หลังจากขายรูปได้ ผู้จัดการก็รอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน นั่งนับเงินในมือไปพลาง แต่ทว่ารอแล้วรอเล่าชื่อของซย่าหันโม่ก็ไม่ปรากฏบนหน้าข่าวบันเทิงเสียที
เธอจึงตัดสินใจต่อสายหาช่างภาพ แม้ว่าเธอจะขายรูปไปแล้วและซย่าหันโม่ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธออีก เธอก็ไม่อาจลืมว่าอีกฝ่ายได้ต่อว่าเธอกับประธานหลิน ด้วยเหตุนี้เธอจึงหมายมั่นที่จะได้เห็นซย่าหันโม่ถูกทำลายจนย่อยยับ
ในเวลานี้เองเป็นอีกครั้งที่ซย่าหันโม่ปรากฏตัวขึ้นที่เอเจนซี่เพื่อขอยกเลิกสัญญา
ประธานหลินรู้ดีถึงสิ่งที่คนรักของเขาทำ เขาไม่รีรอที่จะตัดขาดกับซย่าหันโม่เพื่อไม่ให้เชียนหยิ่งมีเดียพลอยติดร่างแหไปด้วย
เพราะรูปยังไม่ถูกปล่อยออกไป นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ
“หันโม่ เอเจนซี่ก็ดีกับเธอมาตลอดสี่ปีมานี้ ในเมื่อเธออยากจะยกเลิกสัญญาเราก็จะไม่ทำให้เธอลำบากใจ นี่เป็นเอกสารยกเลิกสัญญา ฉันขอให้เธอเจอทางที่ดีในอนาคตแล้วกันนะ…
“ส่วนเรื่องเงินค่ายกเลิกสัญญาฉันจะไม่เร่งรัดอะไรเธอหรอกนะ มาจากกันด้วยดีดีกว่า”
“ขอบคุณที่เข้าใจนะคะ ประธานหลิน” ซย่าหันโม่ตอบกลับพร้อมหัวเราะเบาๆ
ประธานหลินคิดว่าเธอกำลังจะกลายเป็นผู้หญิงแพศยาที่ถูกทุกคนประณาม นี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่อย่างสงบก่อนพายุจะโหมกระหน่ำเข้าหา เขาร่างเอกสารยกเลิกสัญญาเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ก่อนเซ็นลงนามภายในเวลาสองชั่วโมง
“ตอนนี้สัญญาของฉันก็สิ้นสุดลงแล้ว ประธานหลินจะจัดการกับอดีตผู้จัดการของฉันไหมคะ ถ้าคุณไม่ทำอะไร ฉันจำเป็นต้องยื่นฟ้องศาลนะคะ”
เดิมทีประธานหลินนึกว่าเธอจะมาพูดเรื่องการยกเลิกสัญญาโดยไม่มีเงื่อนไขอื่นๆ ใครจะไปคิดว่าเธอจะกัดไม่ปล่อยแบบนี้
เขาอึ้งไปเล็กน้อยพร้อมท่าทีที่เปลี่ยนไป
“หันโม่ เธอไม่รู้สึกผิดบ้างเลยหรือยังไง เอเจนซี่ทำเพื่อเธอมามากพอแล้วนะ…”
“เอเจนซี่ที่เสวยสุขกับการหักหลังฉันมาหลายปีน่ะสิไม่ว่า” น้ำเสียงซย่าหันโม่เย็นเยียบ “ประธานหลินคะ ฉันทำงานอย่างตั้งใจและเชื่อฟังคำสั่งของเอเจนซี่มาตลอด แต่คุณก็ยังปล่อยให้ผู้จัดการเอาฉันไปขาย…”
“เธอพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ” ประธานหลินขึ้นเสียงใส่อย่างโกรธเกรี้ยว “เธอไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเอเจนซี่อีกแล้ว สัญญาของเธอก็ถูกยกเลิกแล้วด้วย เธอกำลังพยายามข่มขู่เรียกร้องเงินจากเราอย่างนั้นเหรอ ซย่าหันโม่ เธอมียางอายบ้างหรือเปล่า”
“ฉันบอกคุณแล้วไงคะ ฉันไม่ต้องการเงิน ฉันแค่ต้องการดำเนินคดีกับอดีตผู้จัดการของฉัน”
“เลิกตามรังควานเราได้แล้ว ออกไปซะ…”
“ประธานหลิน คุณกำลังบังคับให้ฉันทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่นะคะ” เธอเอ่ยเตือนเสียงเรียบ
“เธอน่ะเหรอ” เขาขยับเนกไทสีดำของตัวเองก่อนหัวเราะออกมาอย่างขบขัน “เธอสูญเสียฝ่ายสนับสนุนสุดท้ายของเธอไปแล้ว คิดว่าตัวเองจะอยู่รอดในวงการนี้ไปได้อีกสักกี่น้ำเชียว เธอจะเข้าร่วมสังกัดอื่นได้หรือยังไง ฉันจะบอกเธอให้นะ ไม่มีใครในวงการนี้กล้าเซ็นสัญญากับเธอหรอก!”
