฉันจะรอแล้วกัน” หลี่ชั่นไม่อยากจะเชื่อว่าหลินเฉี่ยนจะขอความช่วยเหลือจากที่ไหนได้ “เธอคงไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากพี่ชายของเธอใช่ไหม ยังไงเขาก็ไม่เคยยอมรับเธอนี่นา”
“หลินเฉี่ยน…”
หลินเฉี่ยนเป็นคนอารมณ์ร้อน นั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ เธอรู้สึกมาตลอดว่ามีความแค้นที่ต้องสะสาง ตราบใดที่ทำให้เธอและคนที่เธอรักพึงพอใจได้ ต่อให้ต้องใจร้ายมันก็คุ้มค่าที่จะทำ
ในขณะเดียวกันหลี่ชั่นไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวระหว่างที่รอให้หลินเฉี่ยนขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด
เดิมทีเธอคิดว่าหลินเฉี่ยนจะโทรหาเฉวียนจื่อเยี่ยหรือใครสักคนที่ต่อสู้เก่ง
หากแต่มีเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้น
คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้จัดการของถังหนิง หลงเจี่ย หญิงสาวที่มีสามีเป็นผู้มีอิทธิพลในไห่รุ่ย
“มีอะไรเหรอ” หลงเจี่ยถามหลินเฉี่ยนในขณะที่เธอก้าวเข้ามาในที่พัก
“น้องสาวของซิงหลานเข้ามาทำร้ายและข่มขู่เธอให้ถอนตัวออกจากการประกวดค่ะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยสั้นๆ