“นั่นไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อยค่ะ” จากนั้นซย่าหันโม่หยิบโทรศัพท์ออกมาและต่อสายหาทนายความของเธอต่อหน้าประธานหลิน “ยื่นหลักฐานให้ศาลได้เลยค่ะ ไหนๆ ก็จะทำแบบนี้แล้ว ฟ้องเชียนหยิ่งมีเดียด้วยเลยค่ะ ฉันมั่นใจว่าข่าวฉาวที่ประธานหลินรวมมือกับคนรักของตัวเองกดขี่ข่มเหงศิลปินต้องได้รับความสนใจไม่น้อยแน่ๆ ”
ประธานหลินชะงักงันไปเล็กน้อย ด้วยนึกไม่ถึงว่าซย่าหันโม่จะรู้เรื่องชู้รักของตัวเอง
“นี่เธอรู้…”
“ฉันรู้มากกว่าที่คุณคิดอีกค่ะ”
พูดจบซย่าหันโม่ก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องของอีกฝ่ายไป ในขณะที่เขาไม่สบอารมณ์หากแต่ไม่ได้เอาคำขู่ของเธอมาใส่ใจ
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็กำลังจะหมดสิ้นความน่าเชื่อถือในตัวเองไป จะมีใครที่ยังเชื่อคำพูดของเธออีก
“ยัยนั่นนี่ช่างซื่อบื้อจริงๆ ”
เพราะเช่นนั้นประธานหลินจึงปล่อยซย่าหันโม่ไปด้วยความคิดตื้นๆ นึกถึงเพียงหายนะที่กำลังรอเธออยู่ข้างหน้า แต่ทว่าไม่นานหลังจากนั้นเสียงเคาะประตูจากเลขาของเขาก็ดังขึ้นพร้อมเสียงที่เอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ “เอ่อ… ประธานหลินคะ เมื่อสักครู่ทุกคนในเอเจนซี่เห็นว่า…”
“เห็นอะไร” เจ้าของห้องถามอย่างรีบร้อน
“เห็นว่าถังหนิงมารับซย่าหันโม่ไปค่ะ”
“อะไรนะ”
“คือว่า…ซย่าหันโม่เซ็นสัญญากับทางจู้ซิงมีเดียแล้วค่ะ”
ประธานหลินถึงกับตกใจสุดขีด ถังหนิง! ซย่าหันโม่ไปยุ่งเกี่ยวกับถังหนิงได้อย่างไรกัน
“เธอแน่ใจว่าเห็นอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหม”
“มีคนเห็นเหตุการณ์เยอะเลยล่ะค่ะ” เธอตอบกลับด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม
“ถังหนิง… ถังหนิง… ยัยนั่นไปเกี่ยวข้องกับถังหนิงจริงๆ!” เขาตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก อย่างไรเขาก็รู้ดีว่าถังหนิงเป็นใครมากกว่าใคร ไม่รวมถึงความเจ้าคิดเจ้าแค้นของถังหนิงซึ่งไม่เคยแพ้ใครในวงการนี้ ที่ซย่าหันโม่หลอกเขาให้ยกเลิกสัญญาก็เพียงพอที่จะทำให้เขาหวาดหวั่นในใจพอตัวแล้ว
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ต่อให้ซย่าหันโม่เซ็นสัญญากับจู้ซิงมีเดียไปแล้วก็ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอก ถึงอย่างไรเธอก็กำลังจะถูกทำลายจนไม่มีชิ้นดีอยู่แล้ว”
โชคไม่ดีนักที่เป็นอีกครั้งที่เขาคิดผิด เพราะสิบนาทีหลังจากนั้นพัสดุที่ส่งตรงมาจากจู้ซิงมีเดียก็เดินทางมาถึง ส่วนของในนั้น…มันช่างอนาจารและไม่น่าเชยชมเลยแม้แต่น้อย ส่งให้สีหน้าของประธานหลินซีดเซียวไปด้วยความหวาดกลัว
“ติดต่อจู้ซิงมีเดียเดี๋ยวนี้… ไม่สิ เชิญพวกเขามาเดี๋ยวนี้ เชิญนายใหญ่ของพวกเขามา ฉันต้องการพบถังหนิง!”
เลขาสาวต่อสายหาจู้ซิงมีเดียทันที แต่ทว่าคำตอบที่เธอได้กลับมานั้น “เธอยุ่งค่ะ”
ไม่เพียงแต่เธอจะไม่มีเวลาว่าง หลงเจี่ยยังพูดเสริม “ซย่าหันโม่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเชียนหยิ่งมีเดียแล้ว ประธานหลินจะยอมเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องคนรักของตัวเองก็ได้ หรือจะกำจัดเธอและเอาตัวเองให้รอดก็ได้”
แม้แต่คนปัญญาอ่อนยังรู้เลยว่าต้องทำอย่างไร
ประธานหลินตัดสินใจเอาตัวรอดตามสัญชาตญาณ อย่างไรก็ตามเรื่องเช่นนี้มักถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นที่เกี่ยวพันกับผู้เสียหายทั้งสองฝ่าย
หากแต่ไม่มีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับซย่าหันโม่เลยแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกัน ถังหนิงทำเพียงรอดูการแสดงเด็ดๆ เท่านั้น
“ทำไมเราไม่แฉทั้งสองคนเลยล่ะคะ” ซย่าหันโม่เอ่ยถาม “เรากำลังรอให้พวกเขาหาทางหนีทีไล่เหรอคะ”
“แค่รอเวลาที่มันจะถูกเปิดเผยเท่านั้นล่ะ ตอนนี้ยังถึงเวลา ระหว่างประธานหลินกับอดีตผ็จัดการของเธอ เธอคิดว่าใครจะชนะล่ะ ในท้ายที่สุดพวกเขาก็จะตกต่ำไปตามกัน จากนี้ไปเธอควรให้ความสำคัญกับการกอบกู้ภาพลักษณ์ของเธอมากกว่าที่จะไปกังวลเรื่องอื่นนะ” ถังหนิงอธิบายพร้อมรอยยิ้ม “เธอสามารถใส่ใจกับเรื่องนี้ได้ในระหว่างที่เรื่องอื่นๆ เกิดขึ้นได้นะ”
“ว่าแต่ประธานโม่ไม่ได้บอกว่าไม่ให้เปิดเผยว่าคุณเซ็นสัญญากับฉันเหรอคะ”
“มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์น่ะนะ…ฉันไม่คิดว่าการปล่อยให้สื่อรู้จะเป็นเรื่องที่แย่นักหรอก” ถังหนิงตอบกลับอย่างมีความนัย
ซย่าหันโม่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เธอยังคงไม่แน่ใจกับอนาคตของตัวเอง
อย่างไรก็ตามถังหนิงรู้ดีถึงจุดยืนที่ควรจะเป็นของซย่าหันโม่ เธอไม่เหมาะที่จะอยู่ในวงการนี้ต่อไป ตอนนี้ทั้งหมดที่เธอต้องทำคือการกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองและหลบฉากออกจากความสนใจของสื่อ
“เธอชอบไปเที่ยวไหมล่ะ”
“ทำไมคุณถึงได้ถามอย่างนั้นล่ะคะ” ซย่าหันโม่ถามกลับ
“ไม่มีอะไรหรอก กลับบ้านแล้วนอนหลับให้สบายเถอะ นับจากวันพรุ่งนี้ไปทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” ถังหนิงเอ่ยพลางตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ “เชื่อฉันสิ”
ซย่าหันโม่ติดต่อถังหนิงไม่ใช่เพราะเชื่อใจเธอหรืออย่างไร
แม้ว่าการกู้ภาพลักษณ์ของเธอให้ใสสะอาดจะเป็นเรื่องที่ยากเกินไป ทว่าถังหนิงก็ทำตามที่ตัวเองสัญญาไว้เสมอ
